พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 13 มีนาคม 2568
วันพระหลายคนตื่นแต่เช้าเพื่อรอใส่บาตรพระ หรือมิเช่นนั้นก็มาวัดเพื่อถวายสังฆทาน อันนี้ก็เป็นบุญที่น่าอนุโมทนา แต่ว่าวันพระนี้เราอย่าเข้าใจว่าเป็นพระสงฆ์ ที่จริงเป็นวันพระธรรม เรียกว่า วันธรรมสวนะ
ธรรมสวนะแปลว่าฟังธรรม หลายคนพอเข้าใจว่าเป็นวันพระสงฆ์ ก็นึกถึงการทำบุญถวายทานให้กับพระสงฆ์ ที่จริงการถวายทานซึ่งเป็นการปฏิบัติธรรมอย่างหนึ่ง ถ้าจะทำในวันพระนี้ ก็ไม่ได้จำกันว่า จะต้องมาทำที่วัดหรือถวายทานกับพระสงฆ์ ขึ้นชื่อว่าทานแล้วนี้ก็เป็นการปฏิบัติธรรม หรือเป็นการทำบุญที่น่าอนุโมทนาทั้งนั้น
และถ้าไม่สะดวกไปถวายทานที่วัด หรือว่าถวายทานกับพระ ก็อาจจะให้ทานเป็นอาหาร หรือว่าให้ยารักษาโรค หรือให้ที่พักแก่คนทั่วไปก็ได้ที่เขาเดือดร้อน ไม่จำเป็นต้องมาทำที่วัดหรือว่ามาถวายกับพระสงฆ์เท่านั้น คนที่เขาเดือดร้อน ที่เขาขาดอาหารยังชีพ ขาดยารักษาโรค หรือว่าไม่มีที่พักนี้เราก็ช่วยเขาก็ได้
ด้วยการให้ทาน ให้อาหาร ให้ยารักษาโรค ให้ที่พัก หรือมิเช่นนั้นก็ให้เงินกับคนที่เขาช่วยเหลือบุคคลเหล่านี้ เดี๋ยวนี้ก็มีเยอะเลยทั้งที่เป็นบุคคล ทั้งที่เป็นหน่วยงาน ทั้งที่เป็นมูลนิธิ องค์กรที่เขาช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน
ใครที่อยากจะปฏิบัติธรรมเป็นพิเศษเนื่องในวันพระ นอกเหนือจากการฟังธรรมแล้วนี้ ก็ถือว่าใช้โอกาสนี้นี่แหละเป็นการปฏิบัติธรรมให้เข้มขึ้นกว่าวันปกติ ซึ่งในแง่นี้ก็คือการให้ทานที่เป็นพิเศษกว่าวันอื่นๆ หรือจะทำทุกวันก็ยิ่งดี
แต่นอกเหนือจากการให้ทาน ให้อาหาร ให้ยารักษาโรคแล้ว ก็อย่าลืมการรักษาศีล รักษาศีลให้ครบถ้วน อย่างน้อยก็ศีลห้าถ้าไม่ใช่ศีลแปด คนไทยสมัยก่อนนี้พอถึงวันพระ ก็จะตั้งใจปฏิบัติศีลห้าให้ครบถ้วน ที่เคยกินเหล้าก็งดกินเหล้า ที่เคยไปฆ่าสัตว์เพื่อยังชีพก็งด สมัยนี้ก็ยังทำได้ถ้าหากว่าตั้งใจทำ
และนอกจากการให้ทาน การรักษาศีลแล้ว อีกอย่างหนึ่งที่เราทำได้และควรทำมากๆ ก็คือการภาวนา การฝึกใจ หรือการรักษาใจ ไม่ให้มีความโลภ ความโกรธเกิดขึ้น เพราะถ้าเกิดเกิดขึ้นแล้วก็จะสร้างความทุกข์ให้กับใจ
อย่างวันพระนี้ถ้าเราเกิดติดใจในอบายมุข ชอบจับจ่ายใช้สอย ชอบช็อปออนไลน์ เพลาๆ บ้างก็ดี เป็นการบรรเทาโลภะ
โทสะก็เหมือนกันถึงวันพระนี้เราก็อาจจะตั้งใจว่า เราจะโกรธให้น้อยลง จะไม่โกรธเลยก็คงจะยาก แต่ว่าอาจจะตั้งกติกากับตัวเองว่า หรือมีลิมิตให้กับตัวเองว่า วันนี้จะโกรธได้ไม่เกินสามครั้ง จะโกรธได้ไม่เกินสามเหตุการณ์ สามเรื่อง ปกติโกรธทั้งวันเป็นสิบๆ เรื่องก็มี แต่ถึงวันพระก็ทำอะไรให้พิเศษหน่อย
แต่บางคนก็อาจจะบอกว่า ให้ไม่โกรธนี้มันยาก ซึ่งก็จริงไม่โกรธเลยนี้ยาก หรือว่าจะห้ามไม่ให้โกรธเกินสามครั้งนี้ก็ยาก เพราะพอมันมีอะไรมากระทบ มันก็เกิดความหงุดหงิด ความไม่พอใจ ห้ามไม่ได้ แต่ก็อาจจะภาวนาด้วยกันตั้งใจว่าจะไม่เก็บความโกรธไว้นาน แต่ก่อนเก็บความโกรธไว้ทุกเรื่องเลย ตอนนี้พอถึงวันพระก็ตั้งใจว่าจะเก็บความโกรธไว้ไม่เกิน 3 ครั้ง หรือ 3 เรื่อง 3 เหตุการณ์
ทำอย่างไรถึงจะไม่เก็บความโกรธเอาไว้ให้มันระอุอยู่ในใจ ก็อาจจะต้องมีวิธีการหลายอย่าง วิธีการหนึ่งคือช่างมัน มีรถปาดหน้าก็ช่างมัน มีใครมาแซงคิวก็ช่างมัน ไม่ไปถือสา ใครพูดนินทาเข้าหู เราก็ช่างมัน อย่าไปสนใจ ถ้าลองช่างมันอย่างนี้สัก 3 ครั้งใน 1 วัน หรือ 5 ครั้งใน 1 วัน มันจะช่วยให้ความโกรธทุเลาเบาบางได้
จะไม่ให้โกรธเลยหลายคนก็บอกว่ายาก แต่โกรธแล้วอย่าให้มันนาน ทันทีที่โกรธก็ช่างมันเลย เพราะถ้าไปสนใจจดจ่อมัน ก็ยิ่งโกรธมากขึ้น ยิ่งหงุดหงิดมากขึ้น เป็นการบั่นทอนจิตใจทำให้ไม่มีความสุข
ในวันพระนี้ก็ลองฝึกช่างมันดูบ้าง ไม่สนใจบ้าง ปล่อยมันไปบ้าง ใครเขาจะขับรถปาดหน้าก็ช่างมัน ไม่ไปขับรถไล่ล่าหรือว่าบีบแตรใส่ เพราะว่านอกจากความโกรธมันจะเผาลนใจแล้ว ก็อาจจะทำให้เกิดเหตุการที่ร้ายแรง คนที่ปาดหน้าเราแล้วถูกเราบีบแตรใส่ หรือว่าไล่ล่ากระชั้นชิดก็อาจจะไม่พอใจ เพราะเขาเป็นคนพาล อาจจะทำอะไรรุนแรงกับเรายิ่งกว่านั้นก็ได้
นอกจากจะใช้วิธีการอุบายช่างมันแล้ว เวลามีความโกรธเกิดขึ้นในใจนี้ก็ลองแผ่เมตตาดูบ้าง การแผ่เมตตาหรือเจริญเมตตาจิต เป็นการปฏิบัติธรรมที่สำคัญ พระพุทธเจ้าตรัสว่า ผู้ที่รู้จักเจริญเมตตาจิตช่วงสั้นๆ นี่เรียกว่าช่วงเวลารีดนมโค จะได้อานิสงส์มากกว่าการรักษาศีล หรือว่าการสมาทานพระรัตนตรัยเป็นสรณะ หรือแม้กระทั่งมากกว่าการถวายทานด้วยอาหาร 300 หม้อ
300 หม้อนี่ต้องใช้เวลาเยอะ ทำทั้งวัน อาจจะหลายวัน แต่ไม่สู้เท่ากับการเจริญเมตตาจิต ไม่ถือโทษโกรธเคืองผู้คนเพียงชั่วเวลารีดนมโค อีกที่หนึ่งบอกว่าเจริญเมตตาจิตนี้ ในช่วงเวลาสั้นๆ คือชั่วเวลาสูดดมกลิ่นหอม มีอานิสงส์ยิ่งกว่าการถวายทานกับพระอรหันต์ 100 รูป หรือการถวายทานแก่สงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน ไม่ต้องพูดถึงการสมาทานสิกขาบท แค่เจริญเมตตาจิตนี้ชั่วเวลาสูดดมกลิ่นหอมประเดี๋ยวเดียวเอง มีอานิสงส์ยิ่งกว่าการถวายทานแก่สงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธาน
พวกเรานี้ทั้งหมดนี้ชาตินี้ก็ไม่มีโอกาสจะทำอย่างนั้นแล้ว ถวายทานที่พระพุทธเจ้าเป็นประธานสงฆ์ แต่ว่าเราก็ยังสามารถจะบำเพ็ญบุญที่มีอานิสงส์พอๆ กัน หรือยิ่งกว่านั้นได้
นอกจากการเจริญเมตตาจิตแล้ว การพิจารณาความไม่เที่ยงของสังขารเรียกว่า เจริญอนิจจสัญญา ตระหนักถึงความไม่เที่ยงของชีวิตของสรรพสิ่ง ของคนรักเรานี้ แม้กระทั่งช่วงเวลาสั้นๆ คือช่วงเวลาที่ลัดนิ้วมือเดียว เจริญอนิจจสัญญาชั่วลัดนิ้วมือเดียวนี้มีอานิสงส์ยิ่งกว่าการถวายทานแก่พระอรหันต์ 100 รูป ชาตินี้เราคงจะถวายทานแบบนั้นไม่ได้ เพราะไม่รู้ว่าใครเป็นพระอรหันต์บ้าง หรือถึงรู้ก็คงมีไม่ถึง 100 หาเจอไม่ถึง 100
แต่เราก็สามารถทำบุญได้ด้วยการเจริญอนิจจสัญญา มีอานิสงส์มาก พระพุทธเจ้าตรัสว่ามีอานิสงส์ยิ่งกว่าการถวายทานแก่พระพุทธเจ้าด้วยซ้ำ ถวายทานกับพระปัจเจกกับพุทธเจ้าก็มีอานิสงส์ไม่เท่ากันการเจริญอนิจจสัญญาชั่วลัดนิ้วมือเดียว แม้กระทั่งการถวายทานกับพระสงฆ์ที่มีพระพุทธเจ้าเป็นประธานก็ยังได้อานิสงส์ไม่เท่าการเจริญอนิจจสัญญาชั่วลัดนิ้วมือเดียว
และนี่คือการปฎิบัติธรรมที่เราทำได้ อย่างน้อยก็ทำในวันพระ และถ้ายิ่งทำได้ทุกวันก็ยิ่งดี ไม่ว่าจะเป็นการให้ทาน การรักษาศีล การเจริญภาวนา
เพราะฉะนั้น วันพระนี้ควรจะเป็นวันที่เตือนใจให้เราระลึกถึงสิ่งเหล่านี้ ความดีเหล่านี้ แล้วก็เริ่มทำจากวันพระขยายไปสู่วันปกติธรรมดา ให้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราทุกวันในชีวิตประจำวัน.