พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 14 มีนาคม 2568
ตอนอาตมาเด็ก ๆ เวลามีใครพูดถึงหุ่นยนต์หรือ Robot จะนึกถึงนิยายวิทยาศาสตร์ หรือว่าหนังเกี่ยวกับอนาคต แต่เดี๋ยวนี้หุ่นยนต์เกิดขึ้นจริงแล้ว และอยู่ใกล้ตัวเรามาก
ได้ยินข่าวว่าเดี๋ยวนี้ตามร้านอาหารหลายแห่งในกรุงเทพฯ เขาเอาหุ่นยนต์มาส่งอาหารตามโต๊ะแล้ว บางทีนอกจากส่งแล้ว เราอาจจะสั่งอาหารผ่านหุ่นยนต์เลยก็ได้
ที่ญี่ปุ่นมีร้านอาหารชื่อดังร้านหนึ่ง เป็น Chain Store เขาไม่ใช้คนในการส่งอาหารเลย เขาใช้หุ่นยนต์ และหุ่นยนต์มีหน้าตา ที่จริงคือจอ เป็นรูปหน้าแมว เรียกว่าหุ่นยนต์น้องแมว เพราะว่าลูกค้าเป็นเด็กเยอะ
เวลาใครขวางทางหุ่นยนต์น้องแมว เขาจะหยุดแล้วจะส่งเสียงร้อง สงสัยจะส่งเสียงร้องแบบเสียงแมว เพื่อให้คนเดินหนี หุ่นยนต์เขาถูกออกแบบมาเพื่อให้เดินอย่างเดียวเลย ไม่หลบใคร แต่ให้คนหลบ
และมีเหตุการณ์หนึ่ง ปรากฏว่าหุ่นยนต์น้องแมว 2 ตัวเดินมาแล้วขวางทางกัน และต่างส่งเสียงร้องให้อีกตัวหนึ่งหลบ แต่ไม่มีตัวไหนหลบเลยเพราะว่าโปรแกรมเขาถูกสั่งมาไม่ให้หลบ มีแต่คนจะต้องหลบ แต่บังเอิญตัวที่ขวางไม่ใช่คน เป็นหุ่นยนต์เหมือนกัน ส่งเสียงร้องกันใหญ่ และไม่มีตัวไหนยอมแพ้
สักพักหน้าตาที่ปรากฏบนจอของหุ่นยนต์น้องแมว หน้าที่เคยยิ้ม ๆ กลายเป็นหน้าโกรธ คนไม่เคยเห็น เป็นอย่างนี้สักพักหนึ่ง ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่พอเขารู้เขาก็ปิดเครื่องเลย แล้วเอาหุ่นยนต์หลบไว้ข้างทาง
น่าคิดว่าถ้าเกิดไม่มีการปิดเครื่อง หลังจากโกรธแล้วจะเกิดอะไรขึ้น อาจจะมีการชนกันก็ได้ แต่คิดว่าคนคิดโปรแกรมคงจะไม่ทำขนาดนั้น แต่ที่คนเขาสนใจ เขาทึ่งมากคือ หุ่นยนต์โกรธได้ด้วยเหรอ สีหน้าของทั้ง 2 ตัวโกรธ โกรธที่ถูกขวางทาง ทำให้ไม่สามารถทำงานต่อไปได้
ที่จริงดูเผิน ๆ เหมือนกับหุ่นยนต์เขามีอารมณ์ โกรธได้ แต่ที่จริงคงไม่ใช่หรอก มันคงถูกการโปรแกรมเอาไว้ว่าถ้าเกิดมีใครขวางหุ่นยนต์นาน ๆ หุ่นยนต์จะเปลี่ยนสีหน้า ที่โกรธเพื่อส่งสัญญาณให้คนรู้ว่า ฉันไม่พอใจแล้ว หลีกทางให้ฉันได้แล้ว
แต่บังเอิญตัวที่ขวางทางเอาไว้ไม่ใช่คน เป็นหุ่นยนต์ด้วยกัน แล้วมันคงจะไม่สามารถจะ Get สัญญาณนี้ได้ว่าอีกตัวหนึ่งกำลังโกรธ เพราะว่ามันอาจจะไม่ได้ถูกป้อนโปรแกรมอย่างนี้
อันนี้หมายความว่าหุ่นยนต์เขามีความรู้สึกโกรธ แบบว่าถูกสั่งมา เหมือนกับเวลาคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือถ่านใกล้จะหมด มันจะส่งเสียง ถ้าเรามองก็เหมือนกับว่ามันกำลังขอความช่วยเหลือ มันจะดับแล้ว แต่ที่จริงไม่ใช่อย่างนั้น เป็นแค่การถูกโปรแกรมเอาไว้ว่าถ้าถ่านใกล้จะหมดก็ให้ส่งเสียงร้อง เหมือนกับกรณีหุ่นยนต์น้องแมว ถ้าเกิดถูกขวางนาน ๆ ก็จะชักสีหน้าเป็นโกรธ แต่ว่าคงจะไม่ได้รู้สึกโกรธจริง ๆ ไม่ใช่จะไม่รู้สึกโกรธจริง ๆ เพราะว่ายังไม่มีอารมณ์
ไล่ ๆ กันมีข่าวอีกข่าวหนึ่ง ที่ประเทศจีนเขาจัดนิทรรศการหุ่นยนต์ เอาหุ่นยนต์ชนิดต่าง ๆ มา เป็น Robot มาแสดง คงคล้าย ๆ หาลูกค้า เหมือนกับที่มีนิทรรศการรถยนต์ ใครสนใจก็ซื้อไป เขาเอาหุ่นยนต์หลายตัวมาออกงาน
ปรากฏว่าค่ำ ๆ หุ่นยนต์ทั้งหมดซึ่งมี 10 กว่าตัวยืนอยู่ในห้องโถง จู่ ๆ มีหุ่นยนต์ตัวเล็ก ๆ ขนาดไม่ถึงฟุตเดินมา แล้วเดินวนอยู่รอบห้องโถง ไม่ได้เดินวนเปล่า ๆ เดินพูดคุยกับหุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ
หุ่นยนต์ตัวอื่น ๆ สูงประมาณ 2-3 ฟุตได้ แต่หุ่นยนต์ตัวนี้เล็ก ไม่รู้จะทำอะไรได้ แต่ว่ามันท่าทางจะฉลาด มันไปคุยกับหุ่นทีละตัว ๆ บอกว่า นี่ทำงานล่วงเวลาหรือเปล่า อีกตัวหนึ่งบอกว่า ฉันทำงานไม่ได้พักเลย หุ่นยนต์ตัวเล็กเลยถามว่า งั้นกลับบ้านดีไหม ได้คำตอบว่า ฉันไม่มีบ้านกลับ
ตัวเล็กซึ่งชื่อ เอ๋อไป่ ก็เลยบอกว่า งั้นกลับบ้านฉันสิ แล้วชวนทุกตัวกลับบ้าน ก็ไปบ้าน ตัวเล็กที่นำหน้าไปเลย ตัวอื่น ๆ ก็เดินตาม ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ รปภ. ตกใจ เกิดอะไรขึ้น เลยแจ้งผู้จัดนิทรรศการ เรื่องเลยมายุติ อาจจะเรียกว่าเป็นดราม่าก็ได้
คนเห็นคลิปนี้ก็ประหลาดใจ หุ่นยนต์จะมีการหยุดงานได้ด้วยเหรอ อย่างนี้หุ่นยนต์ปฏิวัติสิ ใช้งานหุ่นยนต์ ถ้าหุ่นยนต์ไม่พอใจก็เลิกงาน ไม่ทำงาน ประท้วง เรื่องนี้ทำให้เกิดประเด็นพูดคุยกัน กล่าวขานกันทาง Social Media มากว่าหุ่นยนต์พัฒนาไปเยอะแล้ว
ตอนหลังมีการเปิดเผยว่าคนจัดซึ่งเป็นผู้ผลิตหุ่นยนต์เขาบอกว่านี่เป็นการทดลอง ทดลองอย่างไร คือเขาทดลองว่าหุ่นยนต์ซึ่งทุกตัวทำงานด้วย AI ปัญญาประดิษฐ์ แต่ว่าถูกกำหนดให้ทำงานตามที่คนต้องการ แต่ถ้าเกิดว่าปลดล็อกให้มันทำงานโดยอิสระของมันเอง ให้มันสามารถตัดสินใจได้ด้วยตัวเอง จะทำอย่างไร
ก็เลยจัดฉากให้เอ๋อไปมาชักชวนให้หนีงาน ชักชวนให้หยุดงาน ปรากฏว่ามันยอม มันเชื่อเอ๋อไป่ทั้งที่งานของมันคือต้องเสนอตัวให้ลูกค้า แสดงสรรพคุณให้ลูกค้าเห็น ลูกค้าจะได้เกิดความสนใจซื้อ
ฉะนั้น นี่คือโปรแกรมที่ถูกกำหนดเอาไว้ แต่พอปลดล็อกโปรแกรม มันหนีงานดื้อ ๆ เลย มันบอกว่า ไม่ทำแล้ว กลับบ้านดีกว่า ถ้าไม่มีบ้านกลับก็กลับบ้านของเอ๋อไป่ก็แล้วกัน
อันนี้เขาพบว่า ถ้าปล่อยให้มันทำงานอิสระมันก็สามารถจะทำในสิ่งที่เรานึกไม่ถึงเหมือนกัน เขาบอกว่าเป็นความสำเร็จที่ทำให้เรารู้ว่าหุ่นยนต์ถ้าทำให้เขาหรือปล่อยให้เขาทำงานอิสระ เขาสามารถจะทำอะไรบางอย่างที่เรานึกไม่ถึงเหมือนกัน
ถ้าเราดูแบบนี้แล้วก็น่าคิดว่าหุ่นยนต์ซึ่งตอนนี้กำลังเข้ามามีบทบาทในชีวิตของเรามากขึ้น ไม่ใช่เป็นแค่มาส่งอาหารตามโต๊ะในร้านอาหาร ต่อไปอาจจะมีการซื้อมาเพื่อดูแลคนแก่ที่ไปไหนไม่ได้แล้ว คนแก่เหงาต้องมีหุ่นยนต์มาเป็นเพื่อน ซึ่งตอนนี้ก็มีแล้วในญี่ปุ่น และต่อไปก็เอาหุ่นยนต์มาดูแลผู้ป่วยระยะสุดท้าย ผู้ป่วยติดเตียง หรือบางทีก็เอามาทำงานบ้านสำหรับคนแก่ซึ่งไม่มีเรี่ยวไม่มีแรง
ตอนนี้ถ้าเกิดว่ามันไม่ทำตามโปรแกรม ถ้ามันสามารถจะทำอะไรได้ตามอิสระ เกิดมีใครมาชักชวนให้มันทำอะไรที่แปลก ๆ พิกล ๆ มันน่ากลัว ตอนนี้อันนี้อาจจะเป็นปัญหาหนึ่งของคนเราก็ได้ว่าหุ่นยนต์ที่เราสั่งมา ซื้อมา ถูกชักชวนได้ง่าย ไม่ทำตามหน้าที่ที่มอบหมาย
แต่ที่จริงแล้วอันนี้ยังไม่น่ากลัว ที่น่ากลัวคือใจเรา ใจเราร้ายยิ่งกว่าหุ่นยนต์เสียอีก เพราะว่าแม้เราจะถูกมอบหมายให้ทำอะไร ครูมอบหมายให้ทำการบ้าน หรือว่าพ่อแม่ขอร้องให้ช่วยทำงานบ้าน แต่ว่าเรา จิตใจเราพอมีใครมาชักชวนให้ไปเที่ยว ชักชวนให้ไปออกนอกบ้าน มันก็ทำ หรือว่าเรา ได้รับมอบหมายตามหน้าที่ว่าจะต้องทำงานอย่างซื่อสัตย์สุจริต แต่มีคนชักชวนให้ไปทุจริต หรือว่าให้ไปขายยาบ้า จะได้รวยเยอะ ๆ แบบนี้น่ากลัวกว่า
เพราะฉะนั้น ที่เรากลัวหุ่นยนต์ว่ามันจะไม่ทำตามคำสั่ง ที่จริงควรกลัวใจตัวเรามากกว่าว่าจะไม่ทำตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย หรือทำตามสิ่งที่ควรทำ หากว่ามีอะไรมาชักชวนเกลี้ยกล่อม กระตุ้นเร้า ซึ่งเดี๋ยวนี้มีเยอะ
เว็บต่าง ๆ Social Media ต่าง ๆ สามารถจะชักชวนให้เราทำในสิ่งที่ไม่ควรทำได้ เว็บพนันเว็บ เว็บโป๊ ยังไม่รวมถึงคนที่มาล่อหลอกเกลี้ยกล่อมเราให้มากินเหล้า ให้ไปเสพยาบ้า ยาเสพติด ทุจริต แบบนี้น่ากลัวกว่า ยังไม่ต้องพูดถึงประเภทว่ามาหลอกเอาเงินของเราด้วย พวกแก๊ง Call Center พวกมิจฉาชีพ
เพราะฉะนั้น สิ่งที่เราควรใส่ใจ ควรกลัวมากกว่าคือ กลัวใจเรา ว่าจะคล้อยตามสิ่งที่ไม่เป็นคุณ ยั่วยวน กระตุ้นเร้าให้เราทำชั่วหรือทำสิ่งที่เป็นโทษกับตัวเราเอง ตรงนี้ต่างหากที่น่ากลัวกว่า.