พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 15 มีนาคม 2568
เมื่อสองวันก่อนมีพระและโยมคณะใหญ่คณะหนึ่งมาที่วัด หลายคนก็มีชีวิตมีเรื่องราวที่น่าสนใจ โดยเฉพาะวัยรุ่นคนหนึ่งเป็นผู้หญิงอายุประมาณสัก 17-18 ชื่อ ฟ้าใส เธอก็ดูร่าเริงอารมณ์ดี แต่ว่าเบื้องหลังชีวิตที่ผ่านมาเรียกว่าเจอความทุกข์ยากและบางช่วงก็สาหัสมาก
ตั้งแต่ตอนเธอเป็นเด็กเล็ก ทารกก็ว่าได้ อายุ 5 เดือน ก็พบว่ามีเนื้องอกที่สมอง และสงสัยว่าจะเป็นมะเร็ง เจอแบบนี้หมอก็ต้องจัดการผ่าเอาเนื้องอกออกมา อันตราย เพราะเด็กแค่ 5เดือน และอวัยวะที่ถูกผ่าก็คือสมองเสียด้วย
ปรากฏว่ารอดมาได้ แต่ปัญหาก็คือ เอาเนื้องอกออกมาไม่หมด และเมื่อสงสัยว่าเนื้องอกเป็นมะเร็งก็ต้องทำคีโมบำบัด 16 ครั้ง ผู้ใหญ่ทำเคมีบำบัดแค่ 2-3 ครั้งก็แย่แล้ว แต่เด็กเล็กๆคนนี้โดนไป 16 ครั้ง แต่เธอก็ทน มีบางช่วงก็เรียกว่าชักเลย ต้องเข้าห้องไอซียูแต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้ ก็เรียกว่าเด็กเข้มแข็งมาก
แต่ดูว่าเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะแม้ว่าจะรอดมาได้แต่ปรากฏว่าตาบอดทั้ง 2 ข้าง
หมอก็สงสัยว่าเนื้องอกนั้นจะไปกดทับระบบประสาทที่เกี่ยวกับการมองเห็น ตานี่ดีอยู่แต่สมองส่วนที่ควบคุมเรื่องการมองเห็นเสียไป ก็เลยตาบอดตั้งแต่อายุ 5-6เดือน
ลองคิดดู คนเราถ้าตาบอดตั้งแต่ยังเล็กจะลำบากแค่ไหน แต่โชคดีที่เธอมีแม่ที่ชื่อว่า ปวีณา รักลูกมาก ทุ่มเทเพื่อลูก แม้จะทุกข์ยังไงก็ยอมเพื่อให้ลูกสามารถจะมีชีวิตเหมือนคนปกติ และเธอก็ดูแลลูกเหมือนคนปกติ ไม่ได้มองว่าลูกพิการ อันนี้สำคัญถ้าพ่อแม่หรือคนใกล้ชิดปฏิบัติต่อเด็กแม้จะพิการยังไงแต่ปฏิบัติต่อเขาเหมือนคนปกติ เขาก็จะเติบโตมาโดยที่ไม่รู้สึกด้อย
และตอนที่ฟ้าใสอายุ 4 ขวบนั้น เธอก็มีความเบิกบานแจ่มใสน่ารักน่าเอ็นดูมาก อารมณ์ดีชอบร้องเพลงจนใครๆก็อดประทับใจไม่ได้ ก็เลยมีรายการ คนค้นฅน มาทำเรื่องราวของเธอตั้งแต่ 13 ปีที่แล้ว เด็กที่ชื่อฟ้าใสคนนี้ร่าเริงมาก แม้ว่าจะมีความพร่องทางสายตาแต่ว่าใจเต็มอิ่ม เต็มอิ่มด้วยความรักของแม่ และไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองด้อยเลย
เธอก็เลยเติบโตขึ้นมาจนถึงวันนี้เป็นวัยรุ่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้หดหู่หม่นหมอง ตั้งแต่เล็กเธอก็ถูกสอนให้รู้จักพึ่งตัวเอง ทำอะไรด้วยตัวเองแม้ตาจะบอด อันนี้ก็ต้องเรียกว่าเป็นเพราะแม่ช่วยให้เธอสามารถพึ่งตัวเองได้ถึงแม้ว่าจะลำบาก อาจจะเสียเปรียบคนที่มีตาดีเพราะเวลาไปไหนมาไหนก็มีคนช่วย ช่วยนำทาง ช่วยบอกทาง ถ้าไม่มีคนช่วยบอกทางก็อาจจะไม่ปลอดภัย อาจจะเดินตกหลุม เดินตกน้ำ
ฉะนั้นที่เธอปลอดภัยได้มาถึงทุกวันนี้ ก็เพราะว่ามีคนช่วยบอกทางโดยเฉพาะแม่ปวีณา แต่ว่าคนเราจะมีคนช่วยบอกทางก็ทำให้แค่ตัวปลอดภัย แต่ใจเราก็ต้องมีสิ่งบอกทาง สิ่งนำทางด้วย หลายคนแม้จะมีตาดี ไม่ต้องอาศัยคนบอกทาง คนนำทาง แต่ว่าใจบอด บอดก็คือไม่มี ไม่เห็นธรรมะเป็นเครื่องนำทางจิตใจ
ร่างกายเราต้องอาศัยตาถึงจะเดินถูกทางหรือถ้าหากว่าตาบอดก็ต้องมีคนนำทาง แต่ใจนั้นก็ต้องมีสิ่งนำทาง สิ่งนำทางนั้นก็คือธรรมะ ถ้าใจเห็นธรรมก็ดำเนินชีวิตได้ถูกทาง แต่คนเรา ใจคนเราจะเห็นธรรมะได้ใจก็ต้องสว่าง ถ้าใจบอดก็ไม่เห็นธรรมะ เมื่อไม่มีธรรมะเป็นเครื่องนำทางชีวิตจิตใจ ก็อาจจะเข้ารกเข้าพงได้
ธรรมะที่ว่านี้หมายถึงอะไร ก็หมายถึงคุณธรรม ความดี ความรู้จักผิดชอบชั่วดี รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด เพราะถ้าหากว่าธรรมะที่ว่านี้ถ้าใจบอดแล้ว ก็ไม่รู้ว่าอะไรถูกอะไรผิด สำนึกความผิดชอบชั่วดีไม่มี ก็สามารถนำพาชีวิตจิตใจไปในทางต่ำได้ หรือเกิดโทษเกิดภัยแก่ตัวเอง
แต่ทั้งนี้นอกจากคุณธรรมความดีแล้วธรรมะที่สำคัญอย่างหนึ่งก็คือ สติ ความรู้สึกตัว เพราะถ้ามีสติความรู้สึกตัวก็จะช่วยรักษาใจไม่ให้ความทุกข์ครอบงำได้ คนที่รู้จักผิดชอบชั่วดีนั้นแม้ว่ากิเลสจะครอบงำลำบากแต่ก็อาจจะเผลอใจให้ความทุกข์ครอบงำได้ถ้าขาดสติ ขาดความรู้สึกตัว
เพราะฉะนั้นถ้าเกิดว่าใจบอดเสียแล้ว แม้ตัวจะปลอดภัยแต่ใจเป็นทุกข์ได้ คนที่ตาบอดบางคนซึ่งอาจจะรวมถึงฟ้าใส ตาบอดก็จริงแต่ใจไม่บอด เขาจึงสามารถนำพาชีวิตให้ถูกทิศถูกทางได้ ไปทางสูง ไปทางเจริญและมีธรรมะเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้ความทุกข์ครอบงำ
เพราะไม่อย่างนั้น หลายคนอย่าว่าแต่ตาบอดเลยเพียงแค่มีสิวไม่กี่เม็ดบนใบหน้าก็ทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว แต่ฟ้าใสนั้นแม้จะตาบอดแต่ใจไม่บอดด้วย เธอก็มีธรรมะเป็นเครื่องรักษาใจไม่ให้ทุกข์ ก็เลยมีความสดชื่น แจ่มใส อารมณ์ดี
ที่จริงแล้วการที่จะมีตาเห็นธรรม ธรรมที่ว่าไม่ใช่คุณธรรมความถูกต้อง สำนึกผิดชอบชั่วดีแล้วก็สติ ความรู้สึกตัวเท่านั้น ยังจะรวมถึงการรู้จักมองด้วย คนเราถ้าหากว่าใจเห็นแต่สิ่งที่ไม่ดีเห็นแต่ความบกพร่อง มันทุกข์ แต่ถ้ารู้จักมองเห็นสิ่งดีๆสิ่งที่มีอยู่ มันก็ทุกข์ยาก
นักขี่จักรยานชาวไทยคนหนึ่ง เขาขี่จักรยานรอบโลกเมื่อ 10 ปีก่อน มีช่วงหนึ่งเขาขี่จักรยานไปแถวอินเดีย เนปาล ก็แปลกใจว่าบนเทือกเขาหิมาลัยมีคนแขนขาด คนขาขาด คนเป็นมะเร็ง ขี่จักรยานเป็นพันๆกิโล มันน่าทึ่ง เขาสงสัยว่าทำได้ยังไง
แล้วพอเขาไปพูดคุยกับคนเหล่านี้ ก็พบเคล็ดลับอย่างหนึ่งซึ่งเป็นบทเรียนชีวิตที่สำคัญแก่เขาว่า หากคิดจะเดินไปข้างหน้า ก็อย่ามัวมองเห็นแต่สิ่งที่ไม่มี เห็นแต่สิ่งที่ขาด ต้องมองเห็นสิ่งที่มีอยู่
การที่คนเราจะทำความฝันให้สำเร็จได้ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้สิ่งที่มีอยู่มากน้อยแค่ไหน และคนพิการเหล่านี้เขาขาด เขาพร่อง คนป่วยก็เหมือนกันแต่เขาไม่มองสิ่งที่พร่อง เขามองสิ่งที่เขามีก็เลยสามารถทำสิ่งที่ทำได้ยากได้
บางคนตาบอดแต่ว่าสามารถจะขึ้นไปถึงยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ ยอดเขาเอเวอเรสต์สูงมาก อาตมาไม่มีปัญญาขึ้นไปถึงที่นั่นได้ แต่ว่าคนตาบอดไม่ใช่คนเดียวแต่หลายคน สามารถขึ้นไปถึงได้เพราะเขาไม่ได้มองสิ่งที่เขาขาด เขามองสิ่งที่เขามี แล้วก็ใช้สิ่งที่เขามีให้มากที่สุด
อย่างฟ้าใสก็เหมือนกันตาบอดแต่ว่าไม่มัวไปหมกมุ่นกับสิ่งที่ขาด มาใส่ใจกับสิ่งที่มีแล้วก็ใช้สิ่งที่มีให้เกิดคุณค่ามากที่สุด ก็เลยไม่ระทมทุกข์ จิตใจไม่หม่นหมอง มีความสดชื่นแจ่มใส มีความหวังในชีวิตได้
อันนี้เป็นบทเรียนสำหรับคนที่สุขภาพดีมีอวัยวะครบ 32 แต่ถ้าหากว่าเรามองไม่เป็นหรือถึงแม้ตาไม่บอด ใจบอด ชีวิตเราก็จะแย่ ระทมทุกข์ได้ง่ายมาก.
รับชมความน่ารัก น้องฟ้าใส ใน
คนค้นคน ดญ.ฟ้าใส นางฟ้าของแม่