พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 16 มีนาคม 2568
มีอาจารย์คนหนึ่งสอนวิชาเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ชื่อว่าดาต้าเบส (Database) ที่มหาวิทยาลัยเบิร์คลีย์ (Berkeley) เป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงมาก ที่จริงไม่ได้ชื่อเบิร์คลีย์ เป็นมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย (University of California) อยู่ที่เมืองเบิร์คลีย์ เป็นมหาวิทยาลัยที่มีนักศึกษาหัวกะทิเยอะมาก นักศึกษาไทยที่ไปเรียนที่นี้ก็มาก
เมื่อเร็ว ๆ นี้เขาตั้งข้อสังเกตว่า นักศึกษาในชั้นเรียนกระตือรือร้นน้อยลง ขวนขวายน้อยลง การตั้งคำถามถึงอาจารย์เกี่ยวกับวิชาเรียนในเว็บไซต์ของชั้นเรียนน้อยลงอย่างผิดสังเกต นักศึกษาที่มาหาอาจารย์หลังเลิกเรียนเพื่อมาถามปัญหาต่าง ๆ เกี่ยวกับการเรียนก็น้อยลง ที่สำคัญคือ คะแนนสอบโดยเฉลี่ยตกต่ำลงมาก เขาบอกว่าไม่เคยเจอคะแนนสอบเฉลี่ยที่ต่ำขนาดนี้ ต่ำที่สุดตั้งแต่ที่เคยสอนมา
และปรากฏว่าข้อสังเกตของอาจารย์คนนี้ สอดคล้องกับความคิดหรือสิ่งที่อาจารย์จำนวนมากในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ ทั้งในอเมริกา ในยุโรปได้ประสบ คือนักศึกษาคะแนนสอบโดยเฉลี่ยแล้วต่ำลงอย่างมาก โดยเฉพาะวิชาคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และแม้กระทั่งการอ่าน
และที่จริงแล้วไม่ใช่เฉพาะในประเทศที่ร่ำรวยอย่างยุโรป อเมริกา แม้กระทั่งประเทศไทย อาจารย์หลายคนก็ตั้งข้อสังเกตว่า คุณภาพความรู้ของนักศึกษาต่ำมาก ดูจากผลการสอบ จนมีการตั้งคำถามว่าเกิดจากอะไร
แล้วคำตอบคือ ตั้งแต่มีแชทจีพีที (ChatGPT) เห็นได้ชัดว่าผลการสอบของนักศึกษาแย่ลง ChatGPT คือปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เดี๋ยวนี้ใคร ๆ ก็เข้าถึงได้ผ่านโทรศัพท์มือถือ เป็นปัญญาประดิษฐ์ที่ช่วยทำงานสารพัด ไม่ใช่แค่ตอบคำถาม แต่ยังช่วยทำรายงาน หรือว่าช่วยเขียนบทความ ช่วยเขียนเรียงความ เขียนนิยายเรื่องสั้นก็ยังได้
และมีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยใช้ AI ไม่ว่าจะเป็น ChatGPT, Gemini, DeepSeek เพื่อทำรายงาน คือเดี๋ยวนี้ไม่ต้องทำรายงานเองแล้ว แค่สั่งให้ ChatGPT ทำ มันก็ทำให้สำเร็จเสร็จสิ้นได้ แถมรวดเร็วและดีกว่าคนทั่วไปด้วย
อาจารย์ผู้สอนในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ สงสัยว่าเวลาให้การบ้านแก่นักศึกษา ให้ทำรายงานต่าง ๆ นักศึกษาไม่ได้ทำเองหรอก สั่งให้ ChatGPT สั่งให้ Gemini ทำ ทำได้ดี แต่ความรู้ของนักศึกษาไม่ได้งอกเงยขึ้นเท่าไรเลย ฉะนั้นถึงเวลาสอบก็สอบได้คะแนนต่ำ ต่ำที่สุดในประวัติกาล
อันนี้ชี้ให้เห็นอะไร มันสะท้อนถึงทัศนคติที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่เฉพาะนักศึกษา แต่ว่าทั่วไปในสังคม นั่นคือการให้ความสำคัญกับจุดหมายมากกว่าวิธีการ จุดหมายของนักศึกษาคือทำรายงานเสร็จและดี ส่วนวิธีการจะทำอย่างไรก็ได้ ไม่ต้องทำเองก็ได้
สมัยก่อนถ้ามีเงินก็จ้างคนอื่นทำ แต่เดี๋ยวนี้ไม่ต้องจ้างแล้ว สั่งให้ ChatGPT ทำเลย บางทีไม่ได้ตรวจด้วยซ้ำ มีอะไรที่เว่อร์ ๆ หลุดออกมาก็มี จนคนตรวจรู้เลยว่าให้ ChatGPT ทำ
การที่ให้ความสำคัญกับจุดหมายมากกว่าวิธีการเกิดขึ้นทั่วไป นักเรียนหลายคนอยากได้คะแนนสอบดี ๆ แทนที่จะขยันเรียน ขยันทำการบ้านก็ใช้วิธีทุจริต เพราะว่าไม่ต้องเหนื่อย
เดี๋ยวนี้การทำทุจริตเกิดขึ้นทั่วไป แม้กระทั่งในวงการพระ อย่างมีข่าวเมื่อเร็ว ๆ นี้ สอบประโยค 5 ตัวเองอยากได้ประโยค 5 แต่ว่าไม่มีปัญญา ก็ไปจ้างพระมาช่วยสอบแทน ปรากฏว่าถูกจับได้ มีข่าวทั้งประเทศเลย อันนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะรายเดียว เกิดขึ้นทั่วไป
หลายคนอยากรวย ทำอย่างไร ถ้าขยันก็ดีอยู่หรอก แต่ว่าไม่อยากขยัน ไม่อยากเหนื่อย ใช้วิธีทุจริต หรือไม่ก็ใช้ทางลัดเลย เช่น การพนัน หรือว่าเล่นหวย
อยากจะเอาชนะการแข่งขัน แต่ว่าไม่อยากจะทำความเพียรหรือฝึกซ้อมมาก ๆ ก็ใช้วิธีทางลัด เช่น ใช้วิธีโดป หรือโกง เดี๋ยวนี้ก็เห็นเยอะแยะเลย ฟุตบอล กีฬาต่าง ๆ โกงกันมากมาย เพราะสนใจแต่เป้าหมาย ไม่สนใจวิธีการ จะใช้วิธีการอะไรก็ได้ โดยเฉพาะวิธีการที่ไม่ต้องเหนื่อยแต่ว่าทำให้บรรลุเป้าหมายได้
อันนี้จะว่าไปแล้วก็เป็นผลจากการเลี้ยงดูของพ่อแม่มีส่วนมาก เวลาลูกทำเกรดได้ 3.8 พ่อแม่แทนที่จะดีใจ กลับต่อว่าลูกว่าทำไมไม่ได้ 4 โดยที่ไม่ได้ดูว่าลูกขยันเพียงใด
การที่ลูกขยันก็เป็นเรื่องที่ดีแล้ว ส่วนจะได้ 3 หรือ 3.8 นั่นเป็นเรื่องรอง ถ้าให้ความสำคัญกับวิธีการมากกว่าเป้าหมาย มันจะส่งเสริมความพากเพียรพยายาม เวลาลูกไปแข่งฟุตบอล ลูกได้ที่ 2 พ่อก็ว่าลูกว่าทำไมถึงได้ที่ 2 เรามีมือมีเท้าเหมือนกัน ทำไมสู้เขาไม่ได้ ด่าว่าลูกอีก ทั้ง ๆ ที่ลูกพากเพียรพยายามฝึกซ้อมอยู่เป็นประจำ
น่าจะชมว่า ลูกขยัน ใจสู้ แม้ว่าจะเป็นอันดับรอง เป็นตัวรองบ่อน แต่ว่าเพียรพยายามสู้จนสุดฤทธิ์ ได้ที่ 2 นับว่าน่าชื่นชม เพราะว่าลูกเพียรพยายาม แต่พ่อแม่ส่วนใหญ่ไม่ได้เป็นอย่างนั้น จะไปเน้นที่ความสำเร็จหรือเป้าหมายมากกว่าวิธีการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเรียน การแข่งขัน
เด็กคนหนึ่ง เขาเห็นหน้าต่างประตูกระจกที่บ้านไม่สะอาด เขาอาสาทำตอนที่พ่อแม่อยู่ ใช้หนังสือพิมพ์เก่า ๆ มาชุบน้ำแล้วเช็ด อยากจะดูว่ามันเช็ดกระจกได้สะอาดไหม ทำเสร็จเด็กก็ภูมิใจว่าโอ้ มันทำได้ ภูมิใจที่ทำให้กระจกหน้าต่างสะอาด ภูมิใจที่ได้รู้ว่าหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ใช้ทำความสะอาดกระจกประตูหน้าต่างได้
แต่พอพ่อกลับมาถึงบ้าน พ่อกลับว่าลูกว่ายังเช็ดไม่สะอาด ตรงมุม มุมบนมุมล่างยังมีรอยหม่นรอยมัวอยู่เพราะว่าเด็กเอื้อมมือไปไม่ถึง แทนที่จะชมลูกว่าลูกขยัน ลูกตั้งใจ ทั้งที่พ่อแม่ไม่ได้สั่งลูกก็อาสาทำ กลับว่าลูก เพราะอะไร เพราะไปให้ความสำคัญกับเป้าหมายว่าเช็ดกระจกต้องสะอาด ไปให้ความสำคัญกับผลมากกว่าวิธีการ
เดี๋ยวนี้เป็นอย่างนี้กันไปทั่ว เวลาเดินทางก็สนใจแต่เป้าหมาย ไม่สนใจว่า 2 ข้างทางเป็นอย่างไร ทั้งที่ตั้งใจไปเที่ยวแล้ว แต่ว่ากลับเครียดเพราะว่าไม่ถึงซักที ๆ ทั้งที่ 2 ข้างทางก็สวยงาม อันนี้เป็นทัศนคติที่แพร่หลายไปทั่ว คือการไปให้ความสำคัญกับผลสำเร็จ เป้าหมาย หรือจุดหมายมากกว่าวิธีการ
การปฏิบัติธรรมหลายคนก็คิดแต่จะใช้ทางลัด หรือว่าทำบุญ ทำอย่างไรจะได้บุญเยอะ ๆ ไม่ได้สนใจว่าวิธีการเป็นอย่างไร จะทำอะไรก็ต้องการทางลัด ปฏิบัติธรรมก็ต้องการทางลัด หรือว่าจะไปแข่งกันที่ผล
เพราะฉะนั้น พอมาถึงเรื่องการเรียนการศึกษาเลยเป็นอย่างนี้ อะไรที่ช่วยทำให้ได้เกรดดี ๆ ได้ผลงานดี ๆ โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยก็เอา ChatGPT เลยกลายเป็นที่พึ่ง และสุดท้ายนักศึกษาก็ไม่มีความรู้ เพราะไม่ได้ทำเอง
เดี๋ยวนี้เขาบอกว่าแม้กระทั่งในวงการซอฟต์แวร์ (Software) พวกที่พัฒนาซอฟต์แวร์ เขียนรหัสหรือโคดคอมพิวเตอร์ (Code) ไม่เป็นกันแล้ว เพราะว่าสั่งให้ ChatGPT ทำ อันนี้น่าเป็นห่วง ความรู้ความสามารถของผู้คนถดถอยลง ทั้ง ๆ ที่เทคโนโลยีก้าวหน้ามาก.