พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 20 มีนาคม 2568
เป็นที่รู้กันว่านับวันผู้คนจะนับถือศาสนาน้อยลง อันนี้เป็นปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั่วโลก และเกิดขึ้นกับทุกศาสนาเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะประเทศที่มีความร่ำรวย มีความเจริญทางเทคโนโลยี
ซึ่งเห็นได้ชัดมากอย่างที่อเมริกา เมื่อปี 2515 หรือ 50 ปีที่แล้ว คนที่บอกว่าไม่มีศาสนามีแค่ 5 เปอร์เซ็นต์ อีก 95 เปอร์เซ็นต์บอกว่ามีศาสนา ซึ่งส่วนใหญ่เป็นศาสนาคริสต์ พอมาถึงปี 2564 หรือ 50 ปีต่อมา คนที่บอกว่าไม่มีศาสนามีเพิ่มถึง 29 เปอร์เซ็นต์ คนที่มีศาสนามี 71 เปอร์เซ็นต์
แล้วเขาพบว่า คนยิ่งอายุมากยังนับถือศาสนาเหนียวแน่นอยู่ แต่อายุคนน้อยจะนับถือศาสนาน้อยลง อายุน้อยเท่าไรก็นับถือศาสนาน้อยลงเท่านั้น
หมายความว่าถ้าแยกจำแนกคนเป็นหลายรุ่น ถ้าคนรุ่นชราเรียกว่ารุ่นเบบี้บูมเมอร์ (Baby Boomer) ถ้าอายุน้อยกว่านั้นหน่อยเรียกว่าเจนเอ็กซ์ (Gen X) และเขยิบขึ้นมาเป็นเจนวาย (Gen Y) เจนแซต (Gen Z) อายุน้อยที่สุด เจนแซตหมายถึงคนที่อายุตั้งแต่ 18 ปีหรือ 19 ปีถึงอายุ 28 ปี คือเกิดปี 2540-2549 ซึ่งจากสถิติพวกเจนแซตไม่มีศาสนามากที่สุด
แต่ว่าเมื่อเร็ว ๆ นี้พบปรากฏการณ์ที่น่าสนใจในอเมริกา พวกเจนแซตตอนนี้ที่นับถือศาสนามีจำนวนเพิ่มขึ้น ที่ไม่นับถือศาสนามีน้อยลง เป็นความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นในเวลาไม่กี่ปี เพราะว่าเมื่อ 3-4 ปีที่แล้วพวกเจนแซตที่บอกไม่มีศาสนามี 49 เปอร์เซ็นต์ แต่เมื่อ เร็ว ๆ นี้ ปีที่แล้วนี่เอง เจนแซตที่บอกว่าไม่มีศาสนาลดลงเหลือ 41 เปอร์เซ็นต์
หมายความว่าพวกเจนแซตซึ่งมีแนวโน้มนับถือศาสนาน้อยลง ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีคนหันมานับถือศาสนามากขึ้น ถึงแม้ว่าจะยังไม่ถึงครึ่ง หรือว่าเกินครึ่งนิดหน่อยที่นับถือศาสนา แต่ว่าแนวโน้มน่าสนใจคือว่า คนที่ไม่นับถือศาสนามีน้อยลง หรือว่าเปลี่ยนใจมานับถือศาสนากันมากขึ้นในช่วงเวลาไม่กี่ปี
และบังเอิญที่ไปตรงกับปรากฏการณ์อย่างหนึ่งคือว่า TikTok ตอนนี้กลายเป็นเวทีที่เผยแผ่ความคิดเกี่ยวกับศาสนามากขึ้น คนหันไปดู TikTok เพื่อรับรู้หรือหาข้อมูลเกี่ยวกับศาสนามากขึ้น
อย่างที่เราทราบ TikTok เป็นแพลตฟอร์มหรือเป็นโซเชียลมีเดียที่คนรุ่นใหม่สนใจมาก คนรุ่นอาตมา แก่ ๆ ไม่ค่อยดู TikTok หรอก แต่ว่าคนเจนวาย เจนแซตเขา ติดตาม TikTok มาก และพบว่า TikTok มีเนื้อหา มีคลิปเกี่ยวกับศาสนาเยอะมาก และหลายคนหันไปเกิดศรัทธาในศาสนาจากที่ได้ติดตาม TikTok
ปกติเวลาพูดถึง TikTok เรานึกถึงคลิปตลก ๆ หรือคลิปการเมือง หรือบางทีก็มีคลิปเกี่ยวกับสัตว์ หรือคลิปเกี่ยวกับที่ตอบสนองความโลภราคะของผู้คน มีเรื่องเซ็กซ์ เรื่องการกิน เรื่องอะไรต่าง ๆ มากมาย แต่เรื่องศาสนาก็ไม่น้อย และปรากฏว่าคนรุ่นใหม่ก็อาศัย TikTok ในการเรียนรู้ หรือว่าปลูกศรัทธาเกี่ยวกับศาสนา
ถึงแม้ว่าคนเข้าวัดน้อยลง ในยุโรป ในอเมริกา อันนี้ชัดมาก แต่ว่าคนที่ไปเรียนรู้ศาสนาหรือว่าฟังธรรมฟังเทศน์จาก TikTok มีเยอะมากขึ้นโดยเฉพาะคนหนุ่มสาว อันนี้เป็นเรื่องที่น่าสนใจ
เป็นไปได้ว่าที่เจนแซตนับถือศาสนากันมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาอาจจะเป็นเพราะอิทธิพลของ TikTok ก็ได้ ซึ่งเป็นเรื่องที่สวนทางความเข้าใจของคนจำนวนไม่น้อย โดยเฉพาะผู้ใหญ่ เราคิดว่า TikTok เป็นแพลตฟอร์มเกี่ยวกับความบันเทิง ไม่นึกว่าคนรุ่นใหม่จะนับถือศาสนามากขึ้นเพราะว่าเสพ TikTok
ทำไมถึงเป็นอย่างนั้น เพราะว่า TikTok เป็นคลิปสั้น ๆ ใช้เวลาไม่นาน บางทีนาทีเดียว บางที 2 นาที มันถูกใจวัยรุ่น ดีกว่ามาฟังเทศน์ในวัดหรือในโบสถ์ ต้องมาฟัง อดทนฟังครึ่งชั่วโมงหรือชั่วโมงหนึ่ง เดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ไม่มีความอดทนเพียงพอ แต่ว่าให้มาดูคลิปหรือฟังเทศน์สั้น ๆ 1 นาที 2 นาทีเอา เลยติดตามเรื่องราวศาสนาหรือฟังธรรมจาก TikTok กันมากขึ้น ไม่ใช่จาก YouTube ด้วย
นอกจาก TikTok จะสั้นแล้ว เนื้อหายังไม่ค่อยมีพิธีรีตองมาก มาวัดต้องมากราบพระ ต้องมาสมาทานศีล หรือเข้าโบสถ์ ต้องมีพิธีกรรมต่าง ๆ แต่ TikTok ไม่มีพิธีรีตองมาก ภาษาก็เข้าใจง่าย ทันสมัยถูกใจคนรุ่นใหม่ เพราะว่าไม่ต้องประดิดประดอยถ้อยคำให้ดูถูกต้องตามประเพณี
เพราะฉะนั้นใน TikTok เลยมีคำสอนธรรมะที่หลากหลายมาก และถูกใจคนรุ่นใหม่ คนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยเลยเกิดศรัทธาขึ้นมา เพราะว่าติดตาม TikTok
อันนี้เกิดขึ้นในอเมริกา รวมถึงในยุโรปด้วย แต่ไม่รู้ในเมืองไทยจะเป็นอย่างนั้นหรือเปล่า แต่มันชี้ให้เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่เทคโนโลยีก่อให้เกิดขึ้นกับจิตสำนึกของผู้คน
ที่จริงเมืองไทยเดี๋ยวนี้คนรุ่นใหม่ เจนแซตสนใจเรื่องของศาสนามากขึ้น แต่อาจจะไม่ใช่เป็นศาสนาในรูปแบบที่คนแก่คุ้นเคยหรือผู้ใหญ่คุ้นเคย บางทีเราเรียกว่า สายมู ๆ เดี๋ยวนี้ สายมูคนรุ่นใหม่นับถือมาก อันนี้อาจเป็นเพราะว่าความเหงาก็ได้
ฉะนั้น เหตุผลอันหนึ่งที่ฝรั่งโดยเฉพาะอเมริกา คนเจนแซตสนใจศาสนามากขึ้นเพราะเหงา รู้สึกว้าเหว่ ชีวิตว่างเปล่า
แต่ว่าคนไทย นอกจากความเหงาแล้วอาจจะเป็นเพราะต้องการที่พึ่งก็ได้ จึงต้องการหวัง การดลบันดาลของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เลยหันไปสมาทานสายมูมากขึ้น เพราะว่าทำให้อบอุ่นใจ ในโลกที่ผันผวนแปรปรวน เอาแน่เอานอนไม่ได้ ถ้ามีสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ โดยเฉพาะสิ่งที่มีอำนาจศักดิ์สิทธิ์จะรู้สึกสบายใจ
ที่จริงจะนับถือศาสนาอะไรก็แล้วแต่ หรือนับถือสายมูก็ได้ สิ่งสำคัญคือว่า ควรจะมีสิ่งที่เป็นเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจหรือกำกับชีวิตให้เป็นไปในทางที่ถูกต้อง จะเชื่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์อย่างไรก็ได้ แต่ว่าขอให้มีสำนึกผิดชอบชั่วดี หรือว่าใช้ความเชื่อนั้นเป็นเครื่องกำกับให้ทำความดี ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ไม่ใช่มาสนองกิเลสตัวเอง
สมัยก่อนแม้พระเขาจะให้ตะกรุด ให้ยันต์ แต่กำกับว่าให้ทำความดี อย่าไปเบียดเบียนใคร อย่าไปตีรันฟันแทงกับใคร ไปเป็นโจรปล้นคนอื่น หรือไปหลอกผู้หญิง อันนี้จะทำให้เครื่องรางหรือวัตถุมงคลเสื่อมได้ นั่นเป็นวิธีการที่ช่วยกำกับคนให้อยู่ในศีลในธรรม
เพราะฉะนั้น ในยุคนี้แม้ว่าคนรุ่นใหม่เขาจะเชื่อคล้อยตามไปทางสายมูมากขึ้น แต่ถ้าหากว่ามีความเชื่อบางอย่างกำกับเอาไว้ ให้ทำความดี ไม่ทำความชั่ว ก็ยังดี ดีกว่าไม่มีศาสนา เชื่อวิทยาศาสตร์ แต่ว่าทำความชั่วได้สบายใจ ไม่รู้สึกผิดบาปอะไร
เพราะฉะนั้น จะเชื่ออะไรก็แล้วแต่ สำคัญอยู่ที่ว่าเชื่ออย่างไร เชื่อแล้วมีคุณธรรมไหม ชีวิตดีขึ้นหรือเปล่า จิตใจงอกงาม มีความเห็นแก่ตัวน้อยลงไหม อันนี้สำคัญกว่า.