พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 22 มีนาคม 2568
ช่วงนี้มีงานหนึ่งที่น่าสนใจ ใครที่อยู่กรุงเทพฯ หรือว่าอยู่ชานเมือง ควรหาโอกาสไปร่วมงานนี้ คืองานที่อาตมาตั้งชื่อว่า มหกรรมอยู่ดีและตายดี งานนี้เขาไม่ได้ใช้ชื่อนี้ ใช้ชื่อเป็นภาษาฝรั่ง Death Fest
ความหมาย Fest คือ Festival หรือเทศกาล และ Death คือความตาย แต่ว่าเขาใช้ภาษาฝรั่ง และมีคำอธิบายเพิ่มเติมคือ งานแฟร์เพื่อการเป็นอยู่ที่มีความหมาย และวาระสุดท้ายที่ดีที่สุด
เรียกว่าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับทุกคนตั้งแต่เด็กจนแก่ ไม่ว่าป่วยหรือมีสุขภาพดี เพราะว่าทุกคนล้วนแต่อยากอยู่ดี และจะอยู่ดีได้อย่างไรในเมื่อคนเราต้องแก่ คนเราต้องเจ็บต้องป่วย และสุดท้ายต้องตาย
แต่ถึงแม้แก่ ถึงแม้เจ็บ ถึงแม้ป่วยก็อยู่ดีได้ และถึงแม้จะตายก็ตายดีได้ หรือว่าตายอย่างสงบ
เขาจัดที่อิมแพ็ค เมืองทองธานี เริ่มแต่เมื่อวาน จะสิ้นสุดวันพรุ่งนี้ คืองานมีระหว่างวันที่ 21-23 มีนาคม เนื้อหามีตั้งแต่ แก่ จะแก่อย่างไรจึงจะดี ป่วย จะป่วยอย่างไรจึงจะดี และการเตรียมตัวดี เตรียมตัวหมายถึงเตรียมตัวตาย และสุดท้ายคือ ตายดี
คนเราไม่ว่าจะต้องการชีวิตที่ผาสุกอย่างไร ก็ไม่ใช่ว่าจะสุขสบายราบรื่นไปเสียหมด เพราะถึงแม้จะมีอายุยืน แต่ก็ตามมาด้วยความแก่ และแม้จะมีสุขภาพดีอย่างไรก็ต้องเจอกับความเจ็บป่วย และสุดท้ายก็ต้องเจอความตาย แต่ว่าแก่แล้วไม่ทุกข์นั้นทำได้ ป่วยแล้วไม่ทุกข์ก็ทำได้ ตายแต่ตายดี ตายสงบก็ทำได้ ถ้ามีการเตรียมตัว
พูดถึงการเตรียมตัวตายในงานแฟร์ มีตั้งแต่เรื่องการเตรียมจัดการทรัพย์สมบัติ ก่อนตายทำอย่างไร จะจัดการทรัพย์สมบัติ จะเขียนพินัยกรรมอย่างไรไม่ให้เกิดปัญหากับลูกหลานในอนาคต รวมทั้งการเตรียมใจด้วย เตรียมใจเพื่อรับมือกับความตาย ทำอย่างไรก่อนจะตายไม่ทุกข์ทรมานมาก มีการแนะนำทำสมุดเบาใจ หรือพินัยกรรมชีวิต
และถึงแม้จะยังไม่ตายหรือยังไม่เจ็บไม่ป่วย ก็ต้องเจอความตายของคนอื่น ของคนรัก เด็ก ๆ ต้องเจอกับความตายของน้องหมาน้องแมว เจอความตายของปลาทองที่เลี้ยงไว้เป็นเพื่อน เพราะฉะนั้นงานนี้ก็เหมาะกับเด็กด้วย เพราะว่าทุกคนแม้จะยังมีสุขภาพดี ยังเป็นหนุ่มเป็นสาว เป็นเด็ก แต่หนีไม่พ้นความพลัดพรากสูญเสีย จะทำใจอย่างไร อันนี้เขาบอกไว้หมด
เพราะว่ามีทั้งการจัดบูธ บูธเรานึกถึงการขายหนังสือ หรือนึกถึงการขายของ งานนี้ก็มีขายหนังสือ แต่ว่าไม่ได้ขายแต่หนังสือ แต่มีการแนะนำหน่วยงานองค์กรต่าง ๆ ที่ทำงานเกี่ยวกับเรื่องความแก่ ความป่วย ความตาย
และนอกจากบูธ ยังมีการอภิปราย การจัด Workshop Workshop คือ การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ในกลุ่มเล็ก ๆ เอาคนที่มีประสบการณ์ คนที่ป่วยเป็นมะเร็งมาพูด มาแนะนำว่าดูแลรักษาตัวเองอย่างไร ไม่ใช่แค่ดูแลกาย ดูแลใจให้มีความสุข ไม่ให้ทุกข์ ไม่ให้ห่อเหี่ยว อันนี้ก็น่าสนใจ เพราะเดี๋ยวนี้คนเป็นมะเร็งเยอะ หรือถึงไม่เป็นมะเร็งก็ต้องดูแลผู้ป่วยมะเร็ง
และยังมีผู้ที่ดูแลหรือมีประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ คนเราแม้จะมีอายุยืน แต่เดี๋ยวนี้จำนวนไม่น้อยลงท้ายด้วยการเป็นโรคสมองเสื่อม เป็นอัลไซเมอร์ ภาระตกหนักกับคนดูแลซึ่งมักจะเป็นลูก หรือมิฉะนั้นก็เป็นคู่รัก มีการจัดอภิปราย มาเล่าประสบการณ์การดูแลผู้ป่วยอัลไซเมอร์ว่าเขาทำอย่างไรจึงสามารถทำให้ผู้ป่วยมีความสุข ไม่ทุกข์ทรมาน และเจ้าตัวก็มีเรี่ยวมีแรงดำเนินชีวิต ทั้งในยามที่ผู้ป่วยยังมีชีวิตอยู่ และในยามที่คนรักตายไปแล้ว
ทั้งหมดนี้เป็นรายการที่ไม่ใช่พูดเรื่องธรรมะล้วน ๆ ที่เป็นนามธรรม แต่เป็นเรื่องของการปฏิบัติที่สำคัญหรือจำเป็นสำหรับการดำเนินชีวิตจริง แม้กระทั่งว่าเมื่อป่วยหนักแล้วอยากจะตายที่ไหน ถ้าจะตายที่บ้านจะทำอย่างไร หรือถ้าหากว่าไม่อยากจะยื้อชีวิต จะไปโรงพยาบาลไหนที่เขาไม่ยื้อชีวิต แต่เขาดูแลแบบไม่ให้เจ็บ ไม่ให้ปวด ไม่ให้ทุกข์ทรมานมาก อันนี้ก็มีการแนะนำ
พูดง่าย ๆ คือว่า เป็นงานที่แนะนำการดำเนินชีวิตอย่างมีความสุข และแม้จะต้องเจอกับความแก่ ความเจ็บ ความป่วย ความพลัดพราก ความตาย แต่รักษาใจให้สงบได้ ฉะนั้น เป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทุกคน ไม่ว่าเด็กหรือว่าคนแก่
นอกจากมีบูธ มีเวทีอภิปราย มี Workshop หรือการเดี่ยวไมโครโฟนทั้งพระทั้งโยมแล้ว ยังมีกิจกรรมหลายอย่างที่น่าสนใจ กิจกรรมที่คนนิยมมากคือซ้อมตาย ซ้อมตายอย่างไรคือ ไปนอนในโลง
สุริยาหีบศพเขาเอาโลงนานาชนิดมาตั้งไว้ ทั้งโลงไทย โลงจีน โลงฝรั่ง ให้คนได้มาซ้อมตายด้วยการไปนอนอยู่ในโลง คนชอบมาก เพราะว่าได้สัมผัสว่าเมื่อคนเราสมมุติว่าจะต้องตายจริง ๆ เราจะรู้สึกอย่างไร นอนในที่อื่นมาเยอะแล้ว ลองนอนในโลงดูบ้าง หลายคนต้องให้เพื่อนถ่ายรูปเอาไว้เป็นที่ระลึก
ที่จริงเขามีการถ่ายรูป ถ่ายรูปว่าอยากจะให้งานศพของเรามีรูปของเราแบบไหน มีช่างภาพที่เขามาถ่ายรูป ใครที่อยากจะให้ภาพของตัวไปติดตั้งข้าง ๆ โลงของตัวในวันที่ทำพิธีศพก็มาใช้บริการได้ บางคนอยากจะให้ภาพตัวเองเป็นภาพที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ไม่ใช่ภาพที่บึ้งตึง ให้ลูกหลานคนรักได้เห็นภาพของเราในยามที่เรามีความสุข ก็มาใช้บริการช่างภาพนี้ได้
เพราะฉะนั้น จึงเป็นงานที่อยากจะบอกว่าควรจะไปกันให้ได้ โดยเฉพาะคนที่อยู่กรุงเทพฯ หรือว่าอยู่แถวปริมณฑล เพราะการที่เราจะเรียนรู้เรื่องชีวิต เราต้องพร้อมที่จะรับมือกับความเจ็บ ความป่วย ความแก่ ความพลัดพรากสูญเสีย และความตาย
แต่ก่อนมาเรียนรู้ในวัด แต่เดี๋ยวนี้วัดไม่ค่อยพูดเรื่องพวกนี้แล้ว และอีกอย่างหนึ่ง คนมาวัดก็ไม่ได้อยากจะฟัง อยากจะมาทำบุญอย่างเดียว ถวายสังฆทานเสร็จก็ไปเลย พระไม่ทันจะพูดอะไรมาก หรือถ้าจะพูด โยมก็ขอให้พูดแค่พร 3 ประการ คือรวย ๆ ๆ เท่านี้พอแล้ว แล้วโยมก็ไป
แต่สมัยใหม่เราสามารถจะเรียนรู้เรื่องความเจ็บป่วย ความพลัดพราก ความตายได้จากกิจกรรมต่าง ๆ อย่างที่งานแฟร์นี้ ซึ่งไม่รู้ว่าจัดครั้งนี้แล้วจะจัดอีกเมื่อไร เพราะว่าต้องใช้พละกำลังเยอะ และใช้เงินทุนมาก แต่เป็นกิจกรรมที่ดี
และใครมีลูกซึ่งกำลังเศร้าโศกเสียใจเพราะน้องหมาตาย น้องแมวตาย ก็ลองให้ไปเรียนรู้จากงานนี้ก็ได้ หรือว่าคนที่กำลังเศร้าโศกสูญเสีย เพราะสูญเสียคนรัก แฟนตาย หรือว่าพ่อแม่ตาย ลองไปงานนี้ดู เพราะอาจจะได้เจอคนที่คอเดียวกันหรือมีประสบการณ์เดียวกัน
งานนี้เขาพยายามเลี่ยงไม่ใช้คำว่าตาย แม้กระทั่งชื่อก็ใช้คำภาษาอังกฤษว่า Death พอเป็นภาษาไทยก็ใช้คำว่า วาระสุดท้ายที่ดีที่สุด คือความตายนั่นแหละ แต่ว่าเดี๋ยวนี้เราไม่ค่อยอยากพูดหรืออยากได้ยินคำว่า ตาย จริง ๆ ตรง ๆ แต่ว่างานนี้จะช่วยทำให้เรายอมรับความตายได้ง่ายขึ้น ยอมรับความแก่ ยอมรับความเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น ซึ่งจะช่วยทำให้เราสุดท้ายก็ตายดี ตายสงบได้ในที่สุด.