พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 23 มีนาคม 2568
วันนี้วัดป่าสุคะโตมีความคึกคักมาก เด็กเยอะ ผู้ใหญ่ก็มาก เพราะว่าวันนี้เป็นวันแรกของค่ายเณรและศีลจาริณี ซึ่งเป็นงานประจำปีของวัดป่าสุคะโต เราจัดค่ายที่ว่านี้ทุกฤดูร้อน เป็นการศึกษา อย่างใหม่ที่สำคัญ ถึงแม้ว่าความเป็นสามเณร ความเป็นศีลจาริณีจะมีมานานแล้ว
สมัยที่อาตมายังเด็ก พอปิดเทอมภาคฤดูร้อน เราจะมีการเรียนพิเศษ อาตมาก็ไปเรียนพิเศษเป็นประจำทุกฤดูร้อน ตั้งแต่ ป.1 เลยกระมัง จนกระทั่ง ม.ศ. 2 ได้ ที่เรียนส่วนใหญ่ก็เรียนคณิตศาสตร์ และภาษาอังกฤษ
ไม่รู้สมัยนี้ยังมีการเรียนพิเศษแบบนี้หรือเปล่า เพราะระยะหลังได้ข่าวว่าพอปิดเทอมภาคฤดูร้อนจะมีการไปเข้าซัมเมอร์แคมป์ สำหรับคนที่มีฐานะซัมเมอร์แคมป์เดี๋ยวนี้ไปเรียนถึงต่างประเทศ ถือว่าเป็นการเรียนพิเศษเหมือนกัน
แต่ว่าค่ายฤดูร้อนที่สุคะโตไม่ใช่เรียนพิเศษ มันคือ การเรียนวิเศษ เรียนพิเศษเป็นแค่การเรียนเสริม เรียนเพิ่ม แต่ว่าเรียนวิเศษคือ การเรียนที่ประเสริฐ วิเศษแปลว่า ประเสริฐ ดีเลิศ การเรียนการศึกษาในค่ายเณรและศีลจาริณีเป็นการเรียนวิเศษ เป็นการเรียนที่ประเสริฐ เพราะทำให้ไม่ว่าจะเป็นสามเณรหรือศีลจาริณีได้มาพบคุณวิเศษในตัวเอง
เด็กหลายคนไม่รู้ว่าตัวเองมีคุณวิเศษอยู่ในใจ แต่ว่ามาค่ายเณรแล้ว ถ้าผ่านไปได้จนถึงวันสุดท้าย เชื่อแน่ว่าจะพบคุณวิเศษที่มีอยู่แล้วในตัว
หลายคนยังไม่เคยรู้ว่า ฉันก็สามารถจะทนความยากลำบากได้ ฉันสามารถที่จะมีความสุขได้ แม้จะไม่มีโทรศัพท์มือถือ เจอความยากลำบาก นอกจากไม่บ่นแล้วฉันยังยิ้มรับ หรือว่าสามารถจะพบความสุขภายในจากใจ โดยที่ไม่ต้องไปพึ่งพาความสุขจากภายนอก หรือว่ารู้จักแก้ทุกข์ให้ตัวเองได้โดยไม่ต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากใคร หรือโดยที่ไม่ไปโทษใคร
อันนี้คือคุณวิเศษอย่างต่ำ ๆ ที่ทุกคนมี รวมทั้งสามเณร และศีลจาริณี หรือว่าเด็ก ๆ ทั้งหลาย แต่ว่าอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองมี แต่มาค่ายนี้จะพบคุณวิเศษที่มีอยู่แล้วในตัว เพราะว่าค่ายนี้เราจะมีการฝึก มีการเรียนรู้หลายอย่าง
ไม่ใช่เป็นการเรียนรู้วิชาที่เป็นวิชาชีพ แต่เป็นการเรียนรู้วิชาชีวิต เช่น ฝึกให้มีระเบียบวินัย ตื่นเป็นเวลา นอนเป็นเวลา กินเป็นเวลา และตรงต่อเวลาด้วย เดี๋ยวนี้ระเบียบวินัยกลายเป็นของหายากแล้ว เพราะว่าเราไปเน้นเรื่องการใช้ความคิด ใช้สมองมาก แต่ว่าหย่อนเรื่องระเบียบวินัย ซึ่งเป็นเรื่องการควบคุมตัวเอง ไม่ใช่ให้ใครมาควบคุมบังคับ
นอกจากตื่น นอน กินเป็นเวลาแล้ว เรายังฝึกให้อยู่แบบเรียบง่าย แค่มีอาหาร 2 มื้อก็อยู่ได้ และอยู่อย่างสุขสบายด้วย ก่อนบวชอาจจะกินจุบกินจิบ กินไม่เลือก อยู่ยาก ต้องนอนห้องแอร์ แต่ที่นี่เราจะมาเรียนรู้การอยู่แบบเรียบง่าย รวมทั้งการนอนกลางดินกินกลางทรายในบางช่วงบางเวลาด้วย เพราะว่าเราจะมีการธุดงค์และการค้างแรมในป่า รวมแล้ว 2 ช่วง
นอกจากนั้น เรายังฝึกให้รู้จักพึ่งตัวเอง ช่วยตัวเองได้ เด็กหลายคนไม่รู้จักเก็บที่นอน เสื้อผ้าก็ไม่ต้องดูแลเอาใจใส่ มีคนซักให้ แถมกินแล้วก็ไม่ต้องล้างจาน แต่ว่าในค่ายนี้เด็ก ๆ จะได้เรียนรู้การช่วยตัวเอง พึ่งตัวเองให้ได้มากที่สุด โดยเฉพาะไม่ต้องมีพ่อแม่ผู้ใหญ่มาช่วยทำให้
นอกจากพึ่งตัวเองแล้วยังรู้จักรับผิดชอบต่อส่วนรวม เด็ก ๆ จำนวนมากอยู่บ้านไม่ค่อยสนใจ หรือไม่ใส่ใจในการทำงานของส่วนรวมของบ้านเลย กวาดบ้านก็ทำไม่เป็น หรือว่าล้างจานก็ไม่สนใจ เป็นจักรพรรดิ เป็นราชาในบ้าน แต่ว่าค่ายนี้จะทำอย่างนั้นไม่ได้ นอกจากต้องช่วยตัวเองให้เป็นแล้ว ยังต้องรู้จักรับผิดชอบต่อส่วนรวมด้วย งานของส่วนรวมก็ต้องเอาใจใส่
และที่สำคัญคือว่า ค่ายนี้จะมีการฝึกจิต ฝึกจิตให้มีความเข้มแข็ง อดทนต่อความยากลำบาก ร้อนก็ไม่บ่น ยิ้มรับได้ แต่ว่าก่อนจะร้อนอาจจะต้องเจอหนาวก่อน เพราะช่วงนี้หนาวทุกคืนเลย เช้ามืด
จิตใจเข้มแข็งไม่พอ ต้องอ่อนโยนด้วย อ่อนโยนคือ มีน้ำใจ มีเมตตา เอื้อเฟื้อต่อผู้อื่น รวมทั้งเกื้อกูลต่อธรรมชาติ
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งคือว่า รู้จักแก้ทุกข์ให้ตัวเองได้ นี้คือคุณวิเศษที่สำคัญมาก เพราะเด็กจำนวนไม่น้อย แม้จะเรียนเก่ง มีปริญญาหลายใบจนโต ปรากฏว่ามีความทุกข์ แก้ปัญหาให้ตัวเองไม่ได้ อกหักก็จมดิ่งอยู่ในความทุกข์ ของหายก็ทุกข์ เจออุปสรรคก็จมดิ่งอยู่ในความท้อ
แต่ว่าค่ายนี้เราจะมาฝึกให้เด็ก ๆ ได้รู้จักแก้ทุกข์ให้ตัวเอง แก้ทุกข์ให้เป็น โดยเฉพาะไม่มีพ่อแม่จะมาช่วยแก้ให้ พี่เลี้ยงก็จะไม่ใช่ประคบประหงม แต่จะให้เด็ก ๆ ได้รู้จักแก้ทุกข์ด้วยตัวเอง แก้ทุกข์ที่ใจ ไม่ใช่แค่อดทนอย่างเดียว แต่ว่ามีปัญญาเห็นว่าจิตใจของตัวเองนั่นแหละที่เป็นเหตุแห่งทุกข์
ไม่ใช่แก้ทุกข์เท่านั้น แต่ว่ายังทำให้พบความสุขด้วย พบความสุขในใจ ไม่ใช่สุขเพราะมีโทรศัพท์มือถือให้ไถทั้งวัน มีเกมให้เล่น มีของให้กินตลอดเวลา แต่ว่าสุขเพราะว่าพบความสุขภายใน จะหวังพึ่งความสุขจากโทรศัพท์มือถือไม่ได้ เพราะว่าจะไม่ให้ใช้ในค่ายนี้ และจะรู้ว่าไม่มีโทรศัพท์มือถือก็สุขได้
ค่ายนี้ช่วยทำให้เป็นคนที่สุขง่าย และทุกข์ยาก อย่างน้อย ๆ ก็ไม่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้ตัวเอง โดยเฉพาะการซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ที่ใจ และรู้จักเติมสุขให้ใจด้วย
อันนี้คือจุดมุ่งหมายของการจัดค่ายสามเณรและศีลจาริณี จึงเรียกว่าเป็น การเรียนอย่างวิเศษ ไม่ใช่เรียนพิเศษ เป็นการเรียนวิเศษ คือพบคุณวิเศษภายใน กลายเป็นคนใหม่ คนใหม่คือ พบว่าตัวเองมีเพชรอยู่ในใจ
คนเราเป็นได้ ไม่ถ่านก็เพชร คนจำนวนไม่น้อยคิดว่าตัวเองเป็นถ่าน แต่ที่จริงแล้วตัวเองเป็นเพชร แต่ว่าต้องผ่านการฝึกฝน ขัดเกลา ถ่านกับเพชรเป็นคาร์บอนเหมือนกัน แต่ถ่านไม่มีค่า แต่เพชรมีค่ามาก ทน แข็งแรง เพราะอะไร เพราะผ่านแรงกดดันอย่างหนัก จนกระทั่งกลายเป็นเพชร
หมายความว่าคนเราแม้จะเจอความทุกข์ แต่ความทุกข์ถ้าใช้ให้เป็น ทำให้เรากลายเป็นคนใหม่ได้ แต่บางคนเจอทุกข์แล้วจมอยู่ในทุกข์ เปรียบเหมือนถ่าน จมทุกข์ก็เป็นได้แค่ถ่าน ผ่านได้ก็เป็นเพชร ทำไมถึงจมทุกข์กลายเป็นถ่าน เพราะเรียนแต่วิชาชีพ แต่ไม่รู้วิชาชีวิต แต่ถ้ารู้วิชาชีวิตจะช่วยทำให้เจอทุกข์แล้วผ่านได้ กลายเป็นเพชร
ฉะนั้น ค่ายสามเณรและศีลจาริณีจึงเป็นการเรียนวิเศษ เพราะทำให้เด็ก ๆ ได้ค้นพบว่า เราไม่ใช่แค่เป็นถ่าน เราสามารถเป็นเพชรได้ เจอทุกข์แล้วไม่ใช่แค่ทนอย่างเดียว แต่ว่าใช้ทุกข์ให้กลายเป็นธรรมขึ้นมา เกิดปัญญา
ถ้าเราไม่รู้จักเรียนวิชาชีวิต เจอทุกข์ก็จมทุกข์ กลายเป็นถ่านเท่านั้นแหละ ถ้าไม่เจอทุกข์ก็แล้วไป แต่เจอเมื่อไรก็กลายเป็นถ่านเมื่อนั้น เพราะไม่รู้จักวิชาชีวิต แต่ถ้ารู้จักวิชาชีวิตแล้ว เจอทุกข์แล้วผ่านได้ กลายเป็นเพชร
เพราะฉะนั้น การจัดค่ายสามเณรและศีลจาริณีจึงไม่ใช่แค่เรียนพิเศษอย่างที่ใคร ๆ คิด นี้เป็นจุดมุ่งหมายและหัวใจของการศึกษาที่ผู้ปกครองควรจะทราบไว้ด้วย.