พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 16 ตุลาคม 2567
ทุกวันนี้เราใช้รถเพื่อการเดินทาง พาเราไปถึงจุดหมายข้างหน้าได้ รถจะมีแต่คันเร่งอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมีเบรกด้วย รถที่มีแต่คันเร่ง ไม่มีเบรก ย่อมไม่มีประโยชน์
จะเป็นรถยี่ห้อดังแค่ไหน หรือจะเป็นประเภทรถสปอร์ตลัมโบร์กีนี ถ้ามีแต่คันเร่ง แต่ว่าไม่มีเบรก ก็ไม่มีใครกล้าขับกล้านั่ง และแถมจะไม่มีราคาด้วย จริงอยู่ คันเร่งพาให้รถไปข้างหน้า แต่ว่ารถจะถึงจุดหมายได้ ต้องอาศัยเบรกด้วย ถึงแม้ว่าเบรกจะทำให้รถชะลอหรือว่ารถหยุด แต่ก็มีความสำคัญในการที่จะทำให้รถไปถึงจุดหมายปลายทางข้างหน้าได้
ชีวิตคนเราก็เหมือนกัน จะเจริญก้าวหน้า ถึงจุดหมายปลายทางที่ดีงามได้ การรู้จักหยุดมันสำคัญ จะพุ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวไม่พอ ต้องรู้จักชะลอ รู้จักหยุดด้วย โดยเฉพาะถ้าเกิดว่าการพุ่งไปข้างหน้าเป็นการสนองความอยาก หรือทำไปด้วยความหลง โดยเฉพาะเมื่อมันมีการกระตุ้นความอยากหรือโลภะให้เกิดขึ้น
อย่างเช่นคนที่ทำงานหาเงิน ประสบความสำเร็จ ได้เงินมามากมาย แต่ก็ยังพยายามหามาให้ได้เยอะๆ ได้แล้วได้อีก ได้แล้วได้อีก ไม่รู้จักหยุด อันนี้ก็อันตราย เพราะว่ามันมีผลเสียต่อชีวิตหลายอย่าง
คนจำนวนไม่น้อยหยุดไม่เป็น ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ทั้งๆ ที่ร่ำรวย ประสบความสำเร็จมากมาย แต่ก็ไม่ยอมหยุด จนสุขภาพย่ำแย่ หรือมิฉะนั้นก็เกิดความเครียด วิตกกังวล นอนไม่หลับ ชีวิตครอบครัวก็พังทลาย เพราะไม่มีเวลาให้กับลูก ไม่มีเวลาให้กับพ่อแม่ หรือไม่มีเวลาให้กับคู่ครอง การที่มุ่งหน้าไล่ล่าหาเงินแม้จะประสบความสำเร็จ ถ้าไม่รู้จักหยุด สุดท้ายก็ทำให้ชีวิตเกิดความทุกข์ตามมา
มีหลายสิ่งหลายอย่างที่สามารถจะหลอกจะล่อให้เราเหยียบคันเร่งจนไม่รู้จักหยุดได้ เพราะว่ามันสนองความอยากของเรา กระตุ้นโลภะ อย่างเช่นการกินอาหารที่เดี๋ยวนี้มีอาหารอร่อยๆ มีเยอะ เข้าถึงได้ไม่ยาก แต่แม้จะมีเงินซื้อ ถ้าไม่รู้จักพอ ไม่รู้จักชะลอบ้าง กินตามใจปากสถานเดียว สุดท้ายอายุก็ไม่ยืน โรคอ้วนบ้าง โรคหัวใจบ้าง โรคมะเร็งบ้าง ต่อเมื่อรู้จักหยุด รู้จักชะลอ จึงจะทำให้ชีวิตเราก้าวต่อไปข้างหน้าได้
หลายคนกลายเป็นแมงเม่า เพราะการที่ไม่รู้จักหยุด เช่น คนที่เล่นหุ้น ตอนที่เล่นใหม่ ๆ ก็รวยเอา ๆ แต่ก็ยังไม่รู้จักพอ หยุดไม่เป็น สุดท้ายก็ตกเป็นเหยื่อของคนที่เขาฉลาดกว่า ถ้าหากว่ารู้จักหยุด เพราะรู้จักพอ แม้ว่าคนอื่นเขาจะรวยเอา ๆ แต่ว่าเรารู้จักพอ การที่จะกลายเป็นแมงเม่าก็เกิดขึ้นได้ยาก
แล้วเดี๋ยวนี้คนเรากลายเป็นแมงเม่าไม่ใช่เฉพาะเล่นหุ้น การเล่นหรือการเข้าไปเกี่ยวข้องกับกิจการซึ่งภายหลังพบว่าเป็นแชร์ลูกโซ่ก็เหมือนกัน หลายคนหมดเงินไปเป็นจำนวนไม่น้อย เพราะว่าถูกกระตุ้นให้เกิดความโลภ อยากจะไต่ระดับ
เขาก็มีวิธีจะกระตุ้นความโลภของเรา ถ้าอยู่ระดับนี้เป็นดีลเลอร์ธรรมดาเงินเดือนก็แค่ 10,000 บาท แต่ถ้าว่าเป็นดีลเลอร์ระดับสูงขึ้นไประดับ เขาเรียกว่า Gold บ้าง Grand บ้าง Platinum บ้าง รายได้ก็เพิ่มขึ้น ๆ จนบางทีเป็นล้าน
หลายคนพอเห็นเงินล้านก็ห้ามใจไม่อยู่ ทั้งที่ตัวเองก็มีรายได้ไม่น้อยอยู่แล้ว แต่พอมีคนอื่นเขาได้มากกว่าเรา เขาไต่ระดับสูงกว่าเรา มีเงินเดือนมากกว่าเรา มีรายได้มากกว่าเรา เราได้แค่เดือนละ 50,000 บาท แต่เขาได้เดือนละล้าน ถ้าเราเพียงแค่เดินหน้าต่อไปไม่หยุด แต่เราก็อยากจะรวยเหมือนเขา เพราะหยุดไม่เป็น
เพราะเหตุนี้ที่ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อจนกระทั่งเป็นข่าวเป็นคราว มีเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า เนื่องจากหยุดไม่เป็น ที่หยุดไม่เป็นเพราะถูกกระตุ้นให้เกิดความโลภ ล่อให้ใครต่อใครกลายมาเป็นแมงเม่า หรือมิฉะนั้นก็เพราะเห็นคนอื่นเขาได้มากกว่าเรา
ธรรมชาติของคนเรามีการเปรียบเทียบ พอคนนั้นคนนี้เขาได้เงิน มีรายได้เป็นล้าน ได้ไปเที่ยวเมืองนอก แล้วก็มีการโฆษณาประชาสัมพันธ์ กระตุ้นให้ใครต่อใครเกิดความโลภ จนกระทั่งหักห้ามใจไม่ได้ ก็เอาเงินทุ่มเข้าไป จะได้อัปเลเวล (up level) เลื่อนระดับ
เลื่อนตำแหน่งจากดีลเลอร์ธรรมดาเป็น Gold ดีลเลอร์ กลายเป็น Platinum ดีลเลอร์ กลายเป็น Presidential ดีลเลอร์ กลายเป็น Crown ดีลเลอร์ ก็ทำให้ชื่อดูขลัง ชวนให้ดูดี มีภาพพจน์ มีระดับ แต่เท่านั้นไม่พอ มีรายได้เพิ่มเข้ามาด้วย ซึ่งไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า สุดท้ายก็กลายเป็นแมงเม่าไปเสียแล้ว เสียเงินมากมาย หมดเนื้อหมดตัว
อันนี้ส่วนหนึ่งเพราะว่าไม่รู้จักหยุด ถ้าเราหยุด ถ้าเรารู้จักแตะเบรก ก็คงจะไม่ถลำเข้าไปถึงขนาดนั้น
ไม่ต่างจากเล่นเกม หลายคนติดเกมเพราะมันมีการล่อให้เราอยากจะเลื่อนระดับ อัปเลเวล มีการแข่งขันกัน อยากจะเอาชนะ ธรรมชาติคนเราก็ต้องการเอาชนะ หลายคนติดเกมเพราะว่าอยากจะเอาชนะ อยากจะได้เลื่อนระดับขึ้นไป
บางคนถึงกับเอาเงินทุ่มเพื่อจะได้มีแต้มต่อ มีเครื่องมือ มีอาวุธเอาไว้สู้กับศัตรูในเกม จะได้ผ่านด่านต่างๆ แล้วจะได้อัปเลเวล เลื่อนระดับขึ้นไป ไม่เป็นอันทำงาน แล้วจะเอาเงินมาจากไหน ก็เอาเงินจากพ่อแม่ บางทีพ่อแม่ไม่มีเงิน ไปขโมยเขาก็มี ไปลักขโมย เพื่อที่จะได้เป็นพระเอกในเกมออนไลน์ จะได้อัปเลเวล เลื่อนระดับขึ้นไป
กลายเป็นว่าเสียผู้เสียคน ไปขโมยเงินมา บางทีไม่ใช่เป็นพัน แต่เป็นหมื่นเป็นแสน เพราะว่าหยุดไม่ได้ หยุดไม่เป็น ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าคนที่ทำเกมนี้เขามีเครื่องล่อ ไม่ใช่กระตุ้นให้เกิดความโลภอย่างเดียว แต่เกิดมานะ กระตุ้นมานะว่ากูเก่ง กูแน่ ก็เลยอยากจะชนะคนอื่น เลยหมกมุ่นอยู่กับเกม บางทีก็ไปเพิ่มทักษะ upskill เพื่อจะได้ยกระดับ อัปเลเวล งานการไม่ทำ ไม่ได้หลับไม่ได้นอน แถมไปลักขโมยเขา นี่คือโทษของการที่หยุดไม่เป็น
การที่คนเราจะหยุดได้ ต้องมีสิ่งหนึ่งคือความรู้จักพอ ได้มาเยอะแล้วก็พอบ้าง ไม่ใช่อยากได้อีก ๆ อร่อยเท่านี้ก็พอแล้ว แต่ก็ยังไม่ยอมหยุดไม่ยอมเลิก บางคนติดหวาน ถ้ารู้จักพอก็ไม่เป็นเบาหวานหรอก แต่พอหยุดไม่เป็น ทั้ง ๆ ที่กินอร่อยพอควรอยู่แล้ว แต่เพราะคนเราหยุดไม่เป็น ก็เลยเกิดโทษมากมาย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องการติดเกม เรื่องติดยาติดบุหรี่ก็เหมือนกัน เพราะว่าหยุดไม่เป็น หยุดไม่เป็นเพราะไม่รู้จักพอ
แต่บางคนที่หยุดไม่ได้ ไม่ใช่เพราะว่าอยากได้ ๆ จนไม่รู้จักพอ แต่เพราะมันเสีย เสียแล้ว อยากจะเอาคืน อยากจะแก้คืน คนที่ติดการพนันเพราะว่าทีแรกได้ แต่ตอนหลังเสีย เสียพันก็ไม่ยอมเลิก กลายเป็นเสียหมื่น พอเสียหมื่นก็ยังทำใจไม่ได้ ไม่ยอมเลิก เล่นต่อก็เลยเสียแสน ถ้าหากว่ารู้จักหยุด ก็ไม่เสียเป็นล้าน
คนเล่นหุ้นก็เหมือนกัน เล่นไป ๆ หุ้นราคาตก ที่เคยซื้อไปล้านหนึ่ง ขายตอนนี้ได้แค่ 200,000 บาท ขาดทุนไป 800,000 บาท ทำใจไม่ได้ เลยเล่นต่อไป ไม่ยอมหยุดทั้ง ๆ ที่สัญญาณต่าง ๆ บอกอยู่แล้วว่าหุ้นมีแต่จะราคาตก พอไม่ยอมหยุด แทนที่จะเสียแค่ 8 แสน เสียเป็นล้านเลย แทนที่จะเสียน้อยก็เป็นเสียมาก
เป็นกรณีเช่นเดียวกันกับพวกที่ติดพนัน หลายคนไม่ใช่อยากได้เพิ่ม แค่อยากจะเอาคืน เป็นเพราะยอมรับความสูญเสียไม่ได้ คนเราถ้ารู้จักหยุด หยุดเพราะรู้จักพอ พอใจในสิ่งที่มีสิ่งที่ได้ ไม่อยากได้เพิ่ม เพราะรู้ว่าอาจจะกลายเป็นโทษตามมา หรือมิฉะนั้นก็ยอมรับสิ่งที่สูญเสียไป ถ้าเรายอมรับความสูญเสีย มันก็หยุดได้ หรือถ้าเรารู้จักพอ มันก็หยุดได้
การรู้จักพอก็ดี การรู้จักยอมรับความสูญเสียก็ดี เป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้เรารู้จักหยุดได้
ชีวิตของผู้คนทุกวันนี้เป็นเพราะหยุดไม่เป็น ไม่ใช่แค่ตัวอย่างที่พูดมาเท่านั้น บางคนก็หยุดจองเวรคนอื่นไม่ได้ ความแค้นมันอัดแน่นในจิตใจ คอยไล่ล่า พยายามจองเวร จองเวรแล้วจองเวรอีก ไม่จบไม่สิ้น ถ้ารู้จักหยุดจองเวร มันก็ช่วยทำให้เราสามารถจะเดินหน้าต่อไปได้ รวมทั้งรู้จักหยุด หยุดวิตกกังวล
บางทีพฤติกรรมของเราอาจจะไม่มีอะไร แต่ในใจ ความคิดมันวกไปวนมา ไม่รู้จักหยุดสักที พอเวลามีความสูญเสีย เกิดความเศร้าโศกขึ้นมา ก็หยุดไม่ได้ มีความวิตกกังวลก็หยุดไม่เป็น จนกระทั่งสุขภาพย่ำแย่ หรือว่าฟุ้งซ่าน ซึ่งก็โยงกับความวิตกกังวล โยงกับความเศร้าโศก โยงกับความโกรธ ความหงุดหงิด
ตรงนี้เป็นเรื่องของการรู้จักหยุด ถ้าเรารู้จักหยุดได้ เราจะมีความสุขได้เยอะเลย ไม่ใช่แค่หยุดในเชิงพฤติกรรมเท่านั้น แต่หยุดในความหมายของการที่รู้จักปล่อยรู้จักวางบ้าง สิ่งที่มันอัดแน่นอยู่ในใจ หรือสิ่งที่ฟุ้งปรุงแต่งอยู่ในหัว
ที่ผู้คนมีความทุกข์กันจำนวนไม่น้อย เพราะว่าหยุดไม่เป็น อาจจะไม่ใช่เพราะว่าติดเกม ติดการพนัน ไม่ใช่เพราะว่าไล่ล่าหาเงินไม่จบไม่สิ้น ไม่ใช่เป็นเพราะว่าหยุดกินของอร่อย หยุดกินของที่ถูกใจไม่ได้ แต่เป็นเพราะเสียงที่พร่ำบ่นอยู่ในหัว หรือว่าความทุกข์ ความกังวล ความวิตกที่อยู่ในใจ อันนี้ก็เป็นสิ่งที่จะต้องหยุดให้เป็น ไม่ใช่แค่อยากจะหยุดอย่างเดียว ต้องหยุดให้เป็นด้วย
เพราะถ้าหยุดไม่เป็นก็จะกลายเป็นการไปกดข่ม มีความโกรธก็กดข่มเอาไว้ มีความวิตกกังวลก็กดข่มเอาไว้ ตรงนี้แหละที่ต้องรู้จักมีสติ
สติเป็นเครื่องช่วยชะลอ แล้วช่วยทำให้หยุดได้ บางคนมีความโกรธมาก อยากจะไปทำร้าย บางทีไม่ใช่ใคร เป็นคนรัก เป็นคู่ครอง เป็นสามีเป็นภรรยา บางทีเป็นพ่อแม่ พอไปถึงแล้วตัวแล้วแต่ว่าชะงัก ไม่ไปต่อเพราะว่าได้สติ จากที่คิดจะไปทำร้ายคู่ครอง คิดว่าจะไปยิง แต่ว่าเกิดได้สติขึ้นมา มันหยุดเลย
คนเราต้องรู้จักหยุดในความหมายที่ว่านี้ แต่ไม่ใช่เพราะว่าไปกดข่ม เป็นเพราะมีสติ สติเป็นเครื่องชะลอ เป็นตัวเบรกที่ดี มันไม่ใช่เป็นตัวเบรกแบบเบรกในรถ เพราะเบรกในรถเป็นการไปขวางไปกั้นเอาไว้ แต่สติเป็นตัวเบรกในความหมายว่า ทำให้อารมณ์ที่มันผลัก ขับเคลื่อนจิตใจของเรา ขับเคลื่อนการกระทำของเรา สะดุดลง เพราะว่ามันอ่อนพลัง พลังมันหมดไป หรือมันอ่อนแอลงไป เพราะมันถูกเห็น
ความโกรธ รวมทั้งความโลภ ความโศก ความเศร้า ถ้าปล่อยให้มันครองจิตของใจ ก็จะมีกำลังในการผลักให้เราทำในสิ่งที่เป็นโทษกับตัวเอง ไม่ใช่แค่ด่า แต่อาจจะรวมไปถึงการทำร้ายผู้คน หรือการทำร้ายตัวเอง อย่างคนที่เศร้าโศกเสียใจก็ทำร้ายตัวเอง
คนที่โกรธคนอื่นก็ไปทำร้ายคนอื่น เพราะมีแรงผลักจากอารมณ์ ซึ่งดูเหมือนทำให้เราเคลื่อนไปข้างหน้า แต่ที่จริงมันไม่ได้เคลื่อนไปไหนหรอก มันเคลื่อนลงเหว มันพาเราลงเหว รถที่พาเราลงเหว ถ้ามันมีเบรก ก็อาจจะชะลอและหยุดตรงหน้าผาได้
คนเราก็เหมือนกัน แรงผลักที่สำคัญคืออารมณ์ อารมณ์ที่เป็นอกุศล ความโกรธ ความเกลียด ความเครียด ความเศร้า ความน้อยเนื้อต่ำใจ ความอิจฉา สามารถจะผลักเราให้ทำในสิ่งที่เลวร้ายได้ ในภาวะเช่นนี้เราต้องมีการแตะเบรก หรือการรู้จักหยุด นั่นคือมีสติ
ทุกวันนี้เราคิดถึงเรื่องการไปข้างหน้า แต่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าของการหยุดการชะลอเท่าไหร่ ถ้าเรารู้จักพอ เราก็จะหยุด เราก็จะชะลอได้ หรือถ้าเรารู้จักยอมรับความสูญเสีย เงินที่สูญเสียไปจากการพนันก็ดี จากการเล่นหุ้นก็ดี หรือจากน้ำท่วมก็ดี หรือว่าจากธุรกิจที่ขาดทุนก็ดี
ถ้าเรารู้จักหยุด มันก็ไม่ผลักให้เราสร้างปัญหากับตัวเอง เพราะว่าแมงเม่าจำนวนมาก เวลาเขาสูญเสียเงินแล้วเขาทำใจไม่ได้ เขาก็พยายามหาทางที่จะเอาเงินคืน หรือแก้คืนให้ได้ แต่สุดท้ายก็ยิ่งสูญเสียมากขึ้น
การหยุดอาจจะไม่ได้ทำให้เราได้ของที่เสียไปคืน แต่ทำให้เราไม่สูญเสียมากไปกว่านั้น เช่น เวลาเงินหาย ถ้าเราไม่รู้จักหยุดเศร้าโศก ไม่รู้จักหยุดครุ่นคิดถึงมัน เราจะไม่ได้เสียแต่ทรัพย์ เราก็จะเสียสุขภาพ เสียความสุข เสียสุขภาพจิต และเสียอีกหลายอย่าง ถ้าเรารู้จักยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น เราก็จะเสียแค่หนึ่ง เราจะไม่เสียสองเสียสาม เพราะว่าเรายอมรับได้ ยอมรับความสูญเสีย หรือรู้จักหยุด
แต่จะทำอย่างนี้ได้ ต้องรู้จักหยุดสิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของเรา หรือหยุดอารมณ์ที่ปรุงแต่งในใจของเรา จะทำอย่างนี้ได้ ต้องมีสติ ฉะนั้นการฝึกสติให้มีกำลัง แล้วรู้จักใช้สติในการรู้จักพอ ในสิ่งเสพในชีวิตประจำวัน รวมทั้งเวลาเกิดเหตุที่ไม่พึงพอใจ ก็ยอมรับมันได้ เป็นการฝึกใจของเรา เช่น รถติดก็ยอมรับ ไม่บ่นไม่โวยวาย เงินหายก็ยอมรับ สลัดมันออกไปจากใจได้ ไม่คิดต่อ อันนี้เป็นการฝึกให้เรารู้จักหยุด ด้วยการยอมรับความสูญเสียที่เกิดขึ้น
เวลากินอาหารอร่อย ๆ ต้องรู้จักหยุดบ้าง รู้จักพอบ้าง ไม่ใช่กินแล้วกินอีก อันนี้เพราะว่าขาดสติ ถ้าเรารู้จักใช้สติในการยับยั้งใจให้รู้จักพอ ต่อไปสติของเราก็จะมีกำลัง มันจะช่วยทักท้วงความโลภในใจของเรา ให้รู้จักพอในเรื่องอื่น ไม่กลายเป็นแมงเม่าอย่างที่เกิดขึ้นกับผู้คนมากมายในเวลานี้ แล้วก็ไม่เกิดโทษกับตัวเอง ในเรื่องสุขภาพ ในเรื่องของการทำมาหากิน หรือว่าการใช้ชีวิต
ชีวิตของเราจะไปต่อได้ ต้องรู้จักหยุด ไม่ใช่ว่าการหยุดจะทำให้ชีวิตเราถอยหลัง ถ้ารู้จักหยุดเป็น ไม่ว่าจะเป็นการรู้จักพอ ไม่ลุแก่โลภะ หรือว่ายอมรับเมื่อเกิดความสูญเสีย รวมทั้งเมื่อมีความคิดฟุ้งปรุงแต่ง มีอารมณ์เกิดขึ้นในใจ ก็รู้จักหยุดมันได้ ไม่ปล่อยให้มันยืดเยื้อเรื้อรัง สิ่งเหล่านี้จะช่วยทำให้ชีวิตของเราไปต่อได้ แต่ถ้าเราไม่รู้จักหยุด ชีวิตเราก็ไปต่อไม่ได้ หรือถึงไปต่อ อาจจะลงเหวก็ได้.