พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 1 กันยายน 2567
เมื่อประมาณ 200 ปีที่แล้ว ที่ประเทศฝรั่งเศส มีชายคนหนึ่งเป็นคนที่ชอบลักเล็กขโมยน้อย ฉ้อโกงจนติดคุกครั้งแล้วครั้งเล่า ติดคุกแต่ละครั้งก็นานขึ้น ๆ เพราะว่าไม่เลิกนิสัยเดิม แล้วก็ลักขโมยของที่ราคาแพงขึ้น จนตอนหลังกลายเป็นคนที่หยาบกระด้าง
เมื่อเขาถูกปล่อยออกจากคุกครั้งสุดท้ายนี้ก็เรียกว่าติดหลายปี ออกมาแล้วก็ไม่รู้จะไปไหน ไปที่ไหนก็ไม่มีใครต้อนรับ เพราะว่าสารรูปไม่น่าเชื่อถือ เสื้อผ้าก็มอมแมม เมื่อไม่มีที่ไป สุดท้ายก็ไปบากหน้าไปที่โบสถ์แห่งหนึ่ง เจ้าอาวาสนะ คุณพ่อเจ้าวัดก็มีตำแหน่งถึงกับเป็นบิชอป ถ้าเทียบปัจจุบันก็เป็นพระสมัยก่อนเราก็เรียกว่าเป็นสังฆราช แต่ว่าก็ไม่เชิงเป็นสังฆราชทีเดียวนะ เพราะว่ามีบิชอปหลายท่านในแต่ละประเทศ
คุณพ่อเจ้าวัดพอเห็นชายคนนี้ แทนที่จะผลักไสไล่ส่งก็เชื้อเชิญให้มาพักที่วัด แล้วก็จัดหาอาหารมาต้อนรับ ชายคนนี้นี่ไม่ได้กินอาหารมาหลายมื้อหรือก็หลายวัน พอเห็นอาหารของคุณพ่อเจ้าวัดหรือว่าบิชอปท่านเอามาให้นี่ โอ้โห เยอะแยะ ก็กินเต็มที่ เสร็จแล้วคุณพ่อท่านก็ให้พักอยู่ในห้องที่จัดไว้อย่างดี
พอรุ่งเช้าปรากฏว่า ชายคนนี้หายไปเสียแล้ว ไม่มีแม้กระทั่งคำขอบคุณ ไม่มีแม้กระทั่งคำร่ำลา ยิ่งกว่านั้นก็คือว่ามีของหาย เครื่องเงิน ชาม จาน ช้อนส้อมที่ทำด้วยเงินหาย ก็เหมือนกับว่าไม่ทิ้งนิสัยเดิมทั้ง ๆ ที่ได้รับความเมตตาจากคุณพ่อ แต่ท่านก็ไม่ว่าอะไร
จนกระทั่งวันรุ่งขึ้น ตำรวจก็มาหาพร้อมกับชายคนนั้น ตำรวจจับชายคนนี้ได้ แล้วก็ค้นตัวก็เห็นมีเครื่องเงินอยู่หลายชิ้น ก็เลยนำมาหาคุณพ่อเพื่อเป็นพยานยืนยันว่าชายคนนี้ขโมยของมีค่าจากในวัด แต่คุณพ่อพอเห็นชายคนนี้ยิ้มเลยนะ กล่าวต้อนรับแล้วก็บอกกับตำรวจว่า “เขาไม่ได้ขโมยนะ พ่อให้เขาไปเองแหละ”
แล้วก็หันไปที่ชายคนนั้น ตำหนิว่า “ทำไมไม่เอาเชิงเทียนไปด้วย” ว่าแล้วท่านก็ไปหยิบเชิงเทียนทำด้วยเงินนะ ราคาแพง ยื่นให้กับชายคนนั้น บอกว่า “ทีหลังพ่อให้แล้วก็ต้องเอาไปนะ” ให้ทำตามที่สัญญาไว้ว่าจะเป็นคนดี เป็นคนซื่อสัตย์
ชายคนนั้นงงเลยนะ ทั้งที่ขโมยของจากวัดไป คุณพ่อแทนที่จะตำหนิ ทั้ง ๆ ที่เลี้ยงดูปูเสื่ออย่างดี แถมมายังขโมยเอาสมบัติในวัดไปอีก แทนที่คุณพ่อจะตำหนิกลับแถมเชิงเทียนที่ทำด้วยเงินให้อีก งงมากเลยว่ามีคนอย่างนี้ด้วยเหรอ ไม่ได้คิดถือโทษโกรธเคืองเราเลยที่ขโมยของ เรียกว่า กินบนเรือน ขี้รดบนหลังคา นอกจากให้อภัยแล้วก็ยังมีเมตตาให้ของดีของมีค่าอีก
ทีแรกแกก็ดีใจนะว่ารอดตัวไป ตำรวจไม่จับแล้ว เพราะว่าทางวัดนี้ยืนยันว่าไม่ได้ขโมย เขาไม่ได้ขโมย คุณพ่อให้ไปเอง แถมให้อีก ตำรวจก็เลยปล่อยไป ชายคนนั้นภายหลังก็กลับตัวเป็นคนดี จากเดิมที่มีนิสัยลักเล็กขโมยน้อยก็กลายเป็นคนที่ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากิน แล้วก็ช่วยเหลือผู้คน
อันนี้ใครที่เคยอ่านหนังสือหรือดูหนัง เรื่องเหยื่ออธรรม คงจะจำฉากนี้ได้ เป็นฉากที่น่าประทับใจมาก ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเรื่องราวในนิยาย แต่ว่ามันก็ไม่ได้ห่างไกลจากความจริงเท่าไหร่ เพราะมีคนจำนวนไม่น้อยเลยที่ดูเหมือนจะเป็นคนที่อันธพาล เป็นคนที่เกกมะเหรกเกเร เป็นคนที่ชอบลักขโมย แต่สุดท้ายกลับตัวกลับใจกลายเป็นคนดี
หลายคนที่เราตราหน้าว่าเป็นคนเลว ชีวิตนี้ไม่มีทางที่จะกลับตัวเป็นคนดีได้ เลว 100% ปรากฏว่าก็มีที่กลับตัวกลับใจกลายเป็นคนดี ที่บ้านกาญจนาภิเษก เป็นสถานเรียกว่าฝึกอบรม ถ้าจะว่าไปก็พูดภาษาชาวบ้านคือเป็นสถานดัดนิสัยวัยรุ่นที่โดนคดี ที่โดนตัดสินข้อหาที่เป็นอุกฉกรรจ์มาก ฆ่าคนมั่ง ข่มขืนมั่ง แต่ว่าอายุยังไม่ถึง 20 ก็เลยไม่ติดคุก
เขาก็ให้มาอยู่บ้านกาญจนาภิเษก หลายคนหรือแทบทั้งหมดเลยเป็นคนที่พ่อแม่ไม่มีความหวังแล้ว ใคร ๆ ก็ส่ายหัว เพราะว่าเรียกว่าเลว เลวมาตั้งแต่เด็ก จนกระทั่งทำผิดข้อหาร้ายแรง แต่ปรากฏว่าพอพ้นโทษออกจากบ้านกาญจนาภิเษกไป หลายคนก็กลายเป็นคนดี เป็นคนที่ไม่เพียงแต่ทำมาหากินอย่างสุจริตชน แต่ก็ยังช่วยเหลือเกื้อกูลผู้อื่น จนกระทั่งเพื่อนบ้านนี้ก็แปลกใจว่าโอ้โฮ คนที่ใคร ๆ หมายหัวเป็นคนเลว ชีวิตนี้มันไม่มีทางที่จะดีได้ ปรากฏว่าเขากลับตัวเป็นคนดีได้
อันนี้จะว่าเป็นความสามารถพิเศษของป้ามลหรือว่าคุณทิชา ณ นคร ก็ได้ แต่อีกส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่าคนเราทุกคนมันไม่ใช่ว่าจะเลวแต่กำเนิด หรือว่าเลวแล้วจะเลวไปตลอดกาล หากว่าได้เหตุปัจจัยที่ดีก็สามารถกลับตัวเป็นคนดีได้ เป็นคนที่รับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเอง
จากเดิมที่ไม่สน ไม่แคร์ ว่าทำแล้วใครจะเดือดร้อนอย่างไร ขอให้ฉันหรือขอให้กูสบายใจก็แล้วกัน แต่ภายหลังก็เปลี่ยนไป เพราะว่า ความใฝ่ดีมันถูกกระตุ้นขึ้นมา จนกระทั่งสามารถที่เอาชนะความใฝ่ต่ำ
อันนี้ก็เป็นตัวอย่างของคนที่ใคร ๆ ไม่มีความหวังว่าจะกลับตัวเป็นคนดีได้ แต่สุดท้ายก็กลายเป็นคนดี มันแสดงว่าคนเรานี้เปลี่ยนแปลงได้ มันไม่มีอะไรที่แน่นอน ไม่มีอะไรที่จะยืนยัน หรือการันตี 100% ว่าวันนี้เป็นอย่างนี้ วันหน้าก็จะเป็นอย่างนี้
คนชั่วสามารถกลายเป็นคนดีได้ ในทางกลับกันคนดีก็สามารถจะกลายเป็นคนที่เลวร้ายได้เหมือนกัน
มีคนหนึ่งซึ่งตอนเป็นนักศึกษาเอื้อเฟื้อกับเพื่อนฝูงมาก มีน้ำอกน้ำใจ ใครเดือดร้อนก็ช่วยถ้าไม่มีเงิน หรือถ้าไม่ช่วยด้วยเงินก็ช่วยด้วยการให้กำลังใจ จนเพื่อน ๆ ก็รัก แต่ภายหลังก็กลายเป็นสิบแปดมงกุฎ ยืมเงินเพื่อนอ้างเหตุผลอย่างโน้นอย่างนี้ เสร็จแล้วก็ไม่คืน
เพื่อนบางคนเคยนับถือน้ำใจ พอรู้ว่าเธอเดือดร้อน เงินที่เก็บสะสมมาตลอดชีวิตนี้ ก็ไม่เยอะเท่าไหร่ ยอมเบิกมาให้ ไม่รู้ว่าหวังคืนหรือเปล่านะ แต่สุดท้ายก็ไม่ได้คืน
เงินสะสมตลอดชีวิตราชการ ก็คงเป็นล้านนะ เอาไปช่วยเพื่อนคนนี้ ปรากฏว่าสูญไปเลย บางคนนี้ยอมขายที่เป็น 10 ล้านเลยนะ ไม่มีเงิน ที่จริงมีเงินก็ช่วยจนไม่รู้จะช่วยยังไง ก็เอาที่ไปขายหรือจำนองหลาย 10 ล้าน เอามาช่วยเพื่อนเธอคนนี้แหละ ปรากฏว่าสูญไปเลย
กว่าเพื่อน ๆ จะรู้ตัวว่าเธอคนนี้กลายเป็นพวกสิบแปดมงกุฎไปแล้ว ก็เสียท่ากันไปหลาย 10 คน หมดเงินถ้ารวมไปแล้วก็คงจะเกือบร้อยล้าน เพื่อนแต่ละคนก็งง ทำไมคนนี้ถึงเปลี่ยนไป
แต่มันก็อย่างที่บอกนะ คนเราวันนี้เป็นอย่างนี้ มันไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้ก็จะเป็นเหมือนเดิม คนเลวก็อาจจะกลายเป็นคนดี แต่คนดีก็อาจจะเป็นคนเลว พระบางรูปเคร่งครัดมากในพระวินัย คอยตำหนิพระรูปอื่นเวลาทำผิดวินัย แม้กระทั่งวินัยเล็กน้อย จนกระทั่งใคร ๆ นี้ระอาเลยเพราะว่าเคร่งมาก
แต่พอสึกออกไป สุดท้ายกลายเป็นขี้เหล้า ศีล 5 ยังไม่ครบเลย แต่ก่อนนี้จ้องเพ่งโทษพระรูปนั้นรูปนี้ ศีล 227 นี้ต้องเอาให้ครบ แต่ว่าพอสึกไปแล้ว ศีล 5 ยังไม่ครบเลย ขี้เหล้าเมายา ทำงานอะไรก็ทำไปได้ไม่ตลอดเพราะเมาเหล้า จนไม่มีใครอยากจะจ้าง
อันนี้ก็ไม่ต่างจากบางคนนะ เห็นขี้เหล้าในร้านอาหาร ก็ยังดูถูกเลยว่า “โง่ฉิบหายเลย กินเหล้าอะไรวะ กลับโดนเหล้ากิน” ในใจก็คงคิดว่า “กูไม่มีทางเป็นอย่างนี้หรอก” แต่ผ่านไปไม่ถึง 10 ปี กลายเป็นคนที่ติดเหล้า ติดหนักด้วย สุดท้ายก็ตายเพราะเหล้า
ฉะนั้นคนเรามันไม่มีอะไรที่แน่นอนเลยนะ อะไร ๆ ก็แปรเปลี่ยนได้
อย่างมีนายทหารคนหนึ่งมีชื่อมาก เคยพูดคล้าย ๆ ตำหนิทหารที่ฆ่าตัวตายว่ามันไม่ใช่ลูกผู้ชาย คนที่ฆ่าตัวตายนี้ไม่ใช่ลูกผู้ชาย ผ่านไป 20 ปี ปรากฏว่าตัวเองฆ่าตัวตายเสียเอง หลังจากที่เป็นมะเร็งแล้ว เข้าสู่ระยะลุกลาม
คนเรานี้มันไม่มีอะไรที่แน่นอน บางคนชีวิตก็มีความสุขดีแต่สุดท้ายก็ลงเอยด้วยความทุกข์ ย่ำแย่ ที่เคยร่ำรวยก็กลายเป็นยาจก ที่เคยยิ่งใหญ่ก็กลับไร้แผ่นดินหรือว่าไม่มีที่ซุกหัว เคยมีเพื่อนคนหนึ่ง ตอนเป็นนักเรียนนี้เรียนเก่ง แล้วใช้ชีวิตอู้ฟู่มากเพราะพ่อรวยมาก
ตัวเองอยากจะได้อะไร พ่อก็ซื้อให้ อยากจะเล่นดนตรี ไม่ว่าเครื่องดนตรีชิ้นใดก็ไม่เคยขาด อยากจะตั้งวงดนตรี ก็มีเงินตั้งวงดนตรีตั้งแต่เป็นนักเรียน อยู่มัธยมก็มีรถของตัวเอง สมัยสัก 50 ปีที่แล้วการมีรถไม่ใช่เรื่องง่ายนะสำหรับนักเรียน
แต่ว่าคนนี้เรียกว่ารวยอยู่บนกองเงินกองทอง แต่ผ่านไป 30 ปี ปรากฏว่ากลายเป็นคนอัตคัดขัดสนเลยนะ เงินที่มี ทรัพย์สมบัติที่มีไม่เหลือเลย ที่ดินก็ขาย ทองก็ขาย ธุรกิจที่รับมาจากพ่อก็ล้มละลาย
ส่วนหนึ่งเพราะติดยาด้วย ติดการพนัน ตอนหลังก็ตายอย่างอนาถา เป็นอุทาหรณ์สอนใจเพื่อน ๆ ว่า คนที่ร่ำรวย เสร็จแล้วก็ตายแบบอนาถา
บางคนก็ไม่ใช่ว่าชีวิตตกต่ำเพราะว่าติดยาหรือติดพนัน แต่ว่าพลิกผันเพราะว่าธุรกิจล้มละลาย หรือว่าเกิดเจ็บป่วย ชีวิตที่เคยสุขสบายนี้ กลายเป็นลำบากไปเลย
แล้วบางทีมันไม่ใช่เป็นเพราะเจอวิกฤตส่วนตัวนะ แต่จะเกิดเพราะความผันผวน วิกฤตเศรษฐกิจทำให้เศรษฐีจำนวนมากล้มละลายไปเลย
แล้วมันไม่ใช่แค่วิกฤตเศรษฐกิจ บางทีก็ภัยธรรมชาติ หรือบางทีก็เพราะความเปลี่ยนแปลงทางการเมือง เวลามีการปฏิวัติอย่างในจีน ในรัสเซีย เศรษฐี มหาเศรษฐี กลายเป็นยาจกไปเลย
หรือเกิดสงครามขึ้นมา เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง ชีวิตพลิกผันเลย เคยมีการงานที่มั่นคง มีชีวิตที่หรูหรา อยู่สบาย หรือมีสุขภาพดี มีหน้ามีตา เป็นที่นับหน้าถือตาของผู้คน แต่ว่าวันดีคืนดีชีวิตก็ตกอับ
มันไม่มีอะไรแน่นอน เพราะว่าถ้าเราเข้าใจเรื่องอนัตตานี้ ก็จะรู้เลยนะว่ามันไม่มีอะไรที่เป็นตัวตน ไม่มีตัวตนที่เที่ยงแท้ยั่งยืน ทุกอย่างนี้ก็ล้วนแต่เกิดขึ้นจากเหตุปัจจัยต่าง ๆ ถ้าไม่ใช่เหตุปัจจัยเฉพาะทางรูปกับนาม กายกับใจ ก็ยังมีเหตุปัจจัยจากสิ่งแวดล้อมซึ่งถ้ามันผันผวนแปรปรวน ก็สามารถจะทำให้ชีวิตนี้พลิกผันได้
แต่มองในแง่หนึ่ง มันไม่ใช่ว่าสุขแล้ว มันจะกลายเป็นทุกข์เสมอไปนะ ทุกข์ก็สามารถจะกลายเป็นสุขได้ ในยามที่คนเรามีความทุกข์ ก็อย่าไปคิดว่าเราจะทุกข์อย่างนี้ไปตลอด สามารถจะออกจากความทุกข์ สามารถจะมีความสุขได้ แม้ว่าสถานการณ์รอบตัวจะยังไม่แปรเปลี่ยนไป ความเจ็บป่วยก็ยังป่วยเหมือนเดิม ยากจนหรือขัดสนก็ยังเหมือนเดิม แต่ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปคือใจ
ในโลกที่เต็มไปด้วยความผันผวนแปรปรวน สิ่งหนึ่งที่เราต้องตระหนักอยู่เสมอคือ ความไม่ประมาท อย่าไปคิดว่าพรุ่งนี้จะเหมือนกับวันนี้ การที่เรามีความสุขในวันนี้ อยู่สบายในวันนี้ กินอิ่ม นอนอุ่น สุขภาพดี เดินเหินได้คล่องแคล่ว มีที่อยู่อาศัย มันไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้หรือวันหน้าจะเป็นอย่างนี้ วันนี้ยังลั้นลาได้ พรุ่งนี้ก็อาจจะย่ำแย่
หลายคนตอนที่ไม่เจ็บไม่ป่วยก็ลั้นลา แต่พอเจ็บป่วยเข้ากลายเป็นอีกคนหนึ่งไปเลย แต่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าคนเรานี้จะต้องตกอยู่ภายใต้ความผันผวนแปรปรวนของปัจจัยต่าง ๆ ที่แวดล้อมตัวเรา อยู่ที่ว่าเราสามารถจะรักษาใจได้ดีหรือเปล่า
เริ่มต้นก็ด้วยการที่เราไม่เอาตัวไปผูกติดอยู่กับโลกธรรม จิตถ้าหากว่าอยู่เหนือโลกธรรม ไม่ว่าขึ้นหรือลง เวลาขึ้นก็ไม่ดีใจ เวลาสุขก็ไม่ได้เพลิดเพลินกับความสุข เวลาเสียก็ไม่ตีอกชกหัว หรือเวลาทุกข์ก็ไม่ได้จมดิ่งในทุกข์ มันสำคัญมากนะที่เราจะต้องรักษาใจ ถ้าหากว่าอยู่เหนือโลกธรรมได้ มันก็ประเสริฐมาก
หรือถึงแม้จะยังไม่สามารถเป็นอิสระจากโลกธรรมได้ แต่ว่าก็มีสติรักษาใจเอาไว้ เวลามันมีความทุกข์ ความโศก ความเศร้า คนที่ติดอยู่ในโลกธรรม เวลาเจอโลกธรรมฝ่ายลบ มันก็ต้องมีความโศกเศร้า มีความคับแค้น มีความหดหู่ มีความเสียใจ แต่ถ้ารู้จักรักษาใจเอาไว้ได้ ไม่ให้สิ่งเหล่านี้มาครอบงำ มันก็ยังจะเป็นผู้เป็นคนได้
สำคัญมากคือการที่เรารักษาใจให้มั่นคง แม้ว่าสิ่งอื่นมันจะไม่มั่นคง แม้ว่าสิ่งอื่นมันจะแปรปรวนไป เช่น สุขภาพร่างกาย ฐานะความเป็นอยู่ ครอบครัวที่เคยอบอุ่นกลายเป็นแตกสลาย หรือว่าบ้านเมืองที่มันเคยสงบสุข มันก็วุ่นวาย สิ่งเหล่านี้มันอยู่ในวิสัยที่จะแปรเปลี่ยนไปได้ แล้วเราก็คงจะไม่อยู่ในวิสัยที่จะป้องกันหักห้ามได้ หรือว่าบงการให้เป็นไปดั่งใจได้ แต่สิ่งที่เราทำได้คือรักษาใจให้มั่นคงเอาไว้
มันจะมีความผันผวนแปรปรวนเกิดขึ้น กับกายอย่างไร กับคนแวดล้อมรอบตัวอย่างไร แต่ว่าใจก็ยังเป็นปกติได้ ส่วนหนึ่งก็เพราะมีปัญญา ปัญญาที่ช่วยให้ไม่ไปยึดติดกับสิ่งต่าง ๆ ไม่เอาสุขไปผูกติดอยู่กับสิ่งรอบตัว ชื่อเสียง เงินทอง คนรัก ครอบครัว แต่ขณะเดียวกันก็มีสติรักษาใจด้วย
อะไรเกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นความโศก ความเศร้า ความวิตกกังวล ของพวกนี้ห้ามไม่ได้ แต่เรารักษาใจไม่ให้มันครอบงำได้ ถ้าเรารู้จักรักษาใจให้มั่นคง ความผันผวนแปรปรวนในโลกหรือในชีวิตนี้ มันก็ไม่สามารถทำให้เราเป็นทุกข์ หรือจมดิ่งอยู่ในความเศร้าได้
มันสำคัญมากเลยนะ การรู้จักครองตนครองใจให้มั่นคง ไม่ว่าจะมีความผันผวนแปรปรวนอย่างไร ถ้าเรารักษาใจให้มั่นคงได้ด้วยสติและด้วยธรรมะข้ออื่น ๆ เราก็สามารถจะอยู่ในโลกนี้ได้อย่างปกติสุข แม้ว่าอะไร ๆ รอบตัวมันจะไม่เที่ยงก็ตาม.