แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 28 สิงหาคม 2567
ไม่มีอะไรที่ทําให้คนเราทุกข์ได้มากเท่ากับความหลง มาเจอความหิวเนี่ย ความหิวก็ไม่ได้ทําให้เราทุกข์มากเท่ากับ ความหลง ว่ากูหิว ความหิว กินน้ํามันก็ทําให้ตายทุกข์ แต่ทันทีที่ปาหยง ยึดว่าหรือสําคัญมากมายแล้วกูหิวมันไม่ใช่ทุกข์แคบตายทุกข์ใจด้วย ความป่วย ก็ไม่ได้ทําให้เราทุกข์มาตลอดความหลง หวังว่ากูป่วย ทั้งที่ความกลัวเนี่ยมันเป็นอาการที่เกิดกับกาย ทุกโครงทั้งงานที่เกิดขึ้นก็เกี่ยวกับกาย จากตรงนี้ที่ไปลงว่ากูป่วยเนี่ย มันไม่ใช่แทบตายที่ถูกน้อยใจก็ทุกข์ด้วย แล้วใจที่ถูกเอาไปซ้ําเติมนอกกายเนี่ยทุกข์ยิ่งกว่าเดิม ความสูญเสียเนี่ยนะเกิดขึ้นก็ไม่ได้ทําให้เราทุกข์มากเท่ากับความหลง สิ่งที่สูญเสียไปนั้นเนี่ยเป็นของกู มีความรู้สึกว่ากูสูงกูเสีย สิ่งที่เสียไปจูนไม่ใช่แค่ แต่ กายและใจก็พอเสียไปด้วย เชื่อว่าความตายมันก็ไม่ทําให้เราทุกข์ น่าจะเอาความลงว่านี้กูจะตายแล้วหรือมี ทางที่ความตายมันจะเป็นแค่แค่การแตกสลายของขันธ์ 5 มันก็กลายเป็นว่า กูกําลังจะตาย แล้วก็ความทุกข์ใจอีกครั้ง โรงแรมเยอะกว่าเดิม จริงจริง เดี๋ยวต่างจากยางที่ เจ็บป่วย สูญเสียหรือว่าใกล้ตายเลย น่าจะมีทรัพย์มากเพียงใดเนี่ย ตามโซเชียลที่มีความหลงอยู่มันก็ยังทุกข์เนอะ ผมคิดว่าทรัพย์เหล่านั้นเนี่ย ตรงนั้นเป็นคําตอบของชีวิต หลวงคิดว่ามันเป็นตัวสุข จริงจริงมันเป็น สิ่งที่เจอไปที่ทุกข์หรือว่าเป็นตัวทุกก็ว่าได้ เดี๋ยวไปหลงคิด ยังมีมากกว่านี้ ก็จะมีความสุข ต้องมีมากกว่านี้ถึงจะมีความสุข ชอบคิดแบบนี้ก็ทําให้ทุกข์ระดับแม้จะมีทรัพย์สินมากมาย 10 ล้านร้อยลล้าน จึงเป็น สิ่งที่น่ากลัวมาก ความรู้มั้งเราเรียกว่าอวิชชา คือการไม่รู้ความจริง ความรู้ความจริงว่า มันไม่มีกูมันมีแต่ลูกกับนางกับกายกับใจ อากาศหิวมันก็ เกิดกูเป็นผู้หญิง ความทุกข์ใจขึ้นมา ความเจ็บปวดก็เหมือนกันเพราะไม่เห็นความจริงไม่รู้ความจริงว่า มันไม่มีกูนะมันมีลูกกับน้ํา ตรงตัวกูขึ้นมา ก็เลยไม่ใช่แค่กลายป่วยนะใจก็ป่วยด้วย เพราะๆกูกลัวเพิ่งมาใจก็คล้ายตุ๊กตาไปด้วย เพราะมันเป็นความจริงแล้วมันไม่ใช่อันนี้เป็นของเรา ทรัพย์สินที่เราแค่เป็นของเรามันก็เป็นแค่สมมุติ สมมุติตาม ที่ถือสูตรกันมาสมมุติตามกฎหมาย ความรู้สึกเป็นของเราก็ บางทีปิยบุตรเป็นเรา พอรถถูกเชียร์ถูกชนก็รู้สึกว่ากูถูกเขียวถูกชนไปด้วย ทรัพย์สมบัติสูญหายไปก็ กลัวความรู้สึกถูกต้องขึ้นมาทันทีเกิดความรู้สึกมีความสําคัญมากแล้วกลัวสูญเสีย ที่ทําให้ใจทุกข์ เราต้องการให้เห็นความจริงว่าสิ่งทั้งหลายต้องป่วงที่ถือว่าเป็นทรัพย์สมบัตินั้นมัน จริงๆมันก็ไม่น่ายึดถือ ว่าเป็นเราเป็นของเราเลยเพราะมัน เป็นสิ่งที่ เป็นมนุษย์ทุกวันคือทุกครั้งแม้มันจะเป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิตไม่มีจิตใจแต่มันก็ ตกอยู่ภายใต้ความเสื่อม ถูกบุบครั้งด้วย ความน่าเชื่อของสรรพสิ่งที่ประกอบขึ้นมาเป็นตัวนํา เบียร์ถึงตัวทุกข์ ก็เลยคิดว่าถ้ามีมากมากแล้วจะสุขมาก แต่ว่ามีชิ้นมาก็ไม่สุกสักที ก็คิดว่าจะมีมากกว่านี้จะสุขมากขึ้น ในความคิดแบบนี้ก็จะไม่ไม่พอใจในสิ่งที่มี น่าจะมีเยอะกําลังทุกข์ มีคุณราศีสิ่งที่มียังไม่มีศูนย์เลยนะยังไม่มีศูนย์เลยนะถ้ามีเสื่อมไปเมื่อไหร่เมื่อไหร่ ก็วิ่ง เกิดความเศร้าโศกเกิดความอีกครั้งคับแค้นใจ พอไปยึดวันนึงเที่ยงไม่ใช่แค่ไปลงยึดว่ามันสูงอย่างเดียวไปลงคิดว่ามันเที่ยง ความยึดว่าเที่ยงอ่ะที่มันย้อนกลับมาทําร้ายจิตใจ เกิดความทุกข์ขึ้นมา เรื่องความล้มเนี่ยจะเป็นตัวการสร้างทุกข์ให้กับ เรานี่ที่ร้ายแรงที่สุด ไม่ใช่ว่าเยอะไม่ใช่ความเจ็บความป่วย มาใช้คําตอบว่าบาททองไม่ใช่ความสูญเสีย ตรงที่ว่าน่าจะหิว แต่ถ้ามันหลงว่าคือเราความรู้ก็เป็นเรื่องของกาย ผู้ถือเนี่ย เจ็บปวดก็เหมือนกันเจ็บปวดก็เป็นเรื่องของลูก มันไม่มีเราหรือกูผู้ป่วย โบราณตามก็มีแต่รูป หมูคันหน้าชิดส่วนสลายไปแต่ไม่มี กูสิตาย เห็นความจริงว่างี้อะไรเราก็ไม่เที่ยง นอกจากไม่ใช่ไม่ใช่นอกจากจะดีกว่าเป็นเราเป็นของเราไม่ได้แล้ว ยึดมาเที่ยงไม่ได้ คิดว่าเป็นตัวซุปไม่ว่ามันก็ทําให้ใจไม่ไปยึด อ๋อตาป่วยใจก็ไม่ทุกข์ ทรัพย์สินเสื่อมสลายหายไปหรือแม้แต่คนรักไม่หายตายจากเราก็ไม่ทุกข์ ถึงเวลาตาย ก็ ความทุกข์เกิดขึ้นเพราะไม่ได้ยึดกายวิชาชีวิตนี้ว่าเป็นของเราอยู่แล้ว ยังมีแต่ความตายแต่ไม่มีผู้ตาย นอกจากความหลงที่เรียกว่าวิชาหรือการไม่รู้ความจริงแล้วเนี่ย ความรู้สึกตัวนึงนะ คือความไม่รู้ตัว มีความรู้ตัวเนี่ย มันก็สร้างธูปให้กับเราไม่ใช่น้ํา ถึงเราจะเป็นรองในความหลงชนิดแรก ก็ว่าพอไม่รู้ตัวไงเราก็3ารถจะ หาทุกมาใส่ใจ รู้ซ้ําตอนเพิ่มขึ้นหลายหลายตัวเองได้ อย่างที่พูดเมื่อสองวันก่อนหน้านี้ เวลาเราไม่ชอบเค้าเวลาเราเกลียดใครไง เราจะคอยจับจ้องมองคนนั้น Bank of care สายตา ทั้งที่ไม่ชอบเขาแต่ว่าจับจับจ้องมองเขา แล้วเขาทําอะไรก็คุยกับใคร ครอบครัวเขาก็พยายามหูฟัง ต้องคือการทําอย่างนั้นเนี่ยมันมีไดร์ฟ จิตใจเกิดความคับแค้นเกิดความหงุดหงิดเกิดความโกรธ เราเสียเวลา เวลาที่เหลือน้อยทางที่อยากไปใช้ในการทําสิ่งที่ดีให้กับตัวเองกับพามาใช้ในการจับจ้องมองคนที่เราไม่ชอบ แล้วมันก็เลยไม่ใช่แค่ซื้อเวลามันเสียอารมณ์ด้วย ตอนนั้นคนนั้น ที่จะรู้ตัวว่าทําอย่างนั้น ไม่รู้ตัว เพราะว่ามันถูกความ โกรธถูกความชังอ่ะครอบงํา ทําไปตามอํานาจของความชังความเกลียด เสร็จแล้วฉันก็เกี่ยวข้องคือความทุกข์ความง ต้องลงภาษีที่ไม่ชอบ เสียงที่ไม่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นเสียงดัง หรือว่าเสียงนินทา ทั้งที่ไม่ชอบนะแต่ว่า ตกต่อใส่ใจกําลังเหลือเกิน จดจําใส่ใจแล้วเป็นยังไงทุกข์ จริงๆมันเป็นอดีตไปแล้วก็ยังขุดคุ้ยมันขึ้นมา เขาพูดถึงเราอย่างไรเขานินทาเราอย่างไรเขาตอบว่าเราอย่างไรเขาโทรจะหักหลังเราอย่างไรเขาแกล้งเราอย่างไร ขุดคุ้ยขึ้นมา แล้วเป็นหัวใจก็ทุกข์ใจก็หงุดหงิดใจก็โกรธ ไม่ว่าทําไปเดี๋ยวไม่รู้ตัว แต่ความไม่รู้ตัวเนี่ยที่ทําให้กลายเป็นทุกข์ เครียดนอนไม่ครับความดันขึ้น บางคนก็ชอบคิดเราคิดร้ายกับคนนั้นคนนี้ อนาคตของตัวเอง มองอะไรก็เป็นเรื่องที่รถ เรื่องที่ร้ายก็เลยทําให้ตัวเป็นคนขี้กังวล ว่าคนเดียวไม่น้อยเนี่ยขี้กังวลเหมือนกับเรื่องที่มาไม่ถึง จะทําอะไรก็มาเห็นจากปัญหา จะไปเที่ยวก็ยังกลัวว่าจะเกิดปัญหา กลุ่มหนึ่ง ตกนะ หรือว่าเค้าแคลเซิลแต่ไม่ต้องรอติดอยู่บนสนามบิน ว่าไปเที่ยวก็จะมีคน ก็เลยวิตกกังวลไปเที่ยวแล้วถาม เวลาทํางานก็ ก็จ้องจับผิดของเงินคนนี้มีอคติ แต่ไม่รู้ตัว แล้วก็ไม่รู้ว่าเรียนภาษาแบบนั้นด้วย มีเรื่องทีเดียวนะที่ มันว่าใส่แบบนั้นไงแต่ว่าเจ้าตัวนี่ไม่รู้ตัว บางคนก็จ้อจี้ๆบมซึ่งมันก็ยอมรับการที่มองเห็นข้อลบข้อผิดพลาดของคนอื่นหรือของตัวเอง รู้สึกไม่ดีกว่าตัวเอง เพราะว่าทําอะไรก็ผิดพลาด ยังเป็นคนที่ชอบความสมบูรณ์แบบก็เห็นแต่ความบกพร่อง หลังจากปัญหา ทุ่งสงเคลื่อนมั้ยวิตกกังวล แต่ไม่รู้ตัว หลายคนก็เป็นคนเจ้าอาวาส เอาโทรศัพท์ที่โกรธโกรธง่าย แต่ไม่รู้ ผมก็คือว่าจิตใจพวกเรา ความดันขึ้น ไม่รู้ตัวเพราะมีความโลภนะ อยากอยากง่วงอยากได้นี่ พอมีความอยากก็จิตใจว่ารุ่งร้อนถูกแผดเผาด้วยความอยาก หลงตัวอย่าให้คนชื่นชมสารสน อยากแลกตัวเป็นทยอมรับได้รับความสนใจจาก คนทั่วไปเรียกร้องความสนใจ อ๋อไม่ได้กระทบหงุดหงิดอย่างที่เราอิจฉาคนนั้นคงไม่มีคนได้รับความสนใจมากกว่า แล้วก็ไม่รู้ตัวครับว่าตัวเองมีนิสัยแบบนี้ ความหลงกลัวลืมตน นําไปสู่ความอิจฉาคนอื่นมองคนอื่นในทางไม่ดี คนเราถ้ารู้ตัวว่าเรานะมันก็มีโอกาสที่จะปรับปรุง แก้ไขตัวเองได้แต่พอไม่รู้ตัวเองมันก็เลย มีอาการแบบไม่หนักขึ้นเรื่อยๆ เสร็จแล้วคนที่เดือดร้อนคนขายคือตัวเองจิตใจ เต็มไปด้วยความทุกข์ ดูความเครียด มีความกังวลสูง โดยบางทีมันซึมเศร้า ไม่รู้ตัวเรามีความโศกเศร้าเนอะเรามีความโศกเศร้าก็จะมีความเศร้า ขอโทษความเศร้ามันบีบคั้นใจ ด้วยความหลงใหลเนี่ยมันก็น่ากลัวเหมือนกัน แล้วว่าชีวิตจะมีสิ่งดีดีจะประสบความสําเร็จจะมีครอบครัวที่อบอุ่นในการงานที่ดี แต่ถ้าไม่มีความสุข หลายคนที่เราซึมเศร้า ดีทุกอย่าง ความไม่รู้ตัวปล่อยให้ความทุกข์ครอบงํา วันแล้ววันเล่าจนจิตมันดิ่งอยู่ในอารมณ์ที่ แล้วก็เป็นทุกข์ ในการที่คนเราเนี่ยจะพ้นจากความหลงชนิดแรกคืออวิชชานี่ มันยากนะเพราะถ้าทําได้นี้ก็เรียกว่าเป็นพระอาหารเลยบรรลุนิพพานเลย แต่ว่าหน้าเราจะเป็นปุถุชนเนี่ยเราก็ยังสามารถที่จะ ลดทอนความหลง ดูก้าวล่วงความหลงชั้นเรื่องที่สองได้ คือความไม่รู้ตัว มีความรู้ตัวนึงมันทําให้เรายึดติดความทุกข์ ความโศกความเศร้าซึ่ง ไม่มีอะไรดีเลยนะ ความโสดความเศร้าความโกรธความเครียดเนี่ย มันดีตรงไหน ผมว่าความไม่รู้ตัวเนี่ยจึงไปยึดหนึ่ง โตขึ้นจริงๆ ก็ปล่อยให้มันคล่องกําลังใจ แต่ว่าถ้าเรารู้ตัวไงเราก็จะไม่ยอมให้มันคล่องกําลังใจก็พยายามดึงจิตออกห่างจากอารมณ์เหล่านี้ การที่จดจ่อใส่ใจยึดติดมันก็พยายามถอยหลัง อย่างที่บอกว่าคนเราเวลาไม่ชอบอะไรนี่ เราจะจดจ่อใส่ใจกับสิ่งนั้นมันไม่ใช่แค่คนที่เราไม่ชอบนะอารมณ์ที่เราไม่ชอบรวมกันนะ พอมันเกิดขึ้นทีไรนี่ก็ นอกใจจะไม่ชอบนะว่าก็อดเมื่อไหร่ที่จะเข้าไป ใส่ใจจับจ้องยึดติดแบกเอาไว้ แล้วตัวมันก็ทุกข์เอง กรณีรู้จัก มีความรู้สึกตัวอยู่เรื่อยๆนะ มันก็จะทําร้ายเข้าไปในอารมณ์เหล่านั้นหรือปล่อยให้อารมณ์นั้นก็รอคล่องลังใจได้ยาก เมื่อทุกคนก็ทําได้ไงที่จะเอาชนะความหลงประเภทที่สองนี่ตั้งแต่เดี๋ยวนี้เลย ก็คือกลับมารู้ตัวกลับมามีสติกลับมาอยู่กับปัจจุบัน ใจมันไหวไปเรื่องไปยังอดีตก็ดึงกลับมา สู่ปัจจุบันการทําอะไรอยู่ก็ทําสิ่งนั้นด้วยใจเต็มร้อย ทั้งที่ยังไม่เกิดรู้ตัวว่าบุญเก็กกลับมา การที่เราทําอะไรอย่างมีสติ มันเป็นการปิดช่องแล้วไง ความหลง ชนิดที่สองเนี่ยมันก็มาคร่อมกําลังใจ อย่างต่อเนื่อง จําง่ายๆมันครองใจเราเลย มันยากนะปุถุชนไงแต่ว่าอย่างน้อยทําให้ มันคลองรังใจเราน้อยลง และไม่ที ครองกันแต่ละครั้งก็ประเดี๋ยวปาว แล้วก็หายไปเพราะอะไรเพราะรู้สึกตัว มีความรู้ตัวได้เลย แต่สิ่งหนึ่งที่เป็นตัวช่วยก็คือว่ารู้จักสังเกตนะจิตใจตัวเองบ้าง สังเกตจิตใจตัวเอง ซึ่งเอาจริงจริงก็เกิดขึ้นได้นะเวลาเราเจอรถสปีดเนี่ยมันจะเห็นเห็นนิสัยใจคอ ของตัวเองต่อการไม่เห็นเลยนะไม่เคยรู้ว่าตัวเองเป็นคนชอบมองว่าเป็นคนชอบระแวงเป็นคนชอบ เพราะเห็นความคิดผุดขึ้นมาเห็นความคิดแย่อย่างนี้เกิดขึ้นมาซ้ําแล้วซ้ําเล่า บางคนก็เห็นแต่เสียงที่บ่นอยู่ในหัวแต่ก่อนไม่เคยหวงรึไงกูคิดว่าเราเป็นคน เรียกว่าชื่นชมสิ่งต่างๆ ใครดีเราก็ชงอยู่ที่ไหนบ้างเสียงบ่นในหัวมัน มันออกมาอยู่เรื่อยๆถึงว่าเราเป็นคนที่ชอบดูชอบจู้จี้ หรือว่าชอบมองคนในทางรถ ถ้าเห็นว่าตัวเองมีนิสัยแบบนี้มันก็ช่วยได้เยอะนะเพราะว่ามันทําให้เราเนี่ยหาทางแก้ หาจังหวัดนิสัยหรือว่าหาทางทวนกระแส แค่นี้ก็เป็นคนที่เจ้าโทรศัพท์เจ้าอารมณ์เอ้าก็ก็พยายามปลุกแผนเมตตา จู้จี้ขี้บ่น เช่นโทษชอบตําหนิว่าเออมองเห็นข้อดีของเค้า ชอบ เพ่งโทษตัวเอง ชอบตําหนิตัวเองเห็นว่าตัวเองไม่มีอะไรดีอะไรอย่างเงี้ยมันก็ลองมามองเห็นข้อดีของตัวเองบ้าง หรือว่ารู้จักให้อภัยตัวเองบ้าง มันก็ทําให้ มาเป็นใหญ่หัวจิตใจเราน้อยลง ส่วนที่เหลือมันเริ่มต้นกับการที่เรามาสังเกตตัวเองนะตัวเราเพิ่งรู้ว่าเรามีนิสัยแบบนี้ ส่วนส่วนหนึ่งก็เกิดขึ้นจากการตรวจสอบ การจราจรสติมาช่วยทําให้เราได้เห็น ความคิดของตัวเอง ถึงแม้ว่าเราจะเริ่มต้นคือการมารู้กายนะ แต่บางอย่างที่ครูบาอาจารย์หวัง มองไกลถึงจิต หรือดูกลายเห็นจิต ตัวต่อไปมองคลิปก็เห็นธรรม แต่ตอนนี้มันเห็นตัวเองเลย เค้าคิดว่ามองคิดในอารมณ์นี้นะความคิดว่าอารมณ์ญี่ปุ่นขึ้นมา ถ้าเรามองเห็นมันอย่างซื่อตรงก็จะเห็นตัวเอง ตัวเอง ก็จะพบว่า มีตัวกูเลย เป็นของกูคนที่ของกูความโกรธของกูที่จริงมันมันไม่มีมันมีแต่ความคิดล้วนล้วนมีแต่ความโกรธล้วนๆแต่ไม่ใช่ กูโกรธไม่ใช่กูคิด จากดูคิดถึงทําจากดูคิดถึงตัวเองก็เลยเห็นทําขึ้นมา เห็นๆถึงความจริงของกายและใจ มาจากการที่เรา 6 สติ สร้างความรู้สึกตัวร่วมกับความหลงเน ต่อไปนี้ไม่ใช่แค่ความลงประเภทที่สองที่ค่อยๆวงลังจวน รางหรือโจจางไปนะต่อไปความรู้ประเภทแรกนี่คือการที่ มองเห็นความ การลงยุบ ของกูมึงก็จะ เบาบางลง สิ่งที่ใครใครเห็นว่าเป็นสิ่งสิ่งที่ทําให้ความสุขกับเราที่เค้าเรียกว่า ปิดท้ายวันรูปและกลิ่นเสียงสัมผัสที่น่าปลอบใจ ชื่อว่า เห็นว่าเป็นตัวสุกแล้วก็อย่าให้มันเที่ยง ต่อไปก็ลองเห็นมันไม่ใช่ตัวสุกแล้วเนี่ยมันเจอไปด้วยทุกข์ นะถ้าไปยึดมันเท่าไหร่ยึดกันมากเท่าไหร่ก็ you tube มาเท่านั้น กล่องแดงๆในช่วงเป็นทองน่าจับแต่พอจับและมันกลายเป็นถ่าน ที่ร่วมฟังเหล่านี้ปุ๊บมันวางไงมันไม่คิดจะยึดเลยแต่ก่อนไม่ใช่มันเป็นทองในตอนที่เก่งมันเป็นถ่าน กล่องดําๆ ต่างต่างยึดสิ่งที่เป็นอีกหนึ่งมันก็จะน้อยลงเพราะว่า เห็นความ ส่วนการรู้ตัวก็ถือว่าเราเนี่ยน่าจะยึดกับอนิษฐานลง เสียงสัมผัสที่ไม่มากพอใจ แต่ก่อนไม่รู้ตัวว่าไปยึดไปจดจ่อแบบเสียงที่ดังการกระทําคําพูดที่ไม่ถูกใจทั้งที่ไม่ชอบแต่ก็ไปยึดไปจดจ่อแต่พอรู้ตัวว่ามันถอยมันวางมันๆ มันก็สนใจ ศูนย์ 12 คือใจที่เบาใจให้สบาย น่าจะยังไม่เห็นความจริงเห็นแจ่มแจ้งแต่ว่าความรู้ตัวก็จะแน่ใจไม่ไปหลงยึดเอาความทุกข์ความโศกความเศร้าความเครียดความกังวลมาเกาจิตครองใจ คุณธนาธรถูกมองหลวงลงไปเรื่อยๆ ตระหนักก่อนนะฮะไม่มีอะไรที่ทําให้เราทุกข์ไม่สําหรับความหลง