พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 11 กรกฎาคม 2567
ช่วงนี้หลัง ๆ อย่างน้อย ๆ 4-5 ปีที่ผ่านมา เวลามีการเปรียบเทียบประเทศไทยกับประเทศต่าง ๆ ผลสรุปนี้ชวนให้ห่อเหี่ยว เพราะว่าไทยถดถอยในเรื่องต่าง ๆ หลายเรื่องมากโดยเฉพาะเรื่องการศึกษา ไม่ว่าจะดูจากความรู้ภาษาอังกฤษ ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์ การคำนวณ ความคิดสร้างสรรค์ ของไทยเราตกอันดับลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งแพ้เวียดนาม มาเลเซีย ไม่ต้องพูดถึงสิงคโปร์ ถ้าพูดถึงเรื่องของเศรษฐกิจ
ความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยก็ถดถอยมาเรื่อย ๆ จนหลายคนก็วิตกว่ามันจะตกมากกว่านี้หรือเปล่า
แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็มีข่าวดีที่ทำให้เราพอจะมีความหวังได้บ้าง ข้อมูลจากสหประชาชาติซึ่งก็คงอาศัยข้อมูลจากองค์การอนามัยโลกแล้วก็ธนาคารโลกด้วย เมื่อเร็ว ๆ นี้ก็ระบุว่าคนไทยมีอายุค่าเฉลี่ยเกือบ 80 ปี ซึ่งสูงมาก สูงกว่าเวียดนาม แล้วก็สูงกว่าประเทศร่ำรวยอย่างอเมริกา อเมริกาอายุค่าเฉลี่ยประมาณ 79 ปี และหลายประเทศในยุโรปอายุค่าเฉลี่ยก็ต่ำกว่าของไทย อย่างโปแลนด์ก็ 75-76 เฉพาะในยุโรปก็มีแต่ฝรั่งเศส เยอรมันที่อายุค่าเฉลี่ยสูงกว่า 80 ปี
อันนี้เป็นข้อมูลที่เรียกว่าแสดงถึงความก้าวหน้าทางด้านสาธารณสุขของไทย ทั้ง ๆ ที่เมืองไทยรายได้เฉลี่ยต่อคนคือ 7,000 ดอลลาร์ มันแค่ 1 ใน 11 ของรายได้เฉลี่ยของคนอเมริกัน พูดง่าย ๆ คือเราจนกว่ามากเลย อเมริการวยกว่าเรา 11 เท่า แต่สุขภาพหลายเรื่องโดยเฉพาะถ้าวัดจากอายุค่าเฉลี่ยต่ำกว่าของไทย
ไม่ใช่ว่าอเมริกาเขาไม่ได้ทุ่มงบประมาณ รายได้ประชาชาติของเขา 17% ใช้ไปกับเรื่องสุขภาพ เกี่ยวกับเรื่องการแพทย์ ขณะที่ไทยเราใช้ไปแค่ 6% แต่ว่าในแง่สุขภาพ วัดจากอายุค่าเฉลี่ยของไทยเราดีกว่า
แล้วมันก็เป็นความก้าวหน้าเพราะว่า 2 ปีที่แล้วอายุค่าเฉลี่ยของคนไทยยัง 78.4 ภายใน 2 ปีเพิ่มขึ้นมาเกือบ 80 อันนี้ก็ถือว่าเป็นความก้าวหน้าของไทยที่เราอาจจะบอกได้ว่าอยู่เหนือประเทศในเอเชียอาคเนย์ เพราะว่าประเทศในเอเชียอาคเนย์ไม่ว่าจะเป็นเวียดนาม มาเลเซียอายุค่าเฉลี่ยต่ำกว่าไทย โดยเฉลี่ยของทุกประเทศในเอเชียอาคเนย์อายุค่าเฉลี่ยแค่ 73 แต่ของประเทศไทยประเทศเดียวก็ 80 เข้าไปแล้ว
อันนี้ก็ถือว่าเป็นแนวโน้มที่ดีของประเทศไทย ถามว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น ก็ตอบได้ว่าเป็นเพราะว่าประเทศไทยเราในช่วง 30 ปีที่ผ่านมา เราเน้นเรื่องสาธารณสุขมากกว่าเน้นเรื่องการแพทย์ ซึ่งอันนี้ต่างจากอเมริกา อเมริกาเขาไม่ค่อยเน้นเรื่องสาธารณสุขแต่เขาไปเน้นเรื่องพัฒนาการทางการแพทย์
มันต่างกันอย่างไร สาธารณสุขเป็นเรื่องของคนหมู่มาก สุขภาพของสาธารณะ สามารถจะช่วยยกระดับได้ เช่น ถ้าเรามีน้ำสะอาดเข้าถึงทุกหมู่บ้าน ลดปัญหาขาดอาหาร หรือว่ามีถนนเข้าถึงทุกหมู่บ้าน ทำให้คนป่วยสามารถจะไปโรงพยาบาลได้ รวมทั้งมีสาธารณูปโภคที่ดี พวกนี้ถ้าหากว่าทำอย่างทั่วถึงสุขภาพคนก็จะดีขึ้น
โดยเฉพาะเมืองไทยเราที่เด่นมาก ในหลายประเทศที่พูดถึงไม่มี ก็คือ หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 99.5 % ของประชากรไทยมีหลักประกันสุขภาพ ป่วยแล้วไปโรงพยาบาลไม่ต้องเสียเงิน แล้ว จากที่เคยขายที่ขายนาเพราะว่าพ่อแม่เจ็บป่วย เป็นมะเร็ง หรือเป็นโรคร้าย เดี๋ยวนี้ปรากฏการณ์แบบนี้แทบจะไม่เหลือแล้ว เพราะว่ามีหลักประกันสุขภาพ อชเมริกาก็ดี เวียดนามก็ดี มาเลย์ก็ยังไม่มี อันนี้มันทำให้คนมีโอกาสเข้าถึงบริการสาธารณสุขและการแพทย์ได้ง่ายขึ้น หรือว่าเท่าเทียมกัน
การที่ไปเน้นเรื่องสาธารณสุขนอกจากเน้นที่การยกระดับคนทั้งประเทศแล้ว ก็ยังเน้นเรื่องการป้องกัน การป้องกันมีค่าใช้จ่ายน้อยกว่าการรักษา
การแพทย์ส่วนใหญ่เราพูดถึงการรักษา แล้วก็เป็นการรักษากับคนเป็นราย ๆ ไป บางคนก็เป็นมะเร็ง บางคนก็เป็นโรคหัวใจ บางคนก็เป็นโรคหลอดเลือดสมอง แต่ละคนก็ต้องใช้วิธีการรักษาที่แตกต่างกัน และการรักษาส่วนใหญ่ต้องใช้เทคโนโลยีที่สูงมาก มะเร็งก็ฉายแสง ถ้าเป็นโรคเกี่ยวกับสมองก็ต้องผ่าตัด วิธีการทางการแพทย์มันใช้เงินเยอะแล้วก็เน้นดูแลเฉพาะคน
ขณะที่บริการสาธารณสุขทำกับคนหมู่มากทั้งประเทศ แล้วก็เน้นเรื่องการป้องกัน ที่เรียกว่าปฐมภูมิ อย่างทุกตำบลเดี๋ยวนี้ก็มีแล้วที่เรียกว่า รพ.สต. ทุกอำเภอก็มีโรงพยาบาล อันนี้ก็เรียกว่าการให้น้ำหนักกับสาธารณสุข
ขณะที่อเมริกาเขาไม่ค่อยให้น้ำหนักเรื่องสาธารณสุข คนที่ขาดอาหารมีเยอะมากโดยเฉพาะคนจนซึ่งส่วนใหญ่เป็นคนผิวดำ คนละติน ที่อยู่แออัด คนไร้บ้านก็เยอะ แต่ถ้าพูดถึงเรื่องของการแพทย์เขาสุดยอดเลย คนไทยก็ต้องไปเรียนที่นั่น โรคยาก ๆ เขารักษาให้หายได้ หรือว่าช่วยประทังชีวิตไม่ให้ตาย แพทย์ไทยจำนวนมากไม่มีความสามารถขนาดนั้น แต่ว่าถ้าเป็นเรื่องการป้องกันของเราทำได้ดีกว่าและมันใช้เงินน้อยกว่า
อันนี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้คนไทยมีสุขภาพที่ดีกว่าคนอเมริกัน รวมทั้งการมีอายุค่าเฉลี่ยสูงกว่าด้วยทั้งที่เราจนกว่า เราใช้เงินเพื่อการแพทย์น้อยกว่า แต่สัดส่วนการใช้เงินเพื่อสาธารณสุขเราสูงกว่า อันนี้ก็เหมือนคอสตาริกา
คอสตาริกาเป็นประเทศเล็ก ๆ 70 ปีที่แล้ว 10% ของเด็กตายก่อนที่จะอายุหนึ่งขวบ สูงมาก แต่พอ 30 ปีผ่านไป สุขภาพของประชาชนทั้งประเทศโดยเฉลี่ยพอ ๆ กับอเมริกาเลย ทั้ง ๆ ที่คอสตาริกาจนกว่ามาก เพราะว่าเขาไปเน้นเรื่องการให้บริการด้านสาธารณสุข เรื่องการแพทย์เขาไม่ค่อยเน้น เพราะอย่างที่บอกเรื่องการแพทย์มันเป็นเรื่องเฉพาะบุคคล แต่เรื่องสาธารณสุขมันทำกับคนทั้งประเทศ แล้วก็ใช้เงินน้อยกว่า คอสตาริกาตอนนี้สุขภาพของประชากรดีกว่าอเมริกามาก
อันนี้แสดงให้เห็นว่า บขสุขภาพของคนกับรายได้ไม่เกี่ยวกัน มีรายได้เยอะไม่ได้แสดงว่าสุขภาพจะดี ถึงแม้จนหรือไม่ร่ำรวยแต่สุขภาพก็อาจจะดีได้ถ้ารู้จักป้องกัน หรือว่ามีสาธารณูปโภค มีน้ำสะอาด แล้วก็มีอาหารกินพอเพียง ไม่ขาดอาหาร แล้วเดี๋ยวนี้ก็ต้องรวมไปถึงมีอากาศที่ดีด้วย มีธรรมชาติไม่แปดเปื้อนด้วยมลพิษ มลภาวะซึ่งตอนนี้เมืองไทยกำลังเพิ่มขึ้น
เมืองไทยก็ไม่รู้ว่าต่อไปสุขภาพจะตกลงหรือเปล่าเพราะว่าตอนหลังเราไม่ค่อยเน้นแล้ว เรื่องการดูแลด้านปฐมภูมิ หรือว่าการยกระดับสาธารณสุข เราไปทุ่มเรื่องการแพทย์มากขึ้น เราต้องการเทคโนโลยีชั้นสูงที่จะรักษาโรคแปลก ๆ โรคยาก ๆ ซึ่งก็อาจจะทำให้การเติบโตทางด้านสุขภาพของคนไทยอาจจะชะงักแล้วก็ถดถอยในระยะยาวก็ได้ อันนี้ก็เป็นข่าวดีที่นาน ๆ จะได้ยินสักทีเกี่ยวกับเมืองไทยเมื่อเทียบกับต่างประเทศ.