พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 25 มิถุนายน 2567
จิตใจคนเรานี่ก็แปลก เวลาเราซื้อของได้ถูก เราก็ดีใจ แต่เวลามีคนอื่นซื้อของถูกกว่าเรา หรือมีร้านอื่นขายถูกกว่าที่เราซื้อ เราก็รู้สึกว่าเราซื้อแพง จากซื้อถูกกลายเป็นซื้อแพง เป็นเพราะเห็นคนอื่นเขาซื้อถูกกว่าเรา หรือมีร้านอื่นที่เขาขายของชิ้นเดียวกันแต่ราคาถูกกว่า
ทั้ง
ๆ ที่ของที่เราซื้อก็เป็นราคาพิเศษ เดิมราคา 1,000 บาท เราซื้อได้ 700 อาจจะเป็นเพราะการต่อราคาของเรา หรือเขาตั้งราคาขายอย่างนั้นเอง ซื้อของ 700 ก็ถือว่าได้ซื้อของถูก แต่พอเห็นเพื่อนเขาซื้อได้ 500 เรากลับรู้สึกว่าเราซื้อของแพงทันที จากที่ดีใจว่าซื้อของถูก กลายเป็นทุกข์ใจเพราะซื้อของแพง
ของก็ยังถูกอยู่เหมือนเดิม แต่ว่าใจเรากลับรู้สึกว่ามันเป็นของแพง เราก็เลยทุกข์ บางคนนั่งรถทัวร์ไปกับเพื่อน ไปซื้อของที่พาราณสี โอ้ย! ดีใจ อุตส่าห์ต่อได้ผ้าเนื้อดีราคา 300 แต่พอขึ้นรถรู้ว่าเพื่อนเขาซื้อผ้าชนิดเดียวกันราคา 250 เท่านั้นแหละเสียใจเลย เพราะรู้สึกว่าซื้อของแพง
ทำไมจิตใจเปลี่ยนไปได้เร็วอย่างนั้น ก็เพราะมุมมองนี่แหละ จากการซื้อของถูกกลายเป็นเข้าใจว่าซื้อของแพงไป บางคนได้ แต่แทนที่จะดีใจ กลับทุกข์ เพราะไปมองว่าเสีย
มีเพื่อนสมัยที่เขาไปเล่นหุ้นที่ตลาดหุ้น ไปรู้จักคุณป้าคนหนึ่งซึ่งก็เล่นหุ้นเหมือนกัน แกไปตลาดหุ้นทุกวันเลย สมัยก่อนก็ไปที่นั่นแหละ ไม่ใช่ว่าจะอาศัยโทรศัพท์มือถือเหมือนสมัยนี้ คุยไปคุยมา คุณป้าก็บอกว่าเมื่อสามวันก่อนเขาขายหุ้นไปล็อตใหญ่ล็อตหนึ่ง ได้กำไรตั้ง 10 ล้าน เพื่อนร่วมงานก็บอกว่าขอแสดงความยินดีด้วยครับคุณป้า
คุณป้าบอกว่ายินดีอะไรกันล่ะ ถ้าฉันขายวันนี้ฉันได้กำไร 20 ล้าน คุณป้าได้ 10 ล้านไม่มีความสุข ไม่ดีใจ อาจจะดีใจเมื่อสามวันก่อน แต่วันนี้ไม่ดีใจ เสียใจด้วยซ้ำ เพราะอะไร เพราะไม่คิดว่าตัวเองได้ 10 ล้าน แต่คิดว่าตัวเองเสีย 10 ล้าน
วันรุ่งขึ้นคุณป้าก็มาที่ตลาดหุ้น เพื่อนอาตมาก็เลยไปสอบถามว่าคุณป้าหายไปไหน ไปถามมาร์เก็ตติง เขาตอบว่าคุณป้าเข้าโรงพยาบาล ได้ 10 ล้าน ทำไมถึงเครียดจนเข้าโรงพยาบาล เพราะคิดว่าเสีย 10 ล้าน ทำไมถึงคิดอย่างนั้น ก็เพราะคิดว่าฉันน่าจะได้ 20 ล้าน เป็นเพราะใจแท้ ๆ แทนที่จะดีใจที่ได้ 10 ล้าน ก็กลับเสียใจเพราะรู้สึกว่าเสีย 10 ล้าน มองไม่เป็น ได้คือเสีย ได้มากถ้ามองไม่เป็นก็รู้สึกว่าได้น้อย
มีชาวบ้านคนหนึ่ง แกไปแทงหวย 15 บาท ปรากฏว่าถูก 3 ตัว ได้ 600 บาทก็ดีใจ ไปพูดอวดชาวบ้านด้วยกัน วันนี้โชคดีถูกหวยได้ตั้ง 600 บาท แต่พอไปเจอเพื่อนอีกคนหนึ่ง เขาก็แทง 3 ตัวเหมือนกัน เขาก็ถูกด้วยเหมือนกัน แต่เขาแทง 50 บาท เขาก็เลยได้ 2,000 บาท ชายคนนั้นพอรู้ว่าเพื่อนได้ 2,000 ที่ยิ้ม ๆ อยู่ก็หุบเลย กลายเป็นเป็นทุกข์เลย ได้ 600 นี่แทนที่จะดีใจที่ได้กลับเสียใจ เพราะรู้สึกว่ามันน้อยไป รู้อย่างนี้แทงมากกว่านี้ดีกว่า จะได้ 2,000 หรือ 4,000 เลย
โชคเป็นเคราะห์เลย เพราะอะไร เพราะใจหรือเพราะมุมมอง ถ้ามองไม่เป็น ได้คือเสีย มากก็คือน้อย โชคก็คือเคราะห์ ไม่ต่างจากคนที่ได้โบนัส 3 แสนบาท ดีใจ เงิน 3 แสนบาทนี้ก็ไม่ใช่น้อยนะแต่พอรู้ว่าเพื่อนอีกคนหนึ่งได้ 4 แสนบาท เสียใจเลย เพราะอะไร เพราะรู้สึกว่าตัวเองได้น้อยไป เมื่อกี้ยังคิดว่าได้มาก แต่ตอนนี้กลายเป็นได้น้อย
โบนัสก็เหมือนกับเป็นโชคอย่างหนึ่ง แต่ถ้ามองไม่เป็น กลับเป็นทุกข์เพราะรู้สึกว่าได้น้อย มันเป็นเรื่องของใจแท้ ๆ เลย ถ้ามองไม่เป็น วางใจไม่ถูก แม้จะซื้อของถูกก็ทุกข์ แม้จะได้กำไรก็ทุกข์ แม้จะได้โบนัสหรือถูกหวยก็ทุกข์ เพราะไม่ได้มองว่าได้ แต่มองว่าเสีย ไม่ได้มองว่ามาก แต่มองว่าน้อย
เรียกว่าทุกข์เพราะความคิดแท้ ๆ ซึ่งส่วนหนึ่งก็เกิดจากการเปรียบเทียบ เปรียบเทียบคนโน้นคนนี้ ถ้าหากว่าเรารู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ ไม่เปรียบเทียบมาก มันก็ไม่ทุกข์กลับจะดีใจด้วยซ้ำ และมีความสุขด้วย แต่เป็นเพราะชอบเปรียบเทียบ และมีความรู้สึกลึก ๆ ว่า ซื้อของแพงมันไม่ดี อาจจะรู้สึกว่าเสียศักดิ์ศรี บางทีก็เลยโดนคนเขาหลอก
ที่อเมริกาเมื่อสัก 20 ปีก่อน มีบริษัทหนึ่งผลิตเครื่องทำขนมปังแบบโฮมเมดที่บ้าน ก็คิดว่าน่าจะขายได้นะเพราะคนอเมริกันก็สนใจเรื่องสุขภาพ กินขนมปังเป็นหลัก และก็อยากได้ขนมปังที่เป็นออร์แกนิค แล้วก็นิยมทำเองที่บ้าน จึงผลิตเครื่องทำขนมปังในบ้านราคาประมาณ 275 ดอลล่าร์ ก็ประมาณ 8000-9000 บาท ปรากฏว่าขายไม่ออก เพราะคนเขามองว่าราคามันแพง แบบนี้ไปซื้อขนมปังโฮมเมดตามร้านตามฟูดคอร์ดถูกกว่า
บริษัทนี้ลงทุนไปเยอะ ขาดทุน แล้วทำยังไงล่ะ ขายไม่ออก ก็เลยปรึกษาบริษัทที่ปรึกษา จ้างที่ปรึกษามาช่วยแก้ปัญหา ที่ปรึกษาเขาแนะนำยังไง เขาแนะนำว่าให้ผลิตเครื่องทำขนมปังรุ่นใหม่ ราคา 400 ดอลลาร์ ผู้จัดการนี้ไม่เชื่อหูเลย ตั้งไว้ 275 ยังขายไม่ได้เลย มาตั้งราคา 400 ดอลล่าร์ได้ยังไง แต่ที่ปรึกษาบอกว่าเอาน่า เชื่อเถอะ เดี๋ยวดีเอง
ผู้จัดการก็เอา ผลิตเครื่องทำขนมปังรุ่นใหม่ใหญ่กว่า ตั้งราคา 400 ดอลล่าร์ ปรากฏว่าขายดี แต่ที่ขายดีไม่ใช่รุ่นราคา 400 บาท ที่ขายดีคือรุ่นราคา 275 บาทที่แต่เดิมขายไม่ออก ทำไมคนแห่ไปซื้อรุ่นราคา 275 บาท เพราะคิดว่ามันถูก ทำไมเขาถึงคิดแบบนั้น เพราะเขาเปรียบเทียบราคา 400 กับ 275 อันหลังมันถูกกว่า
คนก็แห่ไปซื้อจนหมดเกลี้ยง รุ่นราคา 400 ขายไม่ออก แต่ 275 ขายออก ซึ่งบริษัทเขาก็ผลิตรุ่น 400 มาไม่กี่ร้อยเครื่อง แต่ว่าก็สมความตั้งใจที่รุ่นราคา 275 ขายหมด ทั้ง ๆ ที่ทีแรกคนบอกว่ามันแพง แต่ตอนนี้ซื้อเหมือนกับแจก เพราะมองว่ามันเป็นของถูก ทำไมถึงมองอย่างนั้น ก็เพราะไปเทียบกับ 400 นี้เป็นลูกเล่นของบริษัทที่เขาสามารถหลอกให้คนเข้าใจว่ารุ่นราคา 275 เป็นของถูก แล้วถ้าเชื่อว่าเป็นของถูกก็ยินดีจ่าย
รุ่นราคา 400 เป็นแค่ตัวล่อให้เปรียบเทียบว่า 275 มันถูกกว่า เพราะนิสัยคนชอบซื้อของถูก ก็กลายเป็นเครื่องมือของเขา กลายเป็นว่าต้องจ่ายมากขึ้น แต่จ่ายแล้วก็มีความสุขเพราะเข้าใจว่าซื้อของถูก โดยไม่รู้ว่าซื้อไปแล้วก็อาจไม่ได้ใช้เลย แต่มันถูกก็เลยซื้อไว้ก่อน
นี่ก็เป็นเรื่องของทัศนคติมุมมองที่สามารถจะชักจูงให้ควักเงินในกระเป๋าให้มากขึ้นได้ ความคิดที่ต้องการซื้อของถูกนี่บางครั้งทำให้เราต้องจ่ายเงินแพงขึ้น จ่ายเงินมากขึ้นอย่างไม่รู้ตัว และอย่างเต็มใจด้วย เมื่อสัก 10 ปีก่อน ใครไปที่ปักกิ่ง โดยเฉพาะคนไทยมักจะไปที่ตลาดรัสเซีย ไม่รู้ว่าเดี๋ยวนี้ยังมีอยู่หรือเปล่า
ตลาดรัสเซียเป็นตลาดใหญ่ อาจจะพอ ๆ กับมาบุญครอง แต่ที่โดดเด่นดึงดูดใจก็คือ มีสินค้าแบรนด์เนมทั้งนั้นเลย เป็นแบรนด์เนมแบบของปลอม ทุกยี่ห้อมีหมด คนไทยก็ชอบซื้อของแบรนด์เนมราคาถูกอยู่แล้ว
มีผู้หญิงคนหนึ่งไปหาซื้อกระเป๋าสะพายยี่ห้อดัง แต่ไม่ใช่ของแท้นะ ไปเจอรุ่นที่ถูกใจก็ถามเจ้าของร้านว่าราคาเท่าไหร่ เขาบอกว่า 300 หยวน หยวนหนึ่งประมาณ 5 บาท ก็ราว1,500 บาท ผู้หญิงคนนั้นต่อเหลือ 150 หยวน ครึ่งหนึ่งเลย เจ้าของร้านตกลงเลย ลดราคาให้ทันทีเป็น 150 ผู้หญิงคนนั้นก็ดีใจได้ซื้อของถูก ซื้อ 2 ใบเลย ดีใจนะ 300 ซื้อได้ 150
แล้วเธอไปเจออีกร้านหนึ่งขายกระเป๋าแบบเดียวกันเลย ถามว่าราคาเท่าไหร่ เจ้าของร้านตอบทันที 150 ยังไม่ทันต่อเลยนะ บอกว่า 150 เพราะเจ้าของร้านคนนี้เห็นลูกค้าคนนี้สะพายมาแล้ว 2 ใบ บอก 300 คงขายไม่ออก ก็เลยบอก 150 ทันที อึ้งเลยนะ ไม่ทันต่อเลยบอก 150 แล้ว ก็ลองต่อสักหน่อย เขาก็ยอมขาย 100
ทำยังไงดีล่ะซื้อไปแล้วใบราคา 150 ไป 2 ใบ พอมาเจอราคา 100 รู้สึกแย่เลยนะว่าเราซื้อของแพง ทำยังไงถึงจะลบความรู้สึกว่าซื้อของแพง ก็เลยซื้อที่นี่ ราคา 100 เอา 2 ใบ ถือว่าลบความรู้สึกซื้อของแพง ได้ซื้อของถูกแล้ว เอา 2 ใบเลย ได้มา 4 ใบเลย
เดินไปอีกสักพัก เจออีกร้านหนึ่งขายเหมือนกันเลย ลองถามราคาเขาหน่อย ราคาเท่าไหร่ เจ้าของร้านบอก 100 หยวน อึ้งไปเลยนะ ร้านเมื่อสักครู่นี้อุตส่าห์ต่อได้ 100 แต่ร้านนี้ไม่ทันต่อ เขาบอก 100 หยวน จะไม่ซื้อก็กระไรอยู่ ถ้าไม่ซื้อรู้สึกว่าเราซื้อของแพงราคา 150 และ 100 หยวน 4 ใบที่ผ่านมา ลบความรู้สึกผิด ลบความเสียใจ ก็ต่อเสียเลย เขาขาย 60 ต้องซื้อแล้วเพราะถ้าไม่ซื้อซื้อนี่เสียดายเลย ของถูกไม่ซื้อ ไปซื้อของแพงมา 4 ใบ ก็เลยซื้อใบราคา 60 หยวนมา 2 ใบ ดีใจนะที่ได้ของถูก
เดินไปอีกร้านหนึ่ง เขาขายเหมือนกันเลย ถามเขาเท่าไหร่ ยังไม่ทันต่อเลยเขาบอก 60 หยวน โอ้ ถ้าไม่ซื้อนี่เสียใจเลยนะ แต่ก่อนจะซื้อ ก็ต้องต่อก่อนต่อได้ 50 หยวน ซื้อทันที 2 ใบ
ปรากฏว่าเฉพาะกระเป๋าสะพายนี่ซื้อไป 8 ใบ รวมทั้งหมด 720 หยวน จากเดิมที่จ่ายไป 300 หยวน ราคา 150 ซื้อ 2 ใบ ความที่อยากได้ของถูก รู้สึกเสียใจที่ซื้อของแพง กลับกลายเป็นว่าต้องจ่ายเพิ่มอีก 320 หยวน พอมารู้ตัว โอ้ ! เรานี่โง่จริง เป็นเพราะอยากซื้อของถูก ไม่สบายใจที่ซื้อของแพง ก็กลายเป็นว่าแทนที่จะประหยัดเงิน กลับเสียเงินเพิ่มขึ้น
หลายคนก็เป็นอย่างนี้ เวลาซื้อของถูก พอมีของที่ถูกกว่า ทั้งที่อาจจะไม่ได้ต้องการอีกแล้ว แต่ว่าต้องซื้อ จะได้ไม่เสียใจที่ซื้อของแพง ความรู้สึกกลัวซื้อของแพง รู้สึกผิดที่ซื้อของแพง ทำให้หลายคนเสียเงินโดยใช่เหตุ มันไม่ได้ประหยัดเงินเลย แต่กลับเสียมากขึ้น เพราะอะไร เพราะกิเลสตัวที่ทนไม่ได้ที่ซื้อของแพง ที่จริงก็ไม่ได้แพง แต่ว่าไปเปรียบเทียบเมื่อเห็นคนอื่นซื้อได้ถูกกว่า ไปเปรียบเทียบกับร้านที่เขาให้ราคาถูกกว่า
แต่ก็มีจำนวนไม่น้อยนะที่ไม่มีโอกาสจะทำอย่างนั้น ซื้อไปแล้ว พอพบว่ามันมีของที่เขาขายถูกกว่า ทุกข์เลย แล้วก็คิดวนเวียนอยู่กับเรื่องนี้จนกระทั่งซึมเศร้าไปเลย อย่างที่เล่าเมื่อสองวันก่อน รอซื้อแท็บเล็ตราคาถูก ส่วนลดโน่นส่วนลดนี่ แต่สุดท้ายพอซื้อไปแล้วผ่านไปไม่กี่ชั่วโมง เขาลดราคายิ่งกว่าเดิม ก็กลายเป็นว่าซื้อแพงไป 1,000 บาท เครียดเลย
ที่จริงถ้าดูให้ดีมันไม่ใช่เพราะซื้อของแพง แต่เป็นเพราะว่าวางใจไม่ถูก วางใจไม่เป็น ถ้าหากว่าเราเปรียบเทียบให้น้อยลง เราก็จะพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้มากขึ้น แล้วถ้าหากว่ารู้จักทักท้วงความคิด ความคิดมันจะพาไปเปรียบเทียบกับคนที่เขาซื้อถูกกว่า ร้านที่เขาขายถูกกว่า ถ้าเราปล่อยใจไปจมอยู่กับเรื่องพวกนี้ เราก็จะทุกข์มาก ถ้าเรากลับมาอยู่กับปัจจุบัน ลองมองว่าของที่เรามีมันดี มันก็ไม่ได้ขี้เหร่อะไร เราก็จะไม่ทุกข์มาก
อันนี้รวมไปถึงเวลาเราสูญเงินไป บางทีการจ่ายแพงในความรู้สึกคนส่วนใหญ่ มันเหมือนกับว่ามันสูญไป เหมือนกับซื้อของแล้วได้เงินทอนไม่ครบ หรือถูกคนขโมยไป ความรู้สึกมันจะคล้าย ๆ กัน
แต่ถ้าวางใจเป็น ก็มีความสุขได้อยู่
เหมือนกับบางคนที่เขาถูกโกงเงินไปตั้ง 60 ล้าน เสียใจอยู่แค่สองสามวัน ตอนหลังเขาก็หายเสียใจเพราะมาคิดได้ว่าชีวิตฉันก็ยังมีความสุขเหมือนเดิม ยังได้กินอาหารอร่อย ยังได้อยู่บ้านที่สุขสบาย ชีวิตไม่ได้เปลี่ยนอะไรเลย ไม่ได้ลำบาก สิ่งที่สูญเสียไปเป็นแค่ตัวเลข คือไม่ได้ไปจดจ่ออยู่กับสิ่งที่เสียไป แต่จดจ่ออยู่กับสิ่งที่ดีดีที่มีอยู่ ก็มีความสุขได้ ใจเหมือนกัน ใจที่วางไม่เป็น มองไม่ถูก ก็ทุกข์ ถ้ามองเป็นมองถูก แม้เสียก็ไม่ทุกข์ ก็มีความสุขอยู่ได้
วันสองวันนี้ มีคนหนึ่งเขาไปซื้อรถไฟฟ้ายี่ห้อจีน BYD ตอนที่ซื้อเป็นเดือนเมษา เซลล์บอกให้รีบซื้อนะเพราะว่าตอนนี้ราคาลดลง 40,000 บาท ถ้าเลยวันที่ 30 เมษา จะไม่ได้ลดแบบนี้ เขาก็เลยรีบซื้อเลย แต่ผ่านไปเดือนพฤษภา มิถุนา ก็ยังลด 40,000 อยู่เหมือนเดิม อันนี้ไม่เท่าไหร่ พอมาในช่วงเดือนมิถุนานี้เองปรากฏว่ามันไม่ได้ลด 40,000 แต่ลดลงไปอีก 100,000 กว่าบาท ผู้หญิงคนนี้เสียใจมากที่ซื้อของแพง
ที่จริงไม่ได้ซื้อของแพง ก็ยังซื้อของถูก แต่เป็นเพราะว่าเห็นเขาขายถูกกว่า พอะรู้สึกว่าซื้อแพง นอนไม่หลับเลย เครียด จากคนที่นอนหลับง่ายกลายเป็นหลับยาก กลุ้มใจ แทบจะซึมเศร้า ไม่สามารถจะมูฟออนต่อไปได้ ไม่สามารถใช้ชีวิตต่อไปได้
ถ้ามองให้ดีว่ารถที่เราซื้อมาก็ยังดีอยู่ และเราก็ยังซื้อราคาถูก แต่พอมองไม่เป็นกลับรู้สึกทุกข์เลยว่าซื้อของแพง ที่จริงถ้ามองให้ดี น่าจะมองว่าเรายังโชคดีนะ บางคนที่เขาจ่ายแพงเป็นล้าน บางคนไปซื้อบ้านซื้อคอนโด ปรากฏว่าหลังจากซื้อไปแล้วราคามันตกลง ต่ำกว่าเดิมเป็นแสน หรือเป็นล้าน มองอย่างนี้ก็นึกว่าเราโชคดีนะ โชคดีที่จ่ายแพงไปแสนหนึ่งเท่านั้นเอง
หรือมองไปถึงคนที่เขาโดนโกง อย่างอาม่าที่พูดถึงเมื่อ 2-3 วันก่อน โดนโกงไปล้านหก เราแค่จ่ายเพิ่ม มากไปแค่แสนหนึ่งเท่านั้นเอง ถ้าเรามองแบบนี้บ้างมันก็ไม่ทุกข์ ถ้าจะมองเปรียบเทียบให้มองเปรียบเทียบแบบนี้บ้าง ก็จะรู้สึกว่าเราโชคดี คนที่ซื้อแท็บเล็ตแพงไปพันหนึ่งอย่างที่พูดไปเมื่อวันก่อน เราก็มาเจอข่าวนี้ว่ามีคนจ่ายแพงกว่าไปแสนหนึ่ง ก็สบายใจเลยว่า โอ! เราโชคดีกว่าเขาเยอะเลย เราจ่ายแพงไปแค่พันหนึ่ง นี่เขาโดนเป็นแสน ความรู้สึกดีขึ้นเยอะเลย
ฉะนั้น ถ้าเราจะมองแบบนี้บ้าง มันก็ทำให้ใจเป็นทุกข์น้อยลง ที่จริงแล้วก็ต้องรู้จักทำใจ เพราะว่าคนเรา ไม่ว่าจะเก่งแค่ไหน ไม่ว่าเราจะรอบคอบเพียงใด มันเป็นเรื่องธรรมดามากที่เราจะจ่ายแพง มีคนอื่นซื้อถูกกว่าเรา ถ้าไปเอาจริงเอาจัง เอาเป็นเอาตายกับเรื่องพวกนี้ มันจะทุกข์มาก
เช่นเดียวกัน ถ้าเราทำใจว่าเงินที่เรามีในธนาคาร อย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตก็คงจะต้องโดนคนโกง พวกมิจฉาชีพมากวาดเอาเงินไป ถ้าเรานึกแบบนี้เอาไว้ก่อน มันก็ไม่ทุกข์มากหากว่าจะต้องเจอ แล้วเรื่องนี้ยังได้สอนว่า หลายคนมักจะถือคติว่าน้ำขึ้นให้รีบตัก พอมีลดราคาก็รีบซื้อก่อน ก่อนที่จะหมดโอกาส แต่พอซื้อไปแล้วถึงค่อยพบว่า ช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม คนเราบางทีมันก็ยากนะว่าเมื่อไหร่น้ำขึ้นให้รีบตัก
หลายคนถือคตินี้แหละ น้ำขึ้นให้รีบตัก พอเขาลดราคาก็รีบซื้อเลย กลัวหมด แต่พอผ่านไป 2-3 อาทิตย์ 2-3 เดือน มันลดกระหน่ำยิ่งกว่าเดิม รู้อย่างนี้รอดีกว่า คนเราบางทีต้องรู้จักถือคติช้า ๆ ได้พร้าเล่มงาม ก็คงไม่มีเหตุจะต้องทุกข์ เป็นเพราะเราเชื่อว่าน้ำขึ้นให้รีบตักก็เลยต้องมาเสียใจ แต่ถ้าวางใจถูกมันก็ไม่มีเหตุผลต้องเสียใจ
ทั้งหมดนี้มันไม่ใช่เป็นเรื่องได้หรือเสีย มันเป็นเรื่องการมอง มองไม่เป็น “ได้คือเสีย” มองไม่ถูก “มากก็คือน้อย” มองไม่เป็น “ซื้อถูกก็เข้าใจว่าซื้อของแพง” ต้องกลับมาทักท้วงใจเราบ้าง อย่าปล่อยให้ใจมันเล่นตลกหรือปั่นหัวเรา ปัญหาที่ไปเชื่อความคิดในหัวเรามากเกินไป มันถึงทุกข์ กลุ้มใจจนนอนไม่หลับ ได้กลายเป็นเสีย.