พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 23 มิถุนายน 2567
มีชายหนุ่มคนหนึ่งอยากซื้อแท็บเล็ตเครื่องใหม่ แกก็ไปหาข้อมูลทางเน็ต หาข้อมูลจากหลายที่หลายแห่ง สุดท้ายก็ได้ข้อสรุปว่าซื้อทางแอป (App) ของร้านออนไลน์ยี่ห้อดังยี่ห้อหนึ่งจะได้ราคาดีที่สุด แล้วแอปนี้เขาก็มีโปรโมชั่นวันที่ 6 เดือน 6 จะได้ราคาลดพิเศษ
แกก็รอจนถึงเช้าวันที่ 6 เดือน 6 แต่เช้าเลย แล้วก็เข้าแอป กดโน่นกดนี่เพื่อจะได้ส่วนลด เขาเรียกโค้ดลดสุดท้าย ก็ได้แท็บเล็ตเครื่องที่ถูกใจ คุณภาพดี ราคาพิเศษ ดีใจที่ได้เครื่องที่คุณภาพดีคุ้มราคา โอนเงินไปเรียบร้อยแล้วก็รอเขาส่งเครื่องมาให้
เช้าวันนั้นรู้สึกอารมณ์ดี ตอนบ่ายลองเข้าแอปเดิมดู ทีแรกคิดว่าเข้าเล่น ๆ ปรากฏว่าไปเจอเขาเสนอขายแท็บเล็ตรุ่นเดียวกัน ยี่ห้อเดียวกัน ราคาถูกกว่า เพราะมันมี Flash Sale (ดีลเด็ดจำกัดเวลา) ลดพิเศษ แถมส่วนลดโน่นส่วนลดนี่ คำนวณดูแล้ว “โอ้ มันลดมากกว่าที่เราซื้อเมื่อเช้าซะอีกนะ” รวมแล้วราคาต่างกันเป็นพัน พอรู้แบบนี้นี่ใจเสีย หดหู่เลย
รู้สึกเสียดายเงินที่ซื้อของแพงกว่าเป็นพันเลย ก็รู้สึกผิดด้วยว่า “ไม่น่าใจเร็วด่วนได้เลย ถ้าไม่รีบซื้อตอนเช้า รอสักหน่อยตอนบ่าย จะจ่ายน้อยลงไปตั้งพันนึง” ของคุณภาพชนิดเดียวกัน เสียความรู้สึกมากเลย ทั้งเสียดายเงิน แล้วก็รู้สึกผิด โมโหตัวเองที่รีบร้อน
ที่จริงก็ไม่ได้รีบร้อนเพราะว่าตั้งท่าจะซื้อมาหลายวันแล้ว แต่ไม่ได้ซื้อ คอยหาข้อมูลจนกระทั่งแน่ใจว่าจะซื้อจากแอปนี้ วันที่ 6 เดือน 6 นี่ได้ราคาดีแน่ แต่ไม่คิดว่าตอนบ่ายราคานี้มันจะดีกว่านั้น เรียกว่าใจคอห่อเหี่ยว ทำอะไรไม่ได้เลยวันนั้น แล้วก็นึกถึงแท็บเล็ตที่จะมาถึงใน 1-2 วันข้างหน้า
ก่อนหน้านั้นคิดว่า จะใช้แท็บเล็ตเครื่องนี้อย่างมีความสุข เพราะว่าคุ้มค่า คุ้มราคา แต่ตอนนี้ไม่ใช่อย่างนั้นแล้ว คิดไว้ว่าเปิดเครื่องแท็บเล็ตเครื่องนี้ใช้ทีไร ก็คงจะรู้สึกเสียใจที่ราคาแพง แล้วก็อดไม่ได้ที่จะโมโหตัวเองทุกครั้งที่ใช้เครื่องนี้ว่า ใจเร็วด่วนได้
ความรู้สึกมันเปลี่ยนไปเลย ทั้ง ๆ ที่เครื่องนั้นถ้ามาถึงก็คงเป็นเครื่องที่ใช้การได้ดี เครื่องใหม่ แต่พอพบว่าสามารถจะซื้อได้ถูกกว่านี้เป็นพัน ความเสียดายเงิน ถึงขั้นว่าจากนี้ไปก็คงจะใช้เงินให้น้อยลง กินให้น้อยลง เพื่อชดเชยกับพันบาทที่เสียไป ที่จริงเขาซื้อได้ของถูก แต่ที่ทุกข์เพราะว่ามันมีเครื่องที่ถูกกว่า
อันนี้เป็นความทุกข์ของคนจำนวนไม่น้อย ทั้ง ๆ ที่ได้ของดีราคาถูก แต่พอรู้ว่ามีของที่ราคาถูกกว่า แม้จะเป็นของดีเท่ากันกลับรู้สึกเป็นทุกข์ ทำอะไรไม่ถูกเลย ใครถามแกก็บอกว่าไม่สามารถจะ Move on ต่อไปได้วันนั้นทั้งวันเลย”
Move on ก็คือว่าเดินไปข้างหน้า เพราะใจวนเวียนอยู่กับเงินที่จ่ายเพิ่มไป หรือ เงินที่เสียไปเป็นพัน ที่จริงถ้าหากว่าเขาลองเตือนใจสักหน่อยว่า ให้รู้จัก “พอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้” ก็จะทุกข์น้อยลง อันนี้เป็นคาถาของนักช็อปปิงเลย โดยเฉพาะคนในยุคนี้ต้องรู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ เพราะถ้าไม่พอใจสิ่งที่มี ไม่ยินดีสิ่งที่ได้ มันจะทุกข์เมื่อพบว่าคนอื่นเขาซื้อได้ถูกกว่า หรือเมื่อพบว่ามันมีที่อื่นขายได้ถูกกว่า หรือบางทีที่เดียวกันแต่ว่าแค่เวลาผ่านไปไม่กี่ชั่วโมงจะซื้อได้ถูกกว่า
อันนี้ก็เป็นเพราะเปรียบเทียบด้วย คนเราพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ยาก เพราะว่าชอบเปรียบเทียบ เปรียบเทียบกับคนนั้นคนนี้ หรือเปรียบเทียบระหว่างเครื่องเราตอนนี้กับเครื่องที่เขาขายตอนบ่าย คนเราถ้าเปรียบเทียบแต่เปรียบเทียบไม่เป็น นี่ทุกข์ ทั้งที่ได้ของดีแต่ก็ยังทุกข์ เพราะพอเปรียบเทียบไม่เป็น ก็ไม่รู้จักพอใจสิ่งที่มี ไม่รู้จักยินดีสิ่งที่ได้ ซึ่งก็คือสันโดษนั่นเอง
และบ่อยครั้งเราก็มักจะโทษตัวเอง ไม่น่าเลย ฉันน่าจะรอให้นานกว่านี้สักหน่อย แทนที่จะซื้อเช้า ก็มาซื้อบ่าย คำว่า “ไม่น่าจะ” มันทำร้ายผู้คนมาเยอะแล้ว “ไม่น่าเลย” “น่าจะทำอย่างนู้น” “น่าจะทำอย่างนี้” มีประโยชน์ ถ้าเอามาใช้กับสิ่งที่เป็นปัจจุบัน หรือ สิ่งที่จะทำในอนาคต
อย่างเช่น เราจะเดินทางไปเชียงใหม่ เราอาจจะคิดว่า ไม่น่าเดินทางด้วยรถไฟเลย มันแพง เราน่าจะเดินทางด้วยเครื่องบิน คิดแบบนี้นี่มันมีประโยชน์ ถ้ามันเป็นเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นเรื่องการวางแผน แต่อะไรที่ทำไปแล้ว เป็นอดีตไปแล้ว คำว่า “ไม่น่าจะ” มันจะกลายเป็นตัวทำร้ายจิตใจของเรา เพราะมันทำให้เราไม่ยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้นไปแล้ว
ซื้อไปแล้วก็ลงโทษตัวเอง เพราะคำว่า “ไม่น่าจะ” นี่แหละ ฉะนั้นถ้าเรารู้จักใช้คำว่า “น่าจะ” หรือ “ไม่น่าจะ” ให้มันถูกเวลา มีประโยชน์ แต่ถ้าใช้ไม่เป็น มีแต่ซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ “ฉันน่าจะอยู่ดูแลแม่เมื่อคืนนั้น ฉันไม่น่ากลับบ้านก่อนเลย ก็เลยไม่ได้ดูใจท่าน” แล้วก็มาโทษตัวเองว่า “ฉันไม่น่าเลย”
“ฉันไม่น่าอนุญาตให้ลูกไปเชียงใหม่เลย” เพราะถ้าไม่อนุญาตให้ไป เขาก็ไม่ประสบอุบัติเหตุจนพิการ โทษตัวเอง ทั้งที่ตอนนั้นใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับลูกชาย ก็ในเมื่อเขามีเหตุผลที่จะไป แล้วก็ไม่น่าจะมีอันตรายอะไร จึงเป็นธรรมดาที่จะอนุญาตให้เขาไป แต่พอไปแล้วเกิดอุบัติเหตุ มันก็ไม่ใช่ความผิดของเราที่อนุญาตให้เขาไป แต่หลายคนก็จะโทษตัวเอง “นี่เป็นเพราะฉันอนุญาตให้เขาไป เขาเลยต้องประสบอุบัติเหตุ” แล้วก็โทษตัวเอง
คนเราไม่ว่าทำอะไร แม้จะมีผลที่ไม่ประสงค์เกิดขึ้น อย่างน้อยเราควรจะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะไม่อย่างนั้นมันจะเป็นการซ้ำเติมเพิ่มทุกข์ให้กับตัวเอง ซื้อของแต่ว่าดันไปซื้อของแพง เพราะว่าเรามีข้อมูลเท่านั้นเอง คิดว่ามันเป็นของที่ดีที่สุดแล้ว ราคาเท่านี้ก็ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ แต่เมื่อมันไม่ใช่ เราก็ยอมรับ
ลองคิดดู ถ้าเกิดว่าเราไม่ยอมรับ เราเอาแต่โทษตัวเองว่า ไม่น่าซื้อเลย น่าจะรอสักหน่อย หรือเราไม่รู้จักพอใจสิ่งที่มี ยินดีสิ่งที่ได้ มันคุ้มหรือเปล่ากับความทุกข์ที่เกิดขึ้น ถ้าหากว่าเราซื้อของแพง แต่ตัดใจได้ มันก็ไม่เสียหายอะไร
ที่จริงเราก็ต้องรู้จักฝึกใจ ฝึกใจยอมรับ ฝึกใจตัดใจ แม้ว่าจะจ่ายของแพง หรือ ซื้อของแพง แต่เมื่อเราพิจารณาใคร่ครวญดีที่สุดแล้วก็ยังซื้อของแพง ก็ควรฝึกตัดใจ เพราะว่าในชีวิตเรานี้ เราจะเจอกับอะไรที่มันแย่กว่านี้เยอะ นี่ยังดีจ่ายของแพงแต่ยังได้ของมาใช้ ดีกว่าถูกเขาโกงเงินโดยที่ไม่ได้อะไรเลย แล้วชีวิตของคนเราโดยเฉพาะคนปัจจุบันนี้มันมีโอกาสที่จะถูกโกงอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิต แถมอาจจะโดนโกงแบบหนัก ๆ ด้วย
ใครที่มีเงินอยู่ในธนาคารนี้ ก็ต้องทำใจว่าอย่างน้อยครั้งหนึ่งในชีวิตนี้ ก็อาจจะต้องถูกมิจฉาชีพเขาแฮกเอาเงินไป กวาดจนเกลี้ยงบัญชี หรือมิเช่นนั้นก็ถูกเขาหลอกให้โอนเงินไปเป็นจำนวนมากอย่างที่เล่าไปเมื่อวานเรื่องอาม่าถูกมิจฉาชีพหลอก
ถ้าเราไม่รู้จักตัดใจ หรือ ทำใจไม่ได้เพราะจ่ายของแพงราคาแค่พัน ถึงเวลาที่เราสูญทรัพย์ไปมากมายแล้วจะทำใจอย่างไร สำหรับผู้ใฝ่ธรรมนี้ เขาก็จะมองว่านี่เป็นเครื่องฝึกใจ ฝึกใจให้รู้จักปล่อยรู้จักวาง เพราะว่ามันมีเรื่องที่จะต้องปล่อยต้องวางอีกเยอะเลย ถ้าไม่ฝึกตอนนี้แล้วจะไปฝึกตอนไหน
คิดเอาก็ไม่ได้ คิดเอาว่า “ถ้าฉันสูญเสียทรัพย์ ฉันก็จะทำใจได้ เพราะว่าทรัพย์เป็นของนอกกาย” ความคิด กับ การปฏิบัติ มันคนละเรื่องกัน แต่ว่าถ้าไม่เพียงแต่คิด แต่ว่าหาประโยชน์จากประสบการณ์ เช่น เจอความสูญเสีย หรือว่าเจอความผิดพลาด ซึ่งในกรณีนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดพลาด เพราะว่าตั้งใจหาข้อมูลมาพอสมควร แล้วก็ไม่ใช่ว่ารีบซื้อแต่รอมาเป็นอาทิตย์จนถึงวันที่ 6 เดือน 6 เพียงแต่ว่าพ่อค้าเขามีลูกเล่นแบบที่เรานึกไม่ถึงมากกว่า
แต่ก็เป็นโอกาสดี ในเมื่อเราคิดว่าจ่ายเงินมากไป ควรจะจ่ายน้อยกว่านี้ ก็ถือว่าเป็นแบบฝึกหัดให้เรารู้จักปล่อยรู้จักวาง อย่างน้อย ๆ ก็ดีกว่าสูญเสียทรัพย์นับหมื่นนับแสน ซึ่งมันก็เป็นสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นกับทุกคนอยู่แล้วไม่ช้าก็เร็ว อยู่ที่ว่าเมื่อไหร่เท่านั้น เพราะมันเป็นธรรมดาโลก อาจจะเสียทรัพย์เพราะถูกโกง หรือเพราะถูกมิจฉาชีพกวาดเอาไป หรือเพราะว่าไฟไหม้ น้ำท่วม หรือเพราะเจ็บป่วยต้องใช้เงินเป็นจำนวนมาก หรือเพราะไปค้ำประกันภัยใครแล้วเขาเกิดเบี้ยว เราก็ต้องจ่ายแทน
แล้วนี่คือความจริงของชีวิตในโลกยุคปัจจุบันที่ทุกคนต้องเจอ แต่เจออย่างไรใจจะไม่ทุกข์ มันก็ต้องอาศัยการฝึกปล่อยวาง และจะฝึกปล่อยวางได้ก็ต้องเจอเหตุการณ์แบบนี้ ถือว่าโชคดีที่ยังเสียไม่มาก ก็ได้ฝึกปล่อยวางอย่างไม่ยากลำบากอะไร แต่มันจะทำให้เรามีประสบการณ์ในการปล่อยวางมากขึ้น ปล่อยวางด้วยการยอมรับว่ามันเกิดขึ้นแล้ว บ่นโวยวายตีโพยตีพายก็ไม่เกิดอะไรขึ้น
ตอนหลังชายหนุ่มคนนี้ก็มาใคร่ครวญว่าเวลาจะซื้อของอะไรนี่จะหาข้อมูลมากทีเดียว โดยเฉพาะถ้าเป็นของราคาเป็นพันเป็นหมื่น แกหาข้อมูลค้นคว้าทางอินเตอร์เน็ต ใช้เวลานานมาก แล้วก็มารู้ว่ามันเสียเวลา และรู้ว่าบ่อยครั้งก็ทำให้เกิดภาวะละล้าละลัง จด ๆ จ้อง ๆ ไม่รู้ว่าจะตัดสินใจยังไง จะซื้อหรือไม่ซื้อดี ภาวะแบบนี้มันก็เป็นความทุกข์แบบหนึ่ง ไม่ใช่แค่เสียเวลา เสียอารมณ์ด้วย แล้วก็เสียโอกาสในการที่จะมีชีวิตอย่างมีความสุข
ระหว่างการซื้อของถูก แต่ว่าเสียเวลาละล้าละลัง จด ๆ จ้อง ๆ เสียโอกาสในการใช้ชีวิตอย่างมีความสุข บางทีอาจจะไม่คุ้มเมื่อเทียบกับการซื้อของแพงขึ้นมาอีกหน่อย แต่ว่าไม่เสียเวลา ไม่ต้องเกิดภาวะละล้าละลังกับจด ๆ จ้อง ๆ ตัดสินใจไม่ถูก มีเวลาที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ไปเสียเวลากับภาวะละล้าละลังแบบนั้น ประหยัดเงินแต่ว่าเสียเวลา เสียอารมณ์ เสียโอกาสการมีความสุข บางทีมันก็ไม่คุ้ม
ฉะนั้น บางทีเราต้องรู้จักตัดใจบ้าง “เอาวะ” ในเมื่อหาข้อมูลพอสมควรแล้ว ไม่ใช่ไม่หา แต่ว่าไม่ไปเสียเวลากับมันมาก แต่เขาก็รู้ว่ามันไม่ดี อย่างที่บอก เสียเวลา เสียอารมณ์ เสียโอกาส แต่มันห้ามใจไม่ได้สักที เขาก็รู้ว่ามันไม่ดี เหตุผลมันบอกว่า ทำอย่างนี้ไปทำไม เสียเวลา เสียโอกาสที่จะมีชีวิตอย่างมีความสุข แต่มันเลิกไม่ได้
ใจไม่ไปด้วย เพราะอะไร เพราะเสียดายเงิน ถ้าเกิดซื้อไปแล้ว ปรากฏว่ามันมีของถูกกว่าก็จะเสียใจ ก็เลยเกิดภาวะที่ว่า จะซื้ออะไรนี่ มีความเครียดเกิดขึ้นในการหาข้อมูล อันนี้ก็แสดงให้เห็นเลยว่า คนเรานี้แม้จะรู้ว่าอะไรดี อะไรไม่ดี อะไรควร อะไรไม่ควร แต่ว่ามันห้ามใจลำบาก รู้ว่าไม่ควรเสียเวลามากกับเรื่องพวกนี้ เอาเวลาไปทำสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่า หรือหาความสุขดีกว่า แต่ใจไม่ยอม แล้วลึก ๆ ใจเสียดายเงิน
ฉะนั้น ต้องยอม ต้องฝึกใจให้กล้าตัดสินใจเด็ดขาด รวมทั้งยอมรับผลที่จะเกิดขึ้น กล้าตัดใจเมื่อพบว่าจ่ายของแพง ต้องทำอย่างนี้เท่านั้น ใจจึงจะได้รับการฝึกฝนให้โอนอ่อนผ่อนตาม เพราะไม่อย่างนั้น คิดยังไงก็ตามแต่ใจไม่ยอม
เหมือนคนเราเวลากลัว กลัวความล้มเหลวนี้ ทั้ง ๆ ที่สมองหรือเหตุผลบอกว่า “มันไม่มีอะไร ไม่ต้องกลัวล้มเหลว เราก็เตรียมการมาดีแล้ว” แต่ใจก็ยังกลัว จะทำยังไงถึงจะหายกลัว ก็ต้องเจอความล้มเหลว หรือบางคนกลัวความมืด ทั้งที่เหตุผลก็บอก “ไม่มีอะไรน่ากลัวความมืด วัดนี้ปลอดภัย ไม่มีอันตราย งูเงี้ยวเขี้ยวขอก็ต่างคนต่างอยู่” แต่ใจก็กลัว ทำอย่างไร ก็ต้องยอมเผชิญกับความกลัว พอใจเจอความกลัวบ่อย ๆ ก็เริ่มชิน แล้วค่อย ๆ หายกลัวไปเอง นี้เป็นการฝึกจิต
ฝึกจิต คือ กลัวอะไร ต้องเจอกับสิ่งนั้นบ่อย ๆ เหมือนกับที่พระพุทธเจ้าตอนที่เป็นพระโพธิสัตว์บำเพ็ญเพียรในป่านี่กลัว กลัวเสียงลมพัด กลัวเสียงกิ่งไม้ตกพื้น กลัวเสียงนกร้องในยามค่ำคืน แทนที่พระองค์จะหนี พระองค์กลับยืนหยัดอยู่ตรงนั้น กลัวในอิริยาบถใดก็อยู่ในอิริยาบถนั้น ปรากฏว่าในที่สุดก็หายกลัว
ฉะนั้น เวลาใจเราไม่ยอมรับกับประสบการณ์บางสิ่งบางอย่าง หรือว่ายังรู้สึกเสียดายเงิน ไม่ต้องการจ่ายแพง หรือรู้สึกละล้าละลังเวลาจะซื้อของอะไร บางทีก็ต้องอาศัยการตัดใจ ยอมรับผลที่เกิดขึ้น แล้วก็ฝึกใจปล่อยวาง เรียกว่าเป็นการกล่อมเกลาจิตใจ แล้วที่สำคัญ ต้องเตือนใจว่า “ถ้าปรารถนาความสุขจากการซื้อของ ก็ต้องเตรียมใจทุกข์กับการซื้อของได้เลย”
คนเรามักจะมองเห็นแต่ด้านดี “โอ ซื้อของ ฉันจะได้ของใหม่ มีความสุขกับการช็อป” แต่ลืมไปว่าอะไรที่ให้ความสุขกับเรา ก็สามารถจะทำความทุกข์ให้กับเราได้ ของที่เราพอใจที่ได้ซื้อมาเมื่อเช้า ตกบ่ายมันกลับกลายเป็นตัวทิ่มแทงใจเรา เพราะมันกลายเป็นของแพงไปเสียแล้ว
อันนี้เป็นข้อเตือนใจคนเราได้อย่างดีเลย “สุขเพราะอะไร ก็เตรียมใจทุกข์เพราะสิ่งนั้นได้”
ฉะนั้น ถ้าจะให้ดีก็อย่าไปปล่อยใจเพลินหรือมีความสุขกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งมาก เพราะว่าวันดีคืนดีมันก็สามารถจะทำให้ใจเป็นทุกข์ได้ โดยเฉพาะผู้คนที่ปรารถนาความสุขจากการช็อป จากการซื้อ โดยเฉพาะซื้อของถูกนี่ ถ้าวางใจไม่ถูก มันก็จะเจอความทุกข์ชนิดที่ไม่คุ้มกับเงินทองที่เสียไปเลย.