พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันวันที่ 28 เมษายน 2566
ผู้ชายคนหนึ่งเป็นลูกเจ้าของร้านอาหารแห่งหนึ่งในไต้หวัน ที่จริงวันหนึ่งลูกค้ากำลังเต็มร้านเลย จู่ๆ ก็มีพนักงานของร้านเอาซองให้ พอเขาเปิดซองเขาก็รู้ว่าใครเป็นเจ้าของสิ่งที่อยู่ในซองนั้น เขาก็ตกใจแล้ว ประหลาดใจ แล้วก็มีน้ำตาซึมๆ ออกมา เพราะว่าในซองนั้นคือเงินจำนวน 10,000 บาท ถ้าเป็นเงินไต้หวันก็ประมาณ 10,000 ดอลลาร์
แล้วคนที่เป็นเจ้าของเงินนั้นคือคนที่เขาเคยรู้จัก เพราะว่าเคยเป็นลูกค้าประจำของร้านของเขา พนักงานในร้านซึ่งเป็นคนที่รับซองหรือรับเงินมาจากผู้หญิงคนนั้นเล่าว่า ผู้หญิงคนนั้นมอบซองนี้หรือเงินนี้ให้เพื่อขอบคุณ ขอบคุณเจ้าของร้านซึ่งคือแม่ของคนที่เล่านี้
ขอบคุณทำไม เพราะว่าเมื่อหลายปีก่อน ตอนที่เธอยังเล็กแม่ของเธอเสียชีวิตเหลือแต่พ่อ แล้วฐานะก็ไม่ค่อยดี เผอิญร้านนั้นอยู่ในละแวกเดียวกับบ้านที่เธออาศัย พอเจ้าของร้านอาหารทราบว่าครอบครัวของเด็กคนนี้ไม่ค่อยมีเงิน เลยออกปากชวนว่า ให้มากินอาหารที่ร้านของฉันนะ มาทุกวันเลยไม่ต้องจ่ายเงิน แล้วเจ้าของร้านก็ไม่ยอมรับเงินที่พ่อของเด็กเอามาให้ เพราะรู้ว่าเขาไม่ค่อยมีเงิน
เด็กคนนี้ก็เลยมากินอาหารที่ร้านนี้เป็นประจำ จนกระทั่งเรียนมัธยมปลาย เด็กคนนี้ก็ย้ายไปเรียนที่อื่น แล้วก็เลยไม่ได้มาที่ร้านนี้อีกเลย ผู้ชายคนนี้แกเล่าว่าไม่ได้เจอผู้หญิงคนนี้มา 2 ปีแล้ว ป่านนี้คงจะเข้า มหาวิทยาลัยไปแล้ว แล้วจู่ๆ ก็ได้รับซองจากผู้หญิงคนนี้ แกก็แปลกใจว่าไม่ได้เจอกันมา 2 ปีแล้ว ก็แปลกใจที่ในซองนั้นมีเงิน
แล้วพอรู้ว่าเป็นเงินที่เด็กคนนี้เขามอบให้เพื่อตอบแทนบุญคุณที่ให้เขากินอาหารที่ร้านนี้เป็นประจำ ลูกชายเจ้าของร้านก็เลยซาบซึ้งใจมาก แม่ก็เหมือนกัน แม่ซึ่งเป็นเจ้าของร้านก็ซาบซึ้งใจมาก
ผู้ชายคนนี้บอกว่าพอทราบเรื่องราวนี้ก็น้ำตาซึมเลย น้ำตาซึมที่เด็กคนนี้ยังไม่ลืมความช่วยเหลือเอื้อเฟื้อที่แม่ของเขาได้มีต่อเด็กคนนี้ แล้วก็ซาบซึ้งใจตรงที่ว่า ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้มีงานทำหรือยังเพราะว่ากำลัง เรียนอยู่ แล้วก็ไม่รู้ว่าเธอใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะเก็บเงินหรือเก็บหอมรอมริบได้เป็นหมื่นอย่างนี้ มามอบให้กับแม่ของเขาซึ่งเป็นเจ้าของร้านอาหาร
ที่จริงไม่ใช่เฉพาะคนที่เล่าซึ่งเป็นลูกชายเจ้าของร้านอาหารที่น้ำตาซึม หลายคนที่ได้ยินเรื่องนี้มาก็น้ำตาซึมเหมือนกัน เพราะว่าซาบซึ้งประทับใจ ซาบซึ้งประทับใจเด็กคนนี้ที่ในช่วงวัยที่ลำบาก ได้รับความช่วยเหลือจากเจ้าของร้าน ก็ไม่ลืมบุญคุณ แม้ว่าจะหายไปเลย 2 ปี แต่ว่าเมื่อมีโอกาสก็กลับมา
ชายคนนั้นซึ่งเป็นลูกเจ้าของร้านก็เล่าว่า เที่ยงวันนั้นคนเยอะมาก เขากับแม่ก็วุ่นกับการทำอาหาร เด็กคนนั้นก็คงเกรงใจไม่อยากจะรบกวนเวลาของแม่และเวลาของเขา ก็เลยฝากเงินนี้ให้กับพนักงานร้าน มามอบให้กับเจ้าของร้านในภายหลัง คือรู้สึกสำนึกบุญคุณของเจ้าของร้านแต่ว่าเกรงใจไม่อยากรบกวนเขา เขากำลังวุ่น อันนี้เรียกว่าเป็นคนที่มีความกตัญญูมาก
ที่จริงเรื่องนี้ก็ชวนให้ซาบซึ่งใจ ตั้งแต่ตอนที่เจ้าของร้านเขามีความเอื้อเฟื้อต่อเด็กที่สูญเสียแม่ ไม่มีเงินที่จะกินอาหารก็ชวนมากินฟรี แม้ว่าพ่อของเด็กจะพยายามคะยั้นคะยอให้เงินค่าอาหารของลูก แต่ว่า เจ้าของร้านก็ไม่ยอมรับ อันนี้ก็เป็นความเมตตากรุณาที่ชวนให้ซาบซึ้งใจแล้ว แต่ว่าที่ชวนให้ทราบซึ้งใจยิ่งกว่าคือ การที่ลูกสาวซึ่งแม้จะเป็นเด็กยังเรียนหนังสืออยู่ แต่ก็สำนึกในบุญคุณ แม้จะหายไป 2 ปีแต่ว่าก็ไม่ลืมบุญคุณของร้านนี้ แล้วก็กลับมาตอบแทน
ซึ่งอย่างที่ลูกชายเจ้าของร้านบอก ไม่รู้ว่าเก็บเงินนานเท่าไหร่กว่าจะได้เงินมาเป็นหมื่นนี้ ลูกเจ้าของร้านบอกว่า เงินจำนวนนี้เขาอยากจะนำไปทำประโยชน์ เพราะว่าที่ร้านก็มีเงินพอสมควรแล้ว ไม่ได้ขาดอะไร เขาจะเอาเงินก้อนนี้ไปช่วยคนที่ไม่มีอาหารกิน ไปเป็นทุนเพื่อช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน เรียกว่าเปลี่ยนทานให้เป็นบุญ อันนี้เป็นเรื่องของการพยายามที่จะช่วยเหลือเกื้อกูลกัน
เด็กคนนี้ก็คงเหมือนกับหลายคน ที่เคยได้รับความจุนเจือจากผู้อื่น เช่นจากร้านอาหารที่ให้ตัวเองกินอาหารฟรี แล้วก็เมื่อตัวเองพอจะลืมตาอ้าปากได้ก็เอาเงินมาช่วย มาเพื่อเป็นการตอบแทน แต่บางคนไม่รู้ ว่าจะตอบแทนอย่างไง เพราะว่าร้านเขาปิดแล้วหรือว่าเจ้าของร้านก็ตายแล้ว ทำอย่างไงนะ ก็มีบางคนเอาเงินไปฝากให้กับร้านที่ตัวเองคุ้นเคย ฝากทำไม ฝากเพื่อให้คนที่ไม่มีกินได้กินฟรี โดยอาศัยเงินก้อนนี้แหละที่ตัวเองฝากไว้เป็นทุน
เรียกว่าตอบแทนบุญคุณด้วยการช่วยเหลือผู้อื่นต่อไป อันนี้เป็นวิธีการทำความดี เป็นวิธีการตอบแทนที่มีคนนิยมทำกัน ตอบแทนบุญคุณด้วยการช่วยเหลือคนที่เขาเดือดร้อน หรือเคยประสบชะตากรรมเดียวกับตัวเอง
แล้วเดี๋ยวนี้ก็มีร้าน มีร้านในเมืองไทย ร้านปันกันอิ่ม รับฝากเงินที่คนพอจะมีกินมีใช้ ฝากเอาไว้ อาจจะเป็นลูกค้าในร้าน รับฝากเงินเพื่อที่จะเอาเงินก้อนนี้ไปช่วยให้กับคนที่เขายากจน ไม่มีกินก็มากินฟรี เรียกว่าปันกันอิ่ม เดี๋ยวนี้ก็มีกันเยอะเรียกว่ามีเป็นร้อย แล้วเดี๋ยวนี้ก็มีแอป
ฉะนั้นใครที่อยากจะตอบแทนบุญคุณของคนที่เคยช่วยเรา แล้วไม่รู้จะตอบแทนอย่างไรเพราะเขาจากไปแล้ว ก็ใช้วิธีนี้ก็ได้ ฝากเงินไว้ให้กับร้านที่ตัวเองคุ้นเคยไว้ใจ ว่าถ้าใครไม่มีกินก็มากินที่ร้านนี้ได้ฟรีๆ ตามจำนวนมื้อหรือตามจำนวนเงินที่ตัวเองมอบให้ หรือว่ามันเป็นวิธีที่เราจะช่วยเหลือคนที่ตกทุกข์ได้ยาก เราไม่รู้ว่าเป็นใครเราก็ฝากร้านไว้ เพราะร้านคงจะรู้ว่ามีใครที่ลำบากก็มากินฟรีได้
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าอนุโมทนา แล้วก็ควรส่งเสริมให้ทำกันเยอะๆ จะได้ทำให้คนรู้สึกมีความซาบซึ้งใจในความเอื้อเฟื้อของผู้คน ไม่รู้สึกว่าชีวิตอับโชคหรือว่าเลวร้ายจนเกินไป เพราะอย่างน้อยก็มีคนที่มีความ เอื้อเฟื้อมีน้ำใจ ที่อยากจะช่วยเหลือโดยไม่หวังผลที่ตอบแทน.