แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 1 พฤษภาคม 2566
มีรถรุ่นใหม่คันหนึ่ง วิศวกรออกแบบมาอย่างดีเลย เพราะมันแรงแล้วก็สะดวกสบาย สวยด้วย ก็เป็นที่พออกพอใจทั้งของวิศวกรและของเจ้าของ ก็มีการนำรถไปวางแสดงที่โชว์รูม ผู้จัดการก็ตื่นเต้นดีใจมากที่จะได้เอารถคันนี้มาเผยแพร่ให้คนได้เห็นที่โชว์รูม แต่ปรากฏว่าพอรถไปถึงที่โชว์รูม มันเข้าไปไม่ได้ เพราะรถสูงกว่าประตูหรือทางเข้าของโชว์รูม เลยเครียดกันใหญ่เลยทั้งผู้จัดการโชว์รูม วิศวกร และ CEO ก็เรียกคนที่เกี่ยวข้องมาประชุมรวมทั้งเจ้าหน้าที่แผนกซ่อมบำรุงด้วย วิศวกรก็เสนอว่าให้ทุบวงกบประตูทางเข้าให้มันสูงขึ้นหน่อย รถจะได้เข้าไปได้ รถเข้าไปแล้วค่อยไปซ่อมทีหลัง
ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะซ่อมเมื่อไหร่ เพราะเกิดมีคนมาซื้อ ก็ต้องให้รถเอาออกไปก่อน พอรถออกจากโชว์รูมเมื่อไรถึงจะซ่อมได้ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะซ่อมได้เมื่อไหร่ ก็ได้แต่ทำให้มันดูดีขึ้นหน่อย แต่พอมีคนซื้อ ก็ต้องทุบอีก ก็มีช่างสีบอกว่า ก็ยอมนะ ยอมขับรถเข้าไป มันอาจจะรอยขีดข่วนบ้างตรงหลังคา เพราะว่าประตูนี้มันต่ำกว่ารถ แต่ว่าไอ้รอยขีดข่วนมันโป๊วได้ เดี๋ยวก็กลับมาสวยเหมือนเดิม แต่ว่า CEO ก็ไม่ชอบวิธีนี้นะ เพราะว่าไม่อยากให้รถมันบุบสลายแม้แต่มีรอยขีดข่วนก็ไม่ชอบ คิดยังไงก็คิดไม่ออก ว่าจะทำยังไงดี
บังเอิญมียามเฝ้าโชว์รูมสังเกตเห็น ว่ามีการถกเถียงกัน หน้าดำคร่ำเคร่ง ก็เลยลองไปด้อมๆ มองๆ ว่าเขาทะเลาะ เถียงหรือว่าเขากำลังปรึกษาเรื่องอะไรกัน พอรู้ว่ามีปัญหาอะไร ยามก็ขอเสนอตัวอย่างกระมิดกระเมี้ยนบอกว่าผมมีทางออกครับ ทั้ง CEO วิศวกร เจ้าหน้าที่ก็หันมามอง ในใจก็ดูถูกนะว่าแกจะมีทางออกอะไรเหรอ นี่คิดกันมาหลายคนแล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะหาทางออกยังไง ยามบอกว่า รถนี้สูงกว่าประตูแค่ 2 นิ้ว ถ้าปล่อยลมที่ล้อสักหน่อย รถก็จะต่ำลง แล้วก็สามารถจะขับเข้าไปในโชว์รูมได้ ก็ปรากฏว่าทำได้จริงๆ พอปล่อยลมที่ล้อ นิดเดียวเอง 2 นิ้ว รถก็ขับเข้าไปในโชว์รูมได้
ทุกคนดีใจกันหมดเลย และก็อดทึ่งไม่ได้ ยามซึ่งมีความรู้น้อยที่สุด แต่กลับเห็นทางออกที่ดีที่สุด อันนี้เรียกว่ายามมีปฏิภาณ และที่ยามมีปฏิภาณได้เพราะว่าไม่ได้คิดซับซ้อนอะไร ขณะที่คนอื่นมีความคิดที่ซับซ้อน แต่อาจจะเป็นเพราะเรียนสูงก็ได้ ก็เลยมองไม่เห็น ทางออกง่ายๆ แค่ปล่อยลมที่ล้อก็แก้ปัญหาได้แล้ว
ปัญหาหลายอย่าง เวลามันเกิดขึ้น คนจำนวนมากมีแนวโน้มที่จะคิดอะไรซ้ำซ้อน หรือเพราะเวลานี้เรามีคนเรียนรู้สูง เราพึ่งพาเทคโนโลยีที่เรียกว่าชั้นนำมาก แล้วเราก็หวังพึ่งพาเทคโนโลยี
มีบริษัทผลิตยาสีฟัน ที่จริงก็ผลิตหลายอย่าง ยาสีฟัน สบู่ เวลาขนสินค้าขึ้นรถ นำไปวางขาย ปรากฏว่ากล่องหลายกล่อง มันไม่มีสินค้า หรือมีของไม่ครบ บางทีก็เป็นกล่องเปล่า แต่ว่ากว่าจะรู้ก็สายไปซะแล้ว ไปถึงห้างแล้วถึงจะรู้ว่ากล่องเปล่า เพราะว่ากระบวนการ ขนส่ง มันไม่ได้ใช้คน มันใช้เครื่องจักรตลอด ก็มีบริษัทร้านค้าก็ต่อว่าผู้ผลิตว่า ทำไมถึงส่งกล่องเปล่ามา
บริษัทนี้เป็นบริษัทใหญ่ ก็เลยพยายามคิดหาทางว่า ทำอย่างไรถึงจะป้องกันไม่ให้มีกล่องเปล่าไปถึงร้านค้า ปรึกษาวิศวกรปรึกษา ผู้เชี่ยวชาญ ก็บอกว่า ให้ลองใช้เครื่องที่เรียกว่าเอกซเรย์ตรงสายพาน เพราะเวลาจะผลิตสินค้าก็มีสายพานเรียกสายพานการผลิต ตอนที่บรรจุยาสีฟันลงกล่อง กล่องมันก็จะเลื่อนมาตามสายพานก็ใช้เครื่องเอกซเรย์ ถ้าเป็นกล่องเปล่า เครื่องมันจะส่งสัญญาณให้สายพานหยุด คนงานที่เฝ้าสายพานอยู่ก็เพียงแต่ยกกล่องนั้นออกจากสายพาน ก็จะเหลือแต่กล่องที่มีสินค้าอยู่ข้างใน
วิธีนี้มันแพง แต่ว่าจำเป็นเพราะว่ามันเป็นเรื่องชื่อเสียงของบริษัท จะต้องเป็นที่ไว้วางใจ ฉะนั้น CEO ก็เลยให้มีเครื่องเอกซเรย์ติดตั้งอยู่ทุกสายพานเลย ซึ่งก็มีหลายสิบสายพาน ปรากฏว่าสามารถที่จะป้องกันไม่ให้มีกล่องเปล่า มันกระจายไปถึงร้านค้าได้ ขณะเดียวกันวิศวกร ผู้คิดค้น ก็ลองไปศึกษาดูว่าเซนเซอร์นี้ได้ผลแค่ไหน ก็ไปถามคนงานว่ามีกล่องเปล่าหลุดมาไหม คนงานบอกว่ามี วันหนึ่งก็ 4-5 กล่องที่เป็นกล่องเปล่า วิศวกรก็แปลกใจว่าถ้ามีกล่องเปล่าทำไมสายพานไม่หยุด เพราะปกติเครื่องจะบอก ว่าถ้ามี กล่องเปล่ามันจะส่งสัญญาณให้หยุดสายพานแล้วก็ให้คนงานยกกล่องออกจากสายพาน
คนงานก็บอกว่าผมไม่จำเป็นเลย เพราะว่าผมไม่ได้ใช้เครื่องนี้เลย ก็ปิดสวิตช์มันซะเลย เพราะว่าไม่อย่างนั้นมันหยุดอยู่เรื่อย มันทำให้ขัดจังหวะการทำงาน “อ้าว แล้วทำอย่างไรล่ะ” “ก็ใช้พัดลมแรงๆ เป่า กล่องไหนที่มันว่างเปล่า พอมันโดนพัดลมเป่า มันก็หลุดออกจากสายพานไปเอง โดยที่ผมไม่จำเป็นต้องไปหยุด หรือไม่ต้องให้เครื่องมันหยุดการทำงาน สายพานก็ยังไหลไปเรื่อยๆ กล่องเปล่าก็จะถูกพัดลมเป่าออกไป”
คนที่คิดนี้ก็เป็นคนงานธรรมดาๆ ไม่มีความรู้อะไรมาก แต่วิธีการของคนงานคนนี้มันง่ายมากเลย พัดลมราคาตัวหนึ่งก็ไม่กี่บาท 400-500 แล้วมันก็ทำงานได้ดีด้วย เพราะว่าสายพานก็ไม่จำเป็นต้องหยุด มันก็ยังไหลไปเรื่อยๆ แต่เซ็นเซอร์ที่ว่านี้นอกจากราคาแพงแล้ว ถ้าเกิดว่ามันเจอกล่องเปล่า มันสั่งสายพานให้หยุด เป็นการกระทบกระบวนการผลิต อันนี้เป็นความฉลาดของคนงานที่ไม่ได้มีความรู้มาก แต่วิธีการของเขามันได้ผลดีกว่า ดีกว่าวิศวกรที่จบมาสูง จบด็อกเตอร์มา ใช้เทคโนโลยีที่ราคาแพงแต่ว่ามันไม่ดีเท่า
เรื่องนี้มันก็เป็นบทเรียนสอนว่าบางทีปัญหาหลายอย่าง ถ้าเราไม่คิดซับซ้อนมันก็มีทางออกที่ง่าย แต่ว่าคนเรามักจะไม่ค่อยมองหาทางออกที่ง่าย เพราะว่าเราถูกฝึกมาให้คิดซับซ้อนตั้งแต่แรกแล้ว วิธีการก็เลยซับซ้อนไปด้วย.