แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 11 มีนาคม 2566
มีผู้ชายคนหนึ่ง อยู่ที่อำเภอวิเศษชัยชาญ อ่างทอง แกเลี้ยงเป็ด ไม่ใช่แค่ 10-20 ตัว เลี้ยงตั้ง 3,000 ตัว และทุกเช้าจะต้องขนเป็ดไปที่ทุ่ง เพราะว่านี่เป็นเป็ดไล่ทุ่ง เลี้ยงแบบธรรมชาติก็ว่าได้ ให้เป็ดได้กินอาหารที่มีตามธรรมชาติ โดยเฉพาะในบ่อน้ำมีสระใหญ่อยู่สระหนึ่ง อยู่ไกลบ้านสักหน่อย ต้องขนเป็ด 3,000 ตัวใส่เล้าอยู่ในรถ แล้วก็เอามาปล่อยที่ทุ่ง ประมาณ 7 โมงเช้า 4 โมงเย็นก็มาขนกลับ ทั้งหมดนี้แกทำคนเดียว ไม่มีลูกน้อง ไม่มีลูกมาช่วย ลูกก็คงจะเข้าเมือง แล้วแกทำคนเดียวได้อย่างไง เป็ดตั้ง 3,000 ตัว แล้วแกก็ไม่มีหมาที่จะมาไล่ต้อนเหมือนกับในต่างประเทศด้วย
แกทำได้เพราะแกฝึก ฝึกเป็ด 3,000 ตัว ให้มันเดินจากเล้ามาขึ้นรถ รถก็เป็นรถกระบะใหญ่ มีคอกอยู่หลายชั้น 4-5 ชั้นได้ สามารถจะบรรจุเป็ดทั้ง 3,000 ตัวได้ครบหมดเลย พอไปถึงทุ่งก็ปล่อยเป็ด ปล่อยเป็ดน่ะไม่ยากอยู่แล้ว เพราะเป็ดก็อยากจะออกไปเที่ยว ออกไปเล่นน้ำ แต่ตอนจะได้เวลาขนเป็ดกลับนี่สิ ทำยังไง ปรากฏว่าเป็ด พากันเดินเรียงแถวเรียงหนึ่งขึ้นจากสระน้ำ แล้วก็มาขึ้นคอกเองเลย คอกอยู่บนรถ การที่เป็ดรู้เวลา พอเห็นชายคนนี้ขับรถมาถึงตรงริมสระ เป็ดก็จะพากันเดินเรียงหนึ่งเลย แล้วก็มาออกันอยู่ตรงบันไดเพื่อที่จะขึ้นรถ แล้วเป็ดก็รู้ว่าตัวไหนอยู่คอกบน มันก็จะขึ้นก่อน เป็ดตัวไหนอยู่คอกล่าง มันก็จะรอจนกระทั่งถึงคิวของมัน มันก็ค่อยๆ ขึ้นไป มีไม้พาดหลังรถเอาไว้ มันก็ขึ้นไป ไต่ไปตามไม้พาด แล้วก็เข้าคอกของมัน
ที่หน้าทึ่งคือว่า เป็ดรู้เวลา แล้วมันก็ไม่ได้มีการบิดเบือนอิดออด เวลาจะต้องกลับเข้าเล้า ทั้งที่มันก็ชอบอยู่เล่นน้ำในสระ แต่ถึงเวลาก็รู้หน้าที่เลย คงจะมีตัวพี่หรือตัวหัวหน้าเดินนำหน้าก่อน ตัวที่เหลือก็ตาม แล้วเรียงแถวเรียงหนึ่ง ตัวไหนมาถึงก่อน ถ้าตัวเองรู้ว่าอยู่คอกล่างก็จะรอ รอให้ตัวที่อยู่คอกบนขึ้นไปก่อน พอคอกบนเต็มแล้ว ชั้น 2 ก็ค่อยขึ้นไป พอคอกชั้น 2 เต็ม ก็เป็นคิวของเป็ดที่จะขึ้นคอกชั้น 3 พอคอกชั้น 3 เต็ม เป็ดที่อยู่คอกล่างก็จะขึ้นตามไป คอกมีทั้งหมดประมาณ 3-4 ชั้น น่าทึ่งมากนะ เป็ดมันรู้หน้าที่ แล้วก็รู้คิวด้วย แล้วก็มีความอดทนในการรอคอย
มีคนเขาถามว่าทำยังไง แกบอกว่าฝึกมาตั้งแต่อายุ 20 วัน จนกระทั่ง 6 เดือน ไม่เคยใช้ไม้ไล่ต้อนเลย มันรู้หน้าที่ เห็นอย่างนี้แล้วเรารู้เลยว่าสัตว์มันฝึกได้ แม้แต่การเข้าคิวการรอคอยคิว การรอคอยจังหวะ มันก็รู้หน้าที่ของมัน แล้วไม่ใช่แค่ฝึกตัวเดียว ฝึกตั้ง 3,000 ตัว
สัตว์เป็นชีวิตที่ฝึกได้ ไม่ใช่แค่เป็นมนุษย์เท่านั้นที่เป็นสัตว์ที่ฝึกได้หรือเวไนยสัตว์ เป็ดก็ฝึกได้ รวมทั้งชีวิตอื่นๆ ด้วย สัตว์อื่นๆ
มีผู้หญิงคนหนึ่ง แกเลี้ยงหมาเลี้ยงไก่เลี้ยงลิงเอาไว้ในบ้านอย่างละตัว แล้วมันก็อยู่ด้วยกันอย่างสามัคคีกัน แม้กระทั่งเวลาให้อาหาร เจ้าของก็ให้อาหารแก่สัตว์ทีละตัว ให้อาหารไก่ก่อน แล้วก็ให้อาหารหมา แล้วก็ให้อาหารลิง ปรากฏว่ามันไม่แย่งกันเลย ตัวที่ยังไม่ได้อาหารมันก็คอย พอได้อาหารเสร็จมันก็ยังไม่กิน ต้องรอให้เพื่อนๆ ได้อาหารครบทั้ง 3 ตัว จึงค่อยเริ่มกิน แล้วเขาลองให้มันกินบนโต๊ะ ไก่ก็ดี หมาก็ดี ลิงก็ดี นั่งอยู่บนเก้าอี้ เอาจานอาหารวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็ใส่อาหารลงไปในจาน ให้ไก่ก่อน แล้วก็ให้ลิง แล้วก็ให้หมา ปรากฏว่าทุกตัวไม่ตะกละตะกลาม คอยๆ จนกว่าเจ้านายหรือแม่จะตักอาหารให้เสร็จ ยังไม่กินของตัว แล้วก็ไม่แย่งของคนอื่นด้วย
อันนี้เราดูแล้วทำให้เห็นเลยว่า สัตว์มันฝึกได้ แล้วบางทีอาจจะมีระเบียบยิ่งกว่าคนก็ได้ เพราะคนเวลาคอย ทนไม่ไหว ลัดคิว คนลัดคิวเป็นประจำโดยเฉพาะคนไทย แต่ว่าเป็ดมันไม่ลัดคิวเลย มันก็คอยเมื่อไหร่จะถึงคิวของมัน เมื่อไม่ถึงคิวของมัน มันก็คอย พอถึงคิวของมัน มันจึงค่อยขยับ ไก่ก็ดี ลิงก็ดี หมาก็ดี มันก็คอยคิวของมัน รอแม่ให้อาหาร ให้แล้วก็ยังคอย จนกว่าทุกตัวจะได้ครบ แล้วถึงค่อยกินพร้อมกัน ถ้าเราเห็นแบบนี้แล้ว ก็น่าจะกลับมามองย้อนดูตัวเอง ไม่ใช่แค่ว่าสัตว์นี่มันฉลาดมันฝึกได้เท่านั้น ต้องกลับมามองที่ตัวเราเองด้วยว่า เราก็ฝึกได้เหมือนกัน แล้วเราก็น่าจะฝึกได้ไม่ด้อยไปกว่าสัตว์เหล่านี้ เป็ดยังมีวินัยเลย รู้จังหวะ รู้หน้าที่ แล้วคนจะทำไม่ได้อย่างนั้นเชียวหรือ
แล้วเวลาเห็นภาพอย่างนี้แล้ว อย่าได้แต่ชื่นชมเป็ด ชื่นชมสัตว์ว่ามันฉลาด กลับมามองตัวเราเองด้วยว่า แล้วเราทำอย่างนั้นได้ไหม อะไรทำให้เราทำอย่างนั้นไม่ได้ อะไรทำให้เราไม่รู้จักคอย ทำไมเราไม่มี ระเบียบวินัย อันนี้ไม่ใช่เพราะว่าเราฝึกไม่ได้ แต่เป็เพราะว่าเราไม่ได้ฝึก หรือว่าเราถูกฝึกไปอีกทางหนึ่ง
เราไม่ต้องรอให้ใครมาฝึกเรา เราฝึกตัวเราเองได้ ให้มีวินัย ให้มีระเบียบ ให้รู้จักรอคอย
อันที่จริงไม่ใช่แค่ฝึกกายอย่างเดียว ฝึกใจก็ได้ เวลาเห็นภาพอย่างนี้แล้วให้นึกมาดูว่า ใจของเราฝึกได้ บางครั้งใจของเราดูเหมือนว่ามันดื้อ มันพยศ มันชอบคิดชอบฟุ้ง ชอบปรุงชอบแต่ง ชอบคิดลบคิดร้าย บางคนก็รู้สึกว่าใจฉันฝึกไม่ได้หรอก มันเป็นอย่างนี้มานานแล้ว ถ้าเห็นพฤติกรรมของสัตว์เหล่านี้ เราก็จะรู้ว่า จริงๆ ใจเราฝึกได้
แล้วคนที่ฉลาด พอเห็นภาพอย่างนี้ เขารู้เลย เขาเกิดกำลังใจ อย่างพระอรหันต์ในสมัยพุทธกาลหลายท่าน ก่อนที่ท่านจะบรรลุธรรม บางทีท่านก็ท้อ บางทีท่านก็เบื่อ บางทีท่านก็ไม่ค่อยมีความเพียร แต่พอเห็นสัตว์เหล่านี้เขาฝึกได้ ไม่ว่าจะเป็นช้างไม่ว่าจะเป็นควาย นี่ไม่ใช่แค่ช้างหรือควาย แต่นี่เป็ดซึ่งสมองก็น่าจะต่ำกว่าช้างหรือควาย แต่มันก็ยังฝึกได้ แล้วใจเราจะฝึกไม่ได้เชียวหรือ ถ้ามองอย่างนี้ มองเป็น ก็ทำให้เกิดกำลังใจในการฝึกตน ฝึกใจของตัว เราจะแพ้เป็ดได้อย่างไร ต้องทำให้ดีกว่าเป็ด ฝึกอย่างนี้แหละ พระอรหันต์สมัยก่อนท่านก็เรียนรู้จากสัตว์นี่แหละ สัตว์ที่ฝึกได้ ทำให้ท่านเกิดกำลังใจในการที่จะฝึกตน ฝึกใจของตัว
แล้วที่จริงนอกจากการฝึกตัวเองแล้ว สิ่งหนึ่งที่ช่วยให้เรามีนิสัยที่ดีได้ กัลยาณมิตรสำคัญนะ
เป็ดเหล่านี้ไม่ใช่ว่าเจ้าของจะฝึกทุกตัว เขาก็ฝึกบางตัว ฝึกตัวผู้พี่ แล้วพี่ก็สอนน้อง หรือมันทำให้น้องดู ตัวที่เกิดใหม่พอมันอยู่ในเล้าในฝูงแบบนี้ มันเห็นตัวอื่นทำ กลับบ้านเป็นเวลา รู้จักเข้าคิว มันรู้จักเรียนรู้ มันก็เรียนรู้จากรุ่นพี่นี่แหละ มันเรียนรู้จากเพื่อนๆ เพื่อนๆ ทำอย่างนี้ มันก็เลยทำตาม โดยที่เจ้านายไม่ต้องสอน แต่เขาสอนกันเอง เป็ดเหล่านี้มีวินัยได้ส่วนหนึ่งก็เพราะว่าหมู่มิตร หรือว่าสิ่งแวดล้อมน้อมใจน้อมพฤติกรรมให้ทำอย่างนั้น
คนเราก็เหมือนกัน บางครั้งเรานอกจากฝึกใจด้วยตัวเองแล้ว ถ้าเราอยู่ท่ามกลางกัลยาณมิตรที่เขามีการฝึกฝนอบรมดีแล้ว ก็ช่วยทำให้เราน้อมกายวาจาใจไปในทางนั้นได้ง่ายขึ้น แล้วนอกจากการฝึกตนแล้ว การอยู่ในหมู่มิตรหรือว่าอยู่ในท่ามกลางกัลยาณมิตรหรือชุมชนที่เกื้อกูล ก็เป็นสิ่งที่จะช่วยในการฝึกให้มีชีวิตเจริญงอกงามได้
พระพุทธเจ้าจึงบอกว่า มงคลข้อแรกคือ อย่าคบคนพาล อยู่ไปท่ามกลางคนพาล ให้คบบัณฑิต “อเสวนา จ พาลานัง ปัณฑิตานัญจ เสวนา” การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต หรือการอยู่แวดล้อมด้วยคนดี ช่วยกล่อมเกลา น้อมนำกายวาจาใจ ให้เป็นไปในทางที่เป็นกุศลดีงามได้.