แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 13 มีนาคม 2566
มีถนนเส้นหนึ่งตัดผ่ากลางอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ไม่ใช่แค่ตัดผ่าน แต่ผ่าเลยนะแล้วบริเวณที่ถนนนั้นตัดผ่า ก็ไปผ่าเส้นทางเดินของช้างเรียกว่าด่านช้าง อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นี้ก็มีช้างอยู่หลายโขลงเลยนะ แล้วช้างก็อาศัยด่านช้างนี่แหละในการสัญจรไปมา แต่พอมีถนนตัดผ่า หรือตัดผ่าน มันก็ขวางเลยนะ ถนนก็ขวางเส้นทางเดินของช้าง แต่ช้างเขาก็จำเส้นทางเดินของเขาได้ เพราะฉะนั้นแม้จะมีถนนผ่าขวางทางเดินของช้าง เขาก็ยังสัญจรเส้นทางนั้น เพราะ ฉะนั้นวันดีคืนดีคนที่ขับรถบนถนนเส้นนั้นก็จะเจอช้างไม่ใช่แค่กลางคืน บางทีก็กลางวัน แล้วก็บางครั้งช้างก็เดินทางมาเป็นโขลง มีทุกวัยทุกเพศตั้งแต่ปู่ย่าตายายลงมาถึงหลานเหลน มีทั้งตัวใหญ่ตัวเล็ก
เพราะฉะนั้น ถ้ารถขับไม่ระวังก็อาจจะชนช้างได้อย่างที่เคยเกิดเหตุ ตอนหลังเขาก็เลยมีการติดป้ายใหญ่ๆ สีเหลืองๆ เขียนว่า ระวังช้างป่าสัตว์ป่าข้ามถนน ก็หมายความว่าไม่ใช่แค่ช้างอย่างเดียว จะมีพวกสัตว์ชนิดอื่นด้วย เช่น เก้งกวาง แต่ส่วนใหญ่ก็เป็นช้าง อันนี้ก็เป็นสัญญาณเพื่อให้คนขับรถที่สัญจรผ่านเส้นทางนั้นระมัดระวัง แต่บางทีพอช้างเดินผ่าน รถก็ต้องหยุดนะ รถติดยาวเลย แต่ว่ามันมีบางครั้งก็ไม่ใช่มี แต่โขลงช้างที่ใช้เส้นทางนั้นสัญจรไปมา
อย่างเมื่อเร็วๆ นี้มีช้างตัวหนึ่งนะตัวใหญ่ตัวผู้ด้วยไปยืนอยู่แถวๆ ป้ายที่ว่า ทีแรกก็นึกว่าเขารอจังหวะว่าถนนว่างเขาถึงจะเดินข้ามถนน แต่ไม่ใช่นะ ตอนที่ถนนว่างๆ เขาก็ไม่ได้เดินข้ามถนนนะ เขารออะไรบางอย่าง รออะไรรู้ไหม รอรถขนอ้อย พอรถขนอ้อยมา ช้างซึ่งยืนอยู่ริมถนนก็จะเดินขวางถนนเลย ขวางถนนเพื่อให้รถอ้อยหยุด ก็เรียกว่ากล้านะเพราะว่าช้างบางตัวไม่กล้านะ กลัวโดนรถชน โดยเฉพาะรถอ้อยนี่รถใหญ่ แต่ตัวนี้ไม่กลัวนะ ตั้งใจยืนขวางเลย ขวางรถอ้อยทำไม ขวางรถอ้อยเพื่อจะเอาอ้อย เอางวงนี่ไปม้วนอ้อยมา พอได้อ้อยแล้วถึงค่อยปล่อยให้รถแล่นผ่านไปได้
บางทีรถที่ไม่รู้จักนิสัยช้างตัวนี้ พอเห็นช้างตัวนี้ยืนขวางถนน รถก็พยายามเลี่ยงไปเลย เลี่ยงหลบไปอีกเลน แต่ช้างนี่ก็ไม่ลดละนะไปขวางอีกเลน แสดงว่าตั้งใจ ตั้งใจที่จะหยุดรถอ้อยเพื่อเอาอ้อยมากิน แล้วเขาก็ดีนะพอเขาได้อ้อยเสร็จแล้ว เขาก็ปล่อยให้รถแล่นผ่านไป ถ้าไม่ใช่รถอ้อยเขาก็ไม่สนใจนะ ยิ่งรถเก๋งนี่เขาไม่สนใจ เขาก็ยืนอยู่ริมถนน ปล่อยให้รถเก๋งแล่นผ่านไป แต่ถ้าเป็นรถอ้อยเมื่อไหร่เข้ามาขวางเลย แสดงว่าเป็นช้างฉลาด รู้ว่ารถชนิดนี้ หน้าตาอย่างงี้บรรทุกอ้อย คือเห็นหน้ารถนี้ก็รู้แล้วว่า รถนี้บรรทุกอ้อยเพราะฉะนั้นเขาก็จะมายืนขวางถนนเลย
ปกติช้างก็ชอบจะไปหาของป่ากิน เป็นอิสระดี แต่ว่าช้างตัวนี้เขาคงคิดว่าไปหาของป่านี่มันเหนื่อย ไม่รู้จะเจอหรือเปล่า หาของกินง่ายๆ แบบนี้แหละ มารอรถอ้อยก็แล้วกัน เรียกว่าอ้อยมาถึงที่หรือเรียกว่าหมูมาชนปังตอ ไปหาอาหารนี่มันเหนื่อยรอให้อาหารมาถึงตัวดีกว่า นับว่าเป็นช้างที่ฉลาด แล้วก็รู้ว่ากล้าตรงที่ว่า ขวางถนนนี่ไม่กลัวรถชน ซึ่งก็ต้องฉลาดนะเพราะรู้ว่าถ้าขวางแล้ว รถจะหยุด เขาก็ทำอย่างนี้ แล้วก็คงจะฉลาดพอที่จะรู้ว่าหน้าไหนเป็นหน้าอ้อย อย่างเช่นช่วงนี้ช่วงปลายปีนี่ชาวบ้านก็จะตัดอ้อยกันแล้วขนอ้อยขึ้นรถ ช้างก็รู้นะว่าหน้านี้รถอ้อยจะผ่านทางเส้นนี้ อันนี้เรียกว่าเขามีความจำ เขาจำได้ว่าพอถึงปลายปีหรือต้นปี รถอ้อยจะบรรทุกอาหารมาให้เขา เขาก็จะมาดักรอ ถ้าเป็นเทศกาลอื่นหน้าอื่นก็ไม่มาดักรอ นี่เรียกว่าช้างนี้มีทั้งความฉลาด และความกล้า
แต่นี่มันมีมากกว่านั้นนะคือเวลาช้างตัวนี้ คว้าหรือม้วนอ้อยจากรถก็จะเอาแค่ฟ่อนเดียว แล้วพอได้แล้วก็ปล่อยรถไป แล้วก็รอรถคันต่อไป รถคันต่อไปมาเขาก็หยุดแล้วก็เอาอ้อยแค่ฟ่อนเดียว ทำไมเขาไม่หยุดรถคันนั้นแล้วก็กินอ้อยให้หมดรถไปเลย เพราะว่าช้างนี่วันๆ หนึ่งกินหญ้า กินอาหารวันละสองร้อยกิโล เพราะฉะนั้นแค่รถอ้อยคันเดียวก็ไม่ต้องทำอะไร ก็แค่กินอ้อยในรถคันนั้นคันเดียวก็พอแล้ว แต่เขาก็ไม่ทำอย่างนั้น เขาแค่เอาแค่ฟ่อนเดียวเหมือนกับว่าขอกันกิน ขอกันนิดหน่อยหรือว่าจะเรียกว่ารู้จักพอก็ได้นะ ไม่เอามากไม่โลภมาก
ถ้าเป็นคนเรานะจะโลภมากนะ แต่ช้างตัวนี้ไม่โลภมากเอาแค่ฟ่อนเดียวแล้วก็ปล่อย เขาคงจะรู้ว่านิดๆ หน่อยๆ ก็คงจะไม่รบกวนมนุษย์เท่าไหร่ อีกอย่างหนึ่งช้างตัวนี้ก็รู้จักพอนะตรงที่ว่า พอถึงจุดหนึ่งเขาก็เลิกขวางถนน เพราะเขาอิ่มแล้ว พอได้หลายฟ่อนเขาก็อิ่ม พออิ่มเขาก็กลับเข้าป่า คนเรานี่นะฉลาดอย่างไรแต่ว่ามีนิสัยเสียนะคือไม่รู้จักอิ่ม ไม่รู้จักพอ เพราะว่าคนเราไม่ได้แค่ต้องการอิ่มท้องเราต้องการอย่างอื่นด้วย ถ้าความสุขของคนเราเพียงแค่อิ่มท้อง เราก็จะรู้จักพอเพราะว่าท้องเรามีปริมาตรจำกัด เหมือนช้าง ท้องช้างใหญ่แค่ไหนก็ปริมาตรจำกัดอยากกินอาหารแค่ไหน กินไปได้สองร้อยกิโลก็พอแล้วไม่รบกวนใครล่ะ ไม่ไปแย่งใคร แต่คนเราไม่ได้ต้องการแค่อิ่มท้องนะ เราต้องการอะไรมากกว่านั้น ต้องการเงินต้องการทอง แล้วพวกนี้ไม่มีความรู้จักอิ่ม เพราะสะสมมากเท่าไหร่ก็ได้ เงินนี่สะสมมากเท่าไหร่ก็ได้ไม่เหมือน อาหาร อาหารนี่ถ้าเต็มท้องเราก็พอแล้ว เวลาเรากินอาหาร ถ้าอิ่มเมื่อไหร่เราก็ไม่อยากกินแล้ว
แต่มนุษย์เราต้องการมากกว่านั้น จึงเกิดความไม่รู้จักพอซึ่งก็ทำให้เกิดการเบียดเบียนผู้อื่น ถ้ามนุษย์เรารู้จักพอบ้างเหมือนช้างตัวนี้ โลกนี้ก็จะมีสันติสุขขึ้นเยอะ แม้จะเบียดเบียนก็เบียดเบียนนิดหน่อย เรียกว่าขอกันกินขอกันใช้แล้วก็ไป อันนี้ถ้าเรารู้จักเรียนรู้จากช้างบ้าง หรือจากสัตว์บ้างว่ารู้จักพอๆ เราก็จะมีความสุขได้ง่ายแล้วก็โลกนี้ก็จะมีสันติสุขได้ง่ายกว่าที่เป็นอยู่.