พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 15 เมษายน 2566
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วมีข่าวหนึ่งซึ่งน่าสนใจสำหรับผู้สูงวัย คือเขาพบว่าการหูตึงหรือการสูญเสียความสามารถในการได้ยิน มันเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนความจำเสื่อม หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าความจำเสียไป
ธรรมดาคนแก่ ความจำก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว แต่ว่าความจำเสื่อมที่พูดถึงนี้ มันเป็นอาการหนักเลย เพราะว่ามันสามารถที่จะทำให้ตายได้เมื่อเวลาผ่านไป 10 ปีและถ้าปล่อยให้มันลุกลาม
อย่างความจำเสื่อมที่เราได้ยินคุ้นเคยบ่อยคืออัลไซเมอร์ พูดถึงการสูญเสียการได้ยินหรือหูตึง เขาศึกษาอย่างกว้างขวางในอังกฤษ ศึกษากับคน 4 แสนคน แล้วพบว่าการหูตึง สามารถที่จะทำให้คนเป็นโรคความจำเสื่อมได้ถึง 8 % เกือบถึง 10% อันนี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครรู้เรื่องมาก่อน
แต่ก่อนอาจจะรู้ว่าการกินเหล้า การสูบบุหรี่ การไม่ออกกำลังกาย มันมีส่วนทำให้คนแก่มีความจำเสื่อมเร็วขึ้น แต่ว่าเพิ่งมารู้ว่าหรือรู้อย่างแน่ชัดว่าคนหูตึงก็มีส่วนหนึ่ง เพราะว่าพอหูไม่ค่อยได้ยินแล้ว การรับรู้เกี่ยวกับโลกภายนอกมันก็เสียไป ก็มีผลต่อการคิด การใช้สมอง อีกอย่างหนึ่งก็คือว่าเสียงเป็นสิ่งกระตุ้นสิ่งเร้าให้สมองทำงาน พอไม่มีเสียงมากระตุ้นเร้าการทำงานของสมอง สมองก็ทำงานน้อยลง พอทำงานน้อยลงมันก็จะคงฝ่อ ความจำก็เลยแย่ลง
เขาพบว่าปัญหานี้แก้ไม่ยาก ใช้เครื่องช่วยฟัง ถ้าเราใช้เครื่องช่วยฟังมันก็จะบรรเทาอาการความจำเสื่อมได้ มันเป็นวิธีการที่ใช้เงินไม่มากเลย เครื่องช่วยฟัง แล้วก็ทำได้ง่าย ไม่เหมือนกับการเลิกบุหรี่ เลิกเหล้า หรือว่าออกกำลังกาย หลายคนก็รู้ว่าบุหรี่ เหล้าไม่ดี ออกกำลังกายก็ดี แต่ไม่ค่อยอยากจะทำ บอกว่าไม่มีเวลาบ้าง เหนื่อยบ้าง แต่ว่าการใช้เครื่องช่วยฟังช่วยได้มาก แต่ทนความรำคาญช่วงแรกๆสักหน่อย
เพราะว่าพอใช้เครื่องช่วยฟังแล้ว ช่วยให้ฟังดีขึ้น การเป็นโรคความจำเสื่อมก็จะบรรเทาเบาบางลง แต่เขาพบว่าคนแก่ไม่นิยมใช้เครื่องช่วยฟังเท่าไหร่ คือยอมหูตึง ทั้งๆที่มี ลูกหลานซื้อให้ แต่ไม่ค่อยใช้ แล้วก็ไม่รู้ว่าการทำอย่างนั้นส่งผลระยะยาว ทำให้ความจำเสื่อมหรือพูดอีกอย่างหนึ่งคือสมองค่อยๆเสื่อมลง
และเมื่อตะกี้นี้พูดแล้วว่าความจำเสื่อมทำให้คนตายได้ภายใน 10-15 ปีเลย ทีแรกมันก็เสื่อมในทางจิตใจหมายความว่า ความจำ ความนึกคิดก็แย่ลง ความยับยั้งชั่งใจก็แย่ลง พอเป็นหนักๆเข้า หลายคนก็เจ้าอารมณ์ โวยวาย พูดจาหยาบคายสบถด่า อันนี้ก็เรื่องหนึ่งแล้ว อันนี้เรียกว่าเป็นความเสื่อมหรือความจำเสื่อมในทางจิตใจ
แต่พอเป็นหนักๆแล้ว ร่างกายก็เสื่อม ความจำเกี่ยวกับในร่างกายก็แย่ลง ร่างกายลืม ลืมการกลืน แล้วต่อไปก็ลืมหายใจ มันเป็นการลืมในระดับกล้ามเนื้อเลยนะ กล้ามเนื้อของเรามันจำเป็นสำหรับการหายใจ สำหรับการกลืน คนที่ความจำเสื่อมหนักๆจะมีปัญหาเรื่องการกินมาก แล้วก็กลืนลำบาก การกลืนดูเหมือนกับเป็นเรื่องของสัญชาตญาณ แต่ว่าจริงๆแล้วมันอาศัยเหตุปัจจัยมากมาย
จริงๆเวลาเราจะกลืนเราต้องใช้กล้ามเนื้อถึง 50 มัดกว่าจะกลืนได้ มันไม่ใช่อาศัยใช้แรงโน้มถ่วง เอาคนห้อยหัวลงก็ยังกลืนได้เลย กลืนอาหารเพราะว่าเราใช้กล้ามเนื้อบังคับกล้ามเนื้อ อะไรใช้บังคับกล้ามเนื้อก็คือสมอง แต่ถ้าสมองเสื่อมก็บังคับกล้ามเนื้อไม่ได้ แล้วต่อไปก็หายใจไม่ได้ ก็ตาย
เดี๋ยวนี้เขาพบว่าในประเทศที่เรียกว่าพัฒนาแล้วเศรษฐกิจดี ความจำเสื่อมเป็นสาเหตุการตายอันดับ 3 เลยของคน รองลงมาจากโรคหัวใจ โรคมะเร็ง แล้วคนที่อายุ 65 ขึ้นไป 1 ใน 3 ตายเพราะโรคความจำ เสื่อมไม่แบบใดก็แบบหนึ่ง ที่เป็นกันมากคืออัลไซเมอร์ แต่อัลไซเมอร์มันก็เป็นแค่ความจำเสื่อมชนิดเดียว ยังมีอีกเยอะ แต่ว่ามันก็เป็นโรคความจำเสื่อมที่แพร่หลายมาก 70-80 % ของโรคความจำเสื่อมคืออัลไซเมอร์
เพราะฉะนั้นคนที่พอเริ่มแก่ตัวลง ถ้าเกิดว่าหูเริ่มไม่ค่อยได้ยินแล้ว ก็ลองใช้เครื่องช่วยฟังบ่อยหน่อย มันจะได้มีการรับรู้ที่ครบถ้วน ทำให้สมองได้ใช้งาน หรืออย่างน้อยก็มีการกระตุ้นเร้าให้สมองได้ทำงานบ้าง พอสมองทำงานก็จะเสื่อมช้าลง แต่จะให้ดีก็ต้องคุมเรื่องการกินอาหารโดยเฉพาะเหล้า บุหรี่ นี้ถ้าเลิกได้จะดีมาก เพราะว่ามันเป็นต้นตอของโรคหลายชนิด ทั้งโรคหัวใจ โรคมะเร็ง
แต่ที่ดีมากๆคือการออกกำลังกาย เพราะว่าพอปอดก็ดี หัวใจทำงานได้ดีขึ้น ก็ทำให้สูบฉีดเลือดไปเลี้ยงสมอง พอสมองได้เลือดมากๆเข้า ก็เสื่อมน้อยลง หรือเสื่อมช้าลง แต่ขณะเดียวกัน ถ้าให้สมองได้ทำงานบ้าง เดี๋ยวนี้คนแก่จำนวนมากพอไม่มีอะไรทำก็เล่นปริศนาอักษรไขว้บ้าง ต่อจิ๊กซอบ้าง มันก็ช่วยทำให้สมองได้ใช้งาน ก็เหมือนกับกล้ามเนื้อของคนเรา ถ้าไม่ทำงานมันก็ฝ่อ คนที่ไม่วิ่งเลย นอนติดเตียง ขาก็ลีบ แขนก็ลีบ
สมองก็เหมือนกัน ถ้าไม่ทำงานหรือไม่ใช้งานบ่อยๆ มันก็ฝ่อ แล้วมันก็เสื่อมไป เดี๋ยวนี้การตายเพราะโรคความจำเสื่อม มันสร้างความทุกข์ทรมานให้กับคนดูแล คนเป็นอาจจะไม่ค่อยเท่าไหร่เพราะไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่คนดูแลทุกข์มากเลย อันนี้จะดีกว่าโรคมะเร็ง โรคหัวใจ เพราะว่าโรคมะเร็ง โรคหัวใจนี่คนป่วยทุกข์ คนดูแลก็ทุกข์
แต่ว่าโรคความจำเสื่อม คนป่วยไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว แต่มันก็ทรมานไปอีกแบบหนึ่ง กินข้าวก็กินไม่ได้ กลืนอะไรก็กลืนลำบาก บางทีก็สำลัก แต่ว่าคนที่ทุกข์มากที่สุดคือคนดูแล ซึ่งหนีไม่พ้นคนที่เป็นลูกหลาน บางทีก็เป็นภรรยาเพราะภรรยามักจะอายุยยืนกว่า ฉะนั้นอะไรที่เป็นภัยที่ต้องตระหนักกันให้มากขึ้นโดยเฉพาะผู้สูงวัย คนไทยมีผู้สูงวัยมากขึ้นเรื่อยๆแล้วก็มีปัญหานี้มากขึ้นเรื่อยๆ เพราะว่าไม่รู้จักวิธีการป้องกันหรือไม่เห็นโทษของมันตั้งแต่แรก
งานวิจัยนี้มันมีประโยชน์มากเลย มันช่วยป้องกันความจำเสื่อมด้วยวิธีที่ง่ายๆ แค่ใช้หูฟังสำหรับคนหูตึงหรือว่าคนที่ไม่ค่อยได้ยิน