พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 27 มีนาคม 2566
มีเด็กชายชาวจีนคนหนึ่ง อายุประมาณ 10-11 ขวบใกล้ๆ กับสามเณร เด็กคนนี้จะเป็นที่เห็นแก่ตัว เวลามีอะไรก็ฉวยก่อนใคร ไม่ค่อยนึกถึงคนอื่นเท่าไหร่ แล้วแถมเป็นคนที่ชอบนินทาลับหลังเพื่อน เพราะฉะนั้น อยู่ไปๆ เพื่อนก็ค่อยหายไปทีละคนสองคน จนกระทั่งไม่มีใครมาคบเลย เด็กชายคนนี้ก็เลยเครียด เสียใจแล้วก็กลุ้มใจพ่อก็สังเกตเห็น
บ่ายวันหนึ่ง พ่อก็เอาบะหมี่สองชามมาวางไว้บนโต๊ะ บ้านนี้ก็อยู่สองคน แม่เสียชีวิตไปแล้ว บะหมี่สองชาม ชามหนึ่งมีไข่โปะอยู่ข้างบนบะหมี่ อีกชามหนึ่งไม่มีไข่โปะเลย เมืองจีนเมื่อ 30-40 ปีก่อนนี้ไข่มีค่านะกว่าจะได้กินนี่ก็ต้องวันตรุษจีนหรือไม่ก็มีงานเลี้ยง ที่นี้วัดป่าสุคะโตเมื่อสี่สิบปีก่อนนี้ก็เหมือนกัน ไข่ฟองหนึ่งต้องแบ่งกันกินหลายคน เมืองจีนตอนนั้นก็ทำนองนี้แหละ
พ่อคนนี้วางบะหมี่สองชามบนโต๊ะเสร็จแล้ว พ่อก็บอกว่าให้ลูกชายเลือก ถ้าเราเป็นลูกชายเราจะเลือกชามไหน แต่ว่าเด็กคนนี้ไม่ใช่เหมือนสามเณร เด็กคนนี้เลือกชามที่มีไข่โปะข้างบน เพราะนานๆ จะได้กินไข่สักที พอเลือกชามนี้เสร็จแกก็กินบะหมี่อย่างเอร็ดอร่อย
แต่ระหว่างที่กินอยู่ ปรากฏว่าก็เห็นพ่อซึ่งเลือกบะหมี่ชามที่ไม่มีไข่โปะ พ่อนี้กินเร็วกว่า กินไปประเดี๋ยวเดียวก็ถึงก้นชามแล้วพบว่า ก้นชามมีไข่สองฟอง เด็กคนนี้เสียใจมาก เราได้กินไข่ฟองเดียว แต่พ่อได้กินไข่ตั้งสองฟอง
พ่อเห็นอย่างนั้นก็เลยบอกอย่าเสียใจไปเลย อันนี้มันสอนเรานะว่า สิ่งที่ตาเห็นอาจไม่ใช่ของแท้ หมายความว่า ความจริงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ตาเห็น ชามที่ไม่มีไข่ข้างบนไม่ได้แปลว่าไม่มีไข่เลย ไข่จะมีแต่ว่าอยู่ก้นชามบะหมี่มาบังเอาไว้ แถมมีตั้งสองฟอง
แล้วพ่อก็สอนให้เด็กรู้ว่า สิ่งที่คิดว่ามากอาจจะน้อยก็ได้ สิ่งที่น้อย จริงๆ อาจจะมากก็ได้ เด็กคิดว่าตัวเองได้ไข่ฟองหนึ่ง แต่สุดท้ายพบว่าตัวเองไม่ได้ไข่สองฟอง
วันต่อมาถึงเวลาเที่ยง พ่อก็เอาบะหมี่สองชามมาวางไว้เหมือนเดิมเลย เหมือนกันเป๊ะ เหมือนเมื่อวานนี้เลย ชามหนึ่งมีไข่โปะอยู่ข้างบน อีกชามไม่มีไข่อยู่ข้างบน พ่อก็บอกให้ลูกชายเลือก ลูกชายก็คิดว่าเมื่อวานนี้เราพลาด เราไปเลือกชามที่มีไข่โปะอยู่ข้างบนปรากฏว่าชามที่ไม่มีไข่โปะมันดีกว่า
วันนี้เด็กชายก็เลยเลือกชามที่ไม่มีไข่โปะ เพราะคิดว่าคงจะมีไข่ซ่อนอยู่ก้นชามสองฟองเหมือนเมื่อวาน ปรากฏว่าพอกินไปๆ ไม่เจอไข่เลยสักฟอง เด็กชายก็เสียใจผิดหวัง
พ่อบอกว่าอย่าเสียใจไปเลยมันสอนให้เรารู้ว่าอย่าไปเชื่อประสบการณ์ของเรามากเกินไป ประสบการณ์ของเราเมื่อวานบอกว่ามีไข่สองฟองอยู่ในชามที่ไม่มีไข่โปะอยู่ข้างบน แต่ว่าวันนี้ไม่ใช่อย่างงั้น อย่าเชื่อประสบการณ์เดิมๆ ของตัวมากเกินไป
วันที่สามเหมือนเดิมนะ ถึงตอนเที่ยงพ่อก็เอาบะหมี่สองชามมาวางบนโต๊ะ ชามหนึ่งมีไข่โปะอยู่ข้างบน แต่อีกชามไม่มีไข่โปะเลย แล้วก็ให้ลูกเลือกว่าจะเอาชามไหน ถ้าเป็นสามเณรจะทำยังไง เด็กคนนั้นบอกว่าพ่อทำงานเหนื่อย อยากจะเห็นพ่อได้กินเยอะๆ จะได้มีเรี่ยวมีแรงทำงาน ก็เลยขอให้พ่อเลือกก่อน
แล้วพ่อเลือกอะไร พ่อเลือกชามที่มีไข่โปะ แต่เด็กไม่เสียใจเลยนะ เพราะว่าเด็กก็ตั้งใจอยากจะให้พ่อได้ของดีๆ ได้บะหมี่ชามที่มีไข่จะได้บำรุงร่างกายของพ่อ เด็กก็ได้กินชามที่ไม่มีไข่โปะข้างบน แต่ว่ากินไปๆ ปรากฏว่ามีไข่อยู่ก้นชามสองฟอง เด็กคนนี้งงเลย ทำไมวันนี้มีไข่
พ่อก็เลยบอกลูกว่า ลูกเอ๋ย เมื่อใดก็ตามที่ลูกทำเพื่อผู้อื่น สิ่งดีๆ ก็จะเกิดขึ้นกับลูก ลูกอยากให้พ่อได้กินของดี อยากให้พ่อได้กินบะหมี่ชามอร่อยๆ มีไข่ ตัวเองก็ยอมที่จะกินบะหมี่ที่ไม่มีไข่โปะข้างบนแต่พบว่ามันมีไข่สองฟองอยู่ข้างล่าง
เด็กก็เลยรู้ว่าเมื่อเราให้เรากลับได้มาก นี่ก็เหมือนกันนะ ความจริงไม่เหมือนสิ่งที่ตาเห็น ตอนแรก ชามที่มีไข่ปรากฏว่ามีไข่น้อยกว่าอีกชามที่ไม่มีไข่โปะ ต่อมาก็พบว่าชามที่ไม่มีไข่โปะเลยกลับมีไข่มากกว่าอีกชาม
เด็กชายคนนี้บอกว่า นี่เป็นบทเรียนที่สำคัญมาก พ่อได้สอนบทเรียนชีวิตให้ อันนี้ไม่ใช่วิชาความรู้เป็นวิชาชีวิตไม่มีสอนในชั้น วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ คณิตศาสตร์ แต่สามารถที่จะเรียนได้จากชีวิต แล้วพ่อก็เป็นคนฉลาดสอนให้ลูกได้เรียนรู้บทเรียนที่สำคัญจากบะหมี่ จากประสบการณ์บทเรียนสามข้อคืออะไร จำได้ไหมสามเณร
ข้อที่หนึ่ง สิ่งที่ตาเห็นอาจจะไม่ใช่ของแท้ ความจริงอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ตาเห็น เห็นว่ามากที่จริงมันน้อย อยากได้มากกลับปรากฏว่ากลับได้น้อย สอง อย่าเชื่อประสบการณ์เดิมๆ
เวลาเล่นฟุตบอลนี่นะบางครั้งเราชนะทีมคู่แข่งทีมแล้วทีมเล่า เพราะเรามีเทคนิคก็คือบุกทางปีกซ้าย แล้วเล่นทุกครั้งก็ใช้แท็กติกนี้ แต่ว่าบางครั้งอาจจะแพ้ก็ได้ ต้องเปลี่ยน ใช่ เปลี่ยนไปเป็นปีกขวา ใช่ อย่าเชื่อประสบการณ์เดิมๆ สิ่งที่ทำสำเร็จวันนี้ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้จะสำเร็จ
ก็เหมือนกับเรา เราตื่นเช้าทุกวัน นอนทุกคืนก็ตื่นเช้าทุกวัน แต่ไม่ได้แปลว่าพรุ่งนี้เราจะตื่นเช้า หรือตื่นขึ้นมาอีกเลย เพราะว่าบางคนอาจจะไม่ตื่นเลยก็ได้ ตื่นมาทุกวัน ห้าสิบหกสิบปีแล้วไม่มีวันไหนที่ไม่ตื่น แต่ว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่ตื่นก็ได้ ไม่ตื่นคือตาย
เพราะฉะนั้นอย่าไปเชื่อประสบการณ์เดิม อะไรๆ ก็ไม่แน่ ต้องรู้จักใช้สติปัญญา อย่าทำตามความเคยชิน
แล้วข้อที่สาม จำได้ไหม สำคัญมาก ถ้าเรานึกถึงผู้อื่นทำเพื่อผู้อื่น สิ่งดีๆ จะเกิดขึ้นกับเรา เราให้ ไม่ได้แปลว่าเราเสีย เรากลับได้มาก
เพราะฉะนั้น บะหมี่สามชามวันนี้ มันให้บทเรียนดีๆ กับเรามากเลยนะ สามเณรก็จดจำไว้รวมทั้งได้สรุปบทเรียนจากประสบการณ์ของเราที่อยู่วัดป่าสุคะโตนี้อีกสองอาทิตย์ข้างหน้าด้วย.