PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • ความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด
ความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด รูปภาพ 1
  • Title
    ความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด
  • เสียง
  • 11550 ความจริงอาจไม่เป็นอย่างที่คิด /aj-visalo/2023-04-14-14-40-39.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันศุกร์, 14 เมษายน 2566
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2566
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจาร์ยไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 7 เมษายน 2566
     
         มีชายสูงวัยหรือ สว.คนหนึ่งเล่าว่า เย็นวันหนึ่งขับรถไปทำธุระแถวอ่างทอง ระหว่างทางมีวัยรุ่นกลุ่มหนึ่งขับรถมอเตอร์ไซค์ตามมา พอดีมีเสียงเรียกโทรศัพท์เข้ามา เขาก็เลยรับโทรศัพท์ แล้วก็ขับไปคุยไป ระหว่างที่คุยโทรศัพท์อยู่ยังไม่ทันเสร็จเลย ก็มีวัยรุ่นกลุ่มนี้แหละขับรถมาประกบอยู่ข้างๆ แล้วตะโกนใส่เขาว่าควายๆๆ
         ชายคนนี้บอกว่าเขาโกรธมากเลย เพราะวัยรุ่นกลุ่มนี้ก็ไม่ได้รู้จักกัน แล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการยั่วยวนวัยรุ่นกลุ่มนี้เลย พอได้ยินวัยรุ่นกลุ่มนี้ว่าควาย ควาย ควาย เขาก็โกรธแล้วก็จ้องมองวัยรุ่นกลุ่มนี้แบบตาไม่กระพริบเลยด้วยความไม่พอใจ เสร็จแล้วก็ต้องโกนด่ากลับไป พวกมึงสิควาย แล้วก็พูดด่าไปอีกหลายประโยคเลย พอพูดจบปรากฏว่าเขาก็หมดสติไปเลย
         มารู้ตัวอีกทีก็อยู่ในโรงพยาบาลแล้ว พอเห็นพยาบาลเขาก็รีบพูดขึ้นมาเลยว่า ไปจับพวกมันได้หรือยัง พวกวัยรุ่นพวกนั้นมันมาด่าผม แล้วมันยังทำร้ายผมอีก พยาบาลบอกว่าคุณขับรถแหกโค้งชนฝูงควาย วัยรุ่นเขาเตือนคุณแล้วว่ามีควายอยู่ข้างหน้า แต่คุณก็ไม่ฟัง พอเกิดเหตุเขาก็เลยพาคุณมาส่งโรงพยาบาล
         กลายเป็นว่าวัยรุ่นมาช่วยเขาเอาไว้ ไม่ได้เป็นพวกเกกมะเรกเกเรเลย ที่สำคัญคือวัยรุ่นไม่ได้ด่าเขาว่าควายๆ เขาเพียงแต่เตือนว่ามีควายอยู่ข้างหน้า แต่ว่าชายสว.คนนั้นคิดว่าถูกด่าว่าควาย ก็เลยโกรธแล้วก็ด่ากลับไป ไม่ได้สนใจเลยว่าข้างหน้ามีฝูงควาย เลยขับรถชนเข้าไปเต็มที่เลย
         เรื่องนี้สอนสองอย่าง อย่างน้อยๆ อย่างแรกคือเวลาขับรถอย่าคุยโทรศัพท์ เพราะตอนที่เขาคุยโทรศัพท์ขณะขับรถ เขาก็เลยไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีฝูงควายอยู่ข้างหน้าซึ่งเป็นโค้งพอดี แล้วขณะเดียวกันก็สอนว่า อย่าด่วยสรุป วัยรุ่นที่ตะโกนใส่เขาว่าควาย ๆ นี่ ไม่ได้ด่า แต่เขาเตือนว่ามีฝูงควายอยู่ข้างหน้า
         พอชายคนนี้ไปด่วนสรุปว่า เขาด่าฉันเขาๆ ก็เลยโกรธ ที่จริงตอนนั้นถ้ามีสติก็จะต้องจดจ่ออยู่กับการขับรถ แล้วก็มองข้างหน้า แต่พอด่วนสรุปว่าเขาด่ากูๆ ก็เลยอดไม่ได้ที่จะด่ากลับไป ตอนด่าก็เลยไม่ได้ดูทางข้างหน้า
         เพราะคนเราเวลาโกรธก็คิดแต่จะทำให้อีกฝ่ายหนึ่งเจ็บปวด ด่าให้รุนแรงที่สุดเท่าที่จะทำได้ โดยที่ไม่ได้สนใจหรือไม่ได้ตระหนักหรือไม่รู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่
         ตอนนั้นถ้าหากว่ามีสติรู้ตัวว่ากำลังขับรถอยู่ ก็จะสนใจทางข้างหน้ามากกว่าจะไปทะเลาะเบาะแว้งกับวัยรุ่นที่ขับมาประกบอยู้ข้างรถ พอไม่สนใจทางข้างหน้า คิดแต่จะไปด่าเขาก็เลยประสบอุบัติเหตุชนควาย ไม่รู้ควายตายหรือเปล่า แต่ว่าตัวเองก็ถือว่าโชคดีเพราะไม่อย่างนั้นก็อาจจะตายไปด้วย ยังโชคดีที่รอด แต่ที่โชคดีอีกอย่างหนึ่งคือวัยรุ่นมาช่วยเขาเอาไว้ เขาปรารถนาตั้งแต่แรกแล้ว เขามาเตือนว่าควายอยู่  ข้างหน้า ก็ไปหาว่าเขามาด่า พอเกิดเหตุก็ไปคิดว่าเขาทำร้าย ทั้งๆ ที่เขาพาส่งโรงพยาบาล
         คนเราเดี๋ยวนี้ก็ด่วนสรุปกันมาก ที่จริงคนเราก็ด่วนสรุปกันมานานแล้วแหละ แต่สมัยนี้พอเราด่วนสรุปเร็วเกินไป ผลเสียผลร้ายตามมาทันควันเลย เพราะว่าเดี๋ยวนี้เรามีเทคโนโลยีที่ช่วยให้ทำอะไรเร็วๆ ขับรถได้เร็ว ไปถึงที่หมายได้ไว้ มีโทรศัพท์มือถือมีอินเตอร์เน็ทที่ทำให้ตอบโต้ได้ไว
         ฉะนั้นถ้าเกิดด่วนสรุปหรือเข้าใจผิดแล้วทำอะไรลงไปก็ก่อผลเสียได้อย่างรวดเร็ว บางทีก็ถึงตายได้ ยิ่งโลกหมุนเร็วใช้เทคโนโลยี่ที่เร็วแล้วก็แรงยิ่งต้องรู้จักยั้งยับชั่งใจ ทำอะไรก็ต้องมีสติ ขับรถถ้าไม่มีสติเอาแต่โทรศัพท์คุยกัน หรือว่าไม่สนใจขับรถไปโต้เถียงด่าว่า ไม่ว่าคนที่อยู่ในรถหรือคนที่อยู่ข้างๆ ก็อาจจะตายได้
         แต่ก่อนขี่จักรยาน ก็ไม่ทำให้เกิดความเสียหายเท่าไหร่ หรือเดินไปคุยไป ก็ไม่เกิดความเสียหายเท่าไหร่ แต่พอขับรถแล้ว ไม่มีสติ ก็อาจจะเกิดความเสีย แล้วความเสียหายส่วนหนึ่งก็เกิดจากการที่เราไปคิดว่าเขาด่าเรา เขาว่าเรา ก็ทำให้เกิดความโกรธ พอโกรธแล้วก็ลืมตัว
         มีอีกรายหนึ่ง เป็นผู้ชาย เขาเล่าว่า เขาขับรถ ทางก็เป็นทางต่างจังหวัด มีสองเลน ข้างหน้าก็เป็นรถเทเลอร์รถพ่วง รถพ่วงขับช้า เขาก็พยายามแซง แต่พอจะแซงทีไรรถพ่วงก็พยายามขวางทางเอาไว้ จะ แซงขวาก็แซงไม่ได้ เพราะว่ารถขวางเอาไว้ เขาโกรธมาก บีบแตรด่า แต่สักพักเขาก็เห็นรถสวนมา เป็นรถบรรทุกอ้อยสวนมา เขาก็เลยรู้เลยว่ารถพ่วงข้างหน้าไม่ได้แกล้งแต่ต้องการกันเอาไว้
         เพราะถ้าเกิดว่าไม่กันไว้ รถเก๋งก็จะแซง แซงขวาก็โดนรถอ้อยที่สวนมาชนประสานงา คนขับรถพ่วงเขารู้เขาเห็นว่ามีรถอ้อยมาแต่ไกล แล้วเขาก็รู้ว่าถ้าปล่อยให้รถข้างหลังแซงมาอาจจะเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงได้ เขาก็เลยกันเอาไว้ให้ ไม่ได้แกล้งแต่ต้องการช่วย แต่ว่าคนขับรถข้างหลังเขาไม่คิดอย่างนั้น โกรธเลย แล้วก็บีบแตรด่า
         ดีนะที่คนขับรถพ่วงเขาใจเย็น ถูกบีบแตรด่าเขาก็ไม่โกรธ ระงับยัับยั้งชั่งใจไว้ได้ เพราะว่าขืนปล่อยให้รถเก๋งแซงก็เกิดความเสียหายหลายเท่า
         เพราะฉะนั้นเวลาขับรถหรือเวลาใช้โทรศัพท์มือถือ การมีสติการไม่ด่วนสรุปสำคัญมากเลย เพราะหากว่าเราด่วนสรุปแล้วทำอะไรลงไปก็จะเกิดความเสียหายได้มากมาย.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service