พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 10 ธันวาคม 2565
มีชายหนุ่มคนหนึ่งเป็นคนที่น่าสนใจน่าศึกษา ไม่ใช่เพราะว่าเขาเป็นคนเก่งหรือว่าเป็นคนเด่นคนดัง แต่เป็นเพราะว่าครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะฆ่าคน เตรียมตัว พร้อมจะลงมือแล้ว แล้วก็ไม่ใช่ฆ่าคนธรรมดา เขาตั้งใจจะไปกราดยิงนักเรียนในโรงเรียนกะว่าจะให้มีคนตายมากที่สุด ทำไมถึงมีความคิดแบบนั้น
เขาก็เล่าว่าเขาเกิดมาในครอบครัวที่ไม่ค่อยอบอุ่นเท่าไร พ่อแม่เป็นคนที่ก้าวร้าว ติดยาด้วย ทะเลาะกันเป็นประจำ ตัวเขาเองไม่ค่อยได้รับความรักแม้แต่ความอบอุ่นจากพ่อแม่ เสื้อผ้าก็ใส่ชุดเก่าๆ มิหนำซ้ำพ่อแม่ก็ไม่สนใจเรื่องการเรียนของลูกเนื่องจากติดยา การงานก็ไม่มั่นคง ย้ายไปเรื่อยๆ
เขาบอกว่าเขาย้ายบ้านมา 30-40 ครั้งแล้ว ซึ่งก็หมายความว่าย้ายโรงเรียนมา 30-40 ครั้งเหมือนกันก็หมายความว่า อยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งไม่เกิน 2-3 อาทิตย์ก็ต้องย้าย อยู่ที่บ้าน พ่อแม่ก็ทะเลาะกัน บางทีตัวเขาก็โดนพ่อแม่ด่าว่าหรือถูกลงไม้ลงมือ อยู่ที่โรงเรียนก็เหมือนกัน เพื่อนๆรุมกันแกล้งเขา ด่าว่าเขา บางทีก็แกล้งเอาลูกกระสุนยิง หรือไม่ก็เอาอาหารมาเทใส่หัวเขาเพราะตอนนั้นเขาอ้วน เขาคงคิดว่าเขาเหมือนหมูก็เลยกลั่นแกล้ง
แล้วเขาก็เลยรู้สึกว่าเขาไม่มีความสุขเลย ยิ่งกว่านั้นเพื่อนๆอาจจะรวมถึงครูด้วย มองว่าเขาเป็นคนที่ไม่ได้เรื่อง ไม่มีคุณค่า เพราะว่าเรียนก็ไม่เอาไหน เสื้อผ้าก็ชุดเดิม ตัวก็เหม็นไม่ค่อยได้อาบน้ำ พอถูกเพื่อนๆต่อว่า ว่าเป็นคนไม่มีคุณค่า เขาก็เลยรู้สึกอย่างนั้นจริงๆว่า ฉันเป็นคนไม่มีค่า ไม่มีความสำคัญ ก็เลยเริ่มที่จะเกเร สุดท้ายก็ติดยา ทั้งๆที่อายุก็แค่ 10 ต้นๆ
พอเกเรติดยา ก็เริ่มมีพฤติกรรมที่ลักขโมย เพื่อนบ้านก็เอือมระอา ก็ยิ่งรังเกียจเขามากขึ้น พูดง่ายๆอยู่บ้านก็ไม่ได้รับความรัก อยู่ที่โรงเรียนก็ไม่มีใครให้ความสำคัญ เพื่อนบ้านก็รังเกียจ ดูถูก เขาก็เลยติดยาหนักขึ้น สุดท้ายถูกไล่ออกจากบ้าน ใครไล่ ก็พ่อแม่ไล่ ตั้งแต่อายุ 15 นั้นแหล่ะ เพราะติดยา เพราะลักขโมย พอกลายเป็นคนไร้บ้าน ก็ยิ่งทำตัวเกรกมะเหรกเกเรเข้าไปใหญ่
แล้วมีก็รู้สึกช่วงหนึ่ง เขาเป็นคนที่ไม่มีคุณค่ามาก ชีวิตฉันไม่มีคุณค่าไม่มีความหมาย ก็เลยทำร้ายตัวเอง เอามีดกรีดแขน ปรากฏว่าตำรวจมาเจอ ก็เลยพาเขากลับไปส่งบ้าน แม่พอเห็นสารรูปของลูกของตัวซึ่งชื่อแอรอน กลับต่อว่าซ้ำเติมว่า ถ้าอยากจะฆ่าตัวตายจริงๆทีหลังมาบอกนะ ฉันจะหามีดคมๆมาให้ มันจะได้เหมือนจริงยิ่งกว่านี้
พอเจอคำพูดแบบนี้ของแม่ เขาบอกว่า ทุกอย่างมันพังทลายหมดเลย ชีวิตฉันไม่เหลืออะไรแล้ว ชีวิตของฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว เพราะพ่อแม่ โดยเฉพาะแม่นี่ซ้ำเติม และนับตั้งแต่นั้นมา เขาบอกว่าชีวิตเขาเปลี่ยนไปยิ่งกว่าเดิม หนักเลย ชีวิตฉันไม่มีอะไรเหลือ ชีวิตฉันไม่มีอะไรจะเสียแล้ว
จากเดิมที่รังเกียจตัวเอง มันกลายเป็นการรังเกียจ ต่อต้านโลกทั้งโลกเลย มันอยากจะแก้แค้น ตอบโต้โลกที่ตัวเองรู้จัก พูดง่ายๆเกิดพฤติกรรมต่อต้านสังคมหนักขึ้น คราวนี้ไม่คิดจะทำร้ายตัวเองแล้ว คิดจะแก้แค้นสังคมด้วยการสร้างความเสียหายให้เกิดขึ้น กับโลก กับสังคมให้มากที่สุด ให้เร็วที่สุดและง่ายที่สุด ก็เลยนึกถึงโรงเรียน เพราะว่าโรงเรียนเป็นที่ๆไม่ค่อยมีการป้องกันที่รัดกุมเท่าไร
คนที่คิดอยากจะทำลายหรือต่อต้านสังคมหรือตอบโต้สังคม มันก็ง่ายที่จะหันไปเล่นงานกับเด็กในโรงเรียน ตอนนั้นเขาก็เริ่มหนุ่มแล้ว อายุ 20 กว่า ก็เลยไปหาปืนมา ในอเมริกาปืนก็หาง่ายด้วย ได้ปืนมา ก็เตรียมที่จะไปกราดยิงนักเรียนในโรงเรียนแห่งหนึ่งให้มันสะใจ ก็นึกในใจว่า กูไม่มีอะไรจะเสียแล้ว ชีวิตกูทำไมบัดซบนัก คนอื่นก็ต้องบัดซบตามไปด้วย ก็คือต้องเดือดร้อนตามไปด้วย
ในขณะที่เขาเดินไปที่โรงเรียน ปรากฏว่าเขาเจอเพื่อนบ้านคนหนึ่ง ทักเขา ถามเขาว่าเป็นยังไง แล้วก็ชวนกินข้าว เขาบอกว่าคำพูดของเพื่อนบ้าน มันเปลี่ยนชีวิตเขาได้เลย เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกที่คนมองเขา เห็นเขาเป็นคน เห็นเขามีคุณค่า ใจที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้น มันอ่อนลงไปเลย เมื่อมีคนชวนกินข้าวหรือว่าเห็นเขาอยู่ในสายตา
แล้วเขาก็ไป เข้าไปในบ้านของเพื่อนบ้าน เพื่อนบ้านก็พูดคุยกับเขาอย่างดีเลย มันทำให้เขารู้สึกว่าเขามีคุณค่าอีกครั้งหนึ่ง เพราะว่ามีคนมองเขาเป็นคน ความคิดที่จะไปกราดยิงนักเรียน มันหายไปเลย ทั้งๆที่เตรียมจะไปยิงแล้ว เขาบอกว่าอันนี้คือจุดเปลี่ยนที่สำคัญเลย ที่ทำให้เขาหันเหชีวิตนอกจากเลิกคิดที่จะไปยิงคน หรือว่าไปทำร้ายสังคมแล้ว เขากลับมีความคิดที่จะทำสิ่งดีๆ
แล้วเขาก็พูดไว้น่าสนใจ เขาพูดถึงคนที่หมายถึงคนทั่วไป เขาบอกว่าถ้าคุณเจอใครที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบผม ให้ความรักแก่เขา เพราะนั่นคือสิ่งที่เขาต้องการมากที่สุด คนที่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบเขา หรือมีพฤติกรรมแบบเขา แม้ว่าจะเป็นคนที่ไม่น่ารัก ไม่น่ารักเอาเลย แต่กลับเป็นคนที่ต้องการความรักมากที่สุด แล้วพอได้รับความรัก ชีวิตเปลี่ยนได้เลย หรืออย่างน้อยความคิดที่จะไปทำร้ายใครหรือแม้แต่ทำร้ายตัวเอง มันเปลี่ยนไปเลย
อันนี้เขาให้ข้อคิดที่ดีมากว่า คนที่เกรกมะเหรกเกเรหรือทำตัวเลวร้าย หรือบางครั้งกลายเป็นฆาตกร ลึกๆเป็นคนที่น่าสงสาร ถูกกระทำ ย่ำยี ก็เลยไม่เห็นคุณค่าของตัวเอง ก็เลยอยากจะแก้แค้นสังคม คนเหล่า นี้เขาต้องการความรัก และความรักนี้ก็สามารถที่จะเปลี่ยนจิตเปลี่ยนใจ หรือเปลี่ยนชีวิตของเขาได้ ซึ่งในสายตาของคนทั่วไป ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าคนแบบนี้ มันไม่น่ารักเอาเสียเลย เป็นคนที่ควรจะรักน้อยที่สุด แต่กลับเป็นคนที่ต้องการความรักมากที่สุด
อันนี้เป็นตัวอย่างของคนซึ่งมีความคิดที่จะทำร้ายคน ตั้งใจจะเป็นฆาตกร แต่ก็เปลี่ยนใจได้เพราะว่าได้รับความใส่ใจ ได้รับความรักความเมตตา หรือว่าได้รับการมองว่าเขาเป็นคนที่ควรได้รับความใส่ใจเหมือนกัน