มีชายหนุ่มคนหนึ่ง วัยเด็กเรียกว่าอบอุ่น มีความสุข เรียนเก่งด้วย ได้เรียนในโรงเรียนอันดับต้นๆ ของประเทศ จบแล้วก็เรียนต่อ ติดแพทย์แล้วก็เรียนได้ดีด้วย ไม่มีปัญหาในการเรียน แถมมีความสุขกับการเรียน เรียนจบแล้วก็ไปเรียนเฉพาะทาง เป็นวิชาที่ตัวเองชอบ เป็นสาขาที่ตัวเองถนัด เป็นวิชาเฉพาะทาง จบแล้วยังเรียนต่ออีก เรียนปริญญาโทเกี่ยวกับเรื่องการจัดการข้อมูล
ซึ่งก็ไม่เกี่ยวกับเรื่องแพทย์โดยตรง แต่เขามองว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์ต่อการเป็นแพทย์ของเขา
จบแล้วก็ไม่ใช่เป็นแพทย์อย่างเดียวนะเป็นอาจารย์แพทย์ด้วย แล้วก็มีเพื่อนร่วมงานที่ดี ตอนหลังก็ได้เจอคนที่ใช่ ก็เรียกว่าสมหวังในความรัก เตรียมตัวจะแต่งงาน ซื้อบ้านไว้แล้ว ก็เรียกว่าชีวิตของชายหนุ่มคนนี้ซึ่งตอนนี้อายุ 28 ปีนี้ก็เรียกว่าราบรื่น แล้วก็มีความสุข มีการงานที่มั่นคง มีอนาคตที่สดใส แล้วเขาก็บอกมีเพื่อนที่ดีๆ มากมาย อาจารย์ที่น่าเคารพ แล้วก็มีคนรักที่คิดว่าใช่แล้วล่ะ
แต่แล้ววันหนึ่ง เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง แล้วก็ไม่ใช่มะเร็งธรรมดา เป็นมะเร็งปอดแถมเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายด้วย ก้อนมะเร็งก็กระจายไปตามร่างกายแล้ว แม้กระทั่งสมอง เขาบอกว่าตอนที่พบตัวเองเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายนี่เหมือนโลกทั้งโลกแตกสลายเลย เพราะว่าชีวิตกำลังไปได้ดี อนาคตก็กำลังจะสดใส แต่เขาก็ตั้งหลักดี ทั้งๆ ที่ตอนแรกเหมือนกับว่าโลกกำลังจะแตกสลายต่อหน้าต่อตา แต่ก็ตั้งสติได้ ไม่บ่นไม่โวยวายไม่ตีโพยตีพายว่า ทำไมฉันต้องมาเจอแบบนี้ ฉันเพิ่งแค่อายุ 28 บุหรี่ไม่สูบ เหล้าก็ไม่ได้กินเท่าไหร่ นิดๆ หน่อยๆ ดูแลสุขภาพอย่างดี ออกกำลังกาย กินอาหารสุขภาพด้วย เพราะเป็นหมอ แต่ทำไมต้องมาเจอโรคร้ายแบบนี้ ก็ไม่บ่น ไม่โวยวายตีโพยตีพาย กลับมองว่าชีวิตที่ผ่านมาของฉันเป็นชีวิตที่ดีเยี่ยมมากเลย
ไม่มีความรู้สึกเสียใจกับชีวิตที่ผ่านมา จะให้ย้อนกลับไปทำอะไรใหม่นี่ไม่มีอยู่ในความคิดเลย เพราะว่าทุกอย่างก็ดีหมด ไม่มีเรื่องที่ต้องเสียใจ ไม่มีความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจในโชคชะตาเลย จากน้ำเสียงของชายหนุ่มคนนี้ซึ่งตอนนี้ก็เป็นอาจารย์แพทย์มาได้ 2-3 เดือน กลับมีความรู้สึกพอใจกับชีวิตที่ผ่านมา แล้วก็รู้สึกว่าชีวิตตัวเองนี่ดีเยี่ยม
นับเป็นการวางใจที่น่าชื่นชมมาก เพราะคนเรานี้ที่ป่วยกาย หรือว่าเป็นมะเร็งแถมระยะสุดท้ายด้วย ซึ่งก็หมายความว่าเหลือชีวิตที่จะอยู่ในโลกนี้ไม่เกินปีสองปี หรืออาจจะสั้นกว่านั้น หลายคนก็บ่นโวยวายตีโพยตีพาย ทำไมชีวิตของฉันเลวร้ายแบบนี้ คุณหมอคนนี้ไม่มีความคิดแบบนี้เลย กลับรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาของฉันมันยอดเยี่ยม แล้วเขาก็ยังคิดว่าชีวิตของเขาเองมีคุณค่ามีความหมาย การวางใจแบบนี้ก็ทำให้ทุกข์แต่กายใจไม่เป็นทุกข์มาก ไม่เป็นการซ้ำเติมตัวเอง ที่ยิ่งกว่านั้นคือว่า นอกจากจะไม่โวยวายตีโพย ตีพายกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับตัวเอง ตรงกันข้ามกลับรู้สึกว่าชีวิตที่ผ่านมาของฉันดีแล้ว มันยอดเยี่ยมแล้วก็ยังนึกถึงคนอื่นด้วยว่า ในเมื่อตัวเองมีเวลาเหลืออยู่ในโลกนี้อีกไม่นาน
เป็นแพทย์ก็คงจะทำการรักษาคนไม่ได้มาก เป็นอาจารย์แพทย์ก็คงจะสอนนักศึกษาแพทย์อีกได้ไม่นาน ก็อยากจะทำอะไรที่มีคุณค่าสำหรับคนอื่น ก็เลยอยากจะเอาเรื่องราวของตัวมาแบ่งปันให้คนอื่นได้รับรู้ เผื่อจะเป็นประโยชน์ไม่ว่าจะเป็นประสบการณ์ชีวิต ความฝันความสุข รวมทั้งความทุกข์ด้วย ถือว่าเป็นวิทยาทาน
คิดว่าชีวิตตัวเองคงจะมีประโยชน์ที่คนอื่นจะได้เรียนรู้ แล้วก็เป็นโอกาสดีที่จะได้ให้กำลังใจกับทุกคนที่มีชีวิตอยู่ ซึ่งรวมทั้งคนที่ป่วยด้วยโรคที่ร้ายแรงแบบคุณหมอนี้ หรือว่าบางคนอาจจะป่วยด้วยโรคที่เบาบางกว่านี้ หรือบางคนที่ไม่ป่วยเลย แต่ว่ารู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจ ในโชคชะตา หรืออาจมีปัญหาเรื่องการเงิน ปัญหากับความสัมพันธ์ของคนรอบข้าง พอได้มาฟังเรื่องราวของคุณหมอคนนี้ซึ่งอาการหนักมาก แต่เขาก็ยังมีความรู้สึกพึงพอใจกับชีวิต แล้วก็พร้อมรับมือกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ คนอื่นก็คงจะมีกำลังใจต่อสู้กับอุปสรรค หรือว่า ทำใจยอมรับกับปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยก็รู้ว่า ความทุกข์ของตัวเองมันเล็กน้อยมากเมื่อเทียบกับคุณหมอคนนี้
นี่ขนาดเขากำลังจะตายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า แต่ว่าก็ยังยิ้มได้ เปรียบเทียบกับสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตที่ผ่านมาเหมือนกับการ์ด การ์ดก็คือไพ่ ที่ผ่านมาก็จั่วได้ไพ่ที่ดี จั่วไพ่แต่ละใบได้แต่ใบที่ดี มีครอบครัวที่ดี มีความสุขในวัยเด็ก ได้เรียนโรงเรียนที่ดี การเรียนก็ไม่มีปัญหา ได้เรียนแพทย์แล้วก็ได้เป็นอาจารย์แพทย์ เป็นไพ่ที่ดีๆ ทั้งนั้นเลยรวมทั้งการที่มีการงานที่มั่นคงมีมิตรสหายมากมาย การ์ดแต่ละใบที่จั่วได้นี้ โอ้มันดีทั้งนั้นเลย แต่แล้ววันหนึ่งก็เจอการ์ดที่นึกไม่ถึง นั่นก็คือมะเร็งระยะสุดท้ายแต่ว่าก็ไม่ท้อ เพราะคิดว่าทำอย่างไรจะใช้การ์ดใบนี้หรือจะเล่นกับการ์ดใบนี้ให้มันดีที่สุด
ก็เลยเป็นอุปมาที่คล้ายกับผู้ป่วยมะเร็งคนหนึ่งเป็นอาจารย์ที่อเมริกา แกบอกว่าชีวิตของคนเรานี่เหมือนการเล่นไพ่ บางครั้งเราอาจจะได้ไพ่ใบที่ไม่ดี ไพ่ใบต่ำๆ แต่แทนที่เราจะโวยวายตีโพยตีพาย ทำไมได้ไพ่ใบนี้มา จะดีกว่า ถ้าหากว่าเราตั้งใจว่า ทำอย่างไรจะเล่นไพ่ในมือให้มันดีที่สุด ตรงนี้สำคัญกว่า เพราะบางคนได้ไพ่ใบต่ำๆ แต่ว่าสามารถที่จะชนะได้ บางคนมีไพ่ใบดีๆ ไพ่ใบสูงๆ แต่ก็แพ้คนที่มีไพ่ใบต่ำแต่ถ้าเขาไม่โวยวายว่าทำไมฉันได้ไพ่ใบนี้ แต่ว่าตั้งใจทำให้ดีที่สุดก็อาจจะเกิดผลดีตามมาก็ได้กับชีวิตของตัว
เหมือนกับคนที่เป็นแม่ครัว ถึงแม้ว่าจะมีเครื่องน้อย อุปกรณ์ก็น้อย แต่ถ้าไม่บ่นไม่โวยวายว่าทำไมฉันมีแค่นี้เอง ตั้งใจทำครัวให้ดีที่สุด อาหารที่ออกมาอาจจะอร่อย รสเลิศกว่าอาหารจากแม่ครัวที่มีทุกอย่างครบ แต่ว่าไม่มีความใส่ใจ หรือว่าบางทีก็อาจจะเอาแต่บ่นว่า ทำไมไม่ได้เครื่องปรุงที่มันมีคุณภาพกว่านี้ บ่นโวยวายตีโพยตีพายก็เลยทิ้งโอกาสที่จะทำสิ่งที่ดีที่สุดให้เกิดขึ้นจากวัตถุดิบอุปกรณ์ที่ได้มา
ชีวิตเราก็เหมือนกัน บางทีเราก็ได้ไพ่ใบที่ไม่ดีแต่แทนที่จะบ่นโวยวาย เราตั้งใจทำให้มันดีที่สุดก็อาจจะเกิดผลดีตามมา
แนะนำอ่าน: กรณีคุณหมอท่านนี้ได้ในเพจสู้ดีวะ
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 14 พฤศจิกายน 2565