พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 12 พฤศจิกายน 2565
มีเด็กวัยรุ่นคนหนึ่งอายุไม่ถึง 18 ไปฆ่าคนตายแล้วก็ถูกตัดสินจำคุก คนที่ตัวเองฆ่านี่ตัวเองก็ไม่ได้รู้จักอะไรนะ แต่ว่าเป็นอริกับแก๊งหรือพวกของตัว เนื่องจากตัวเองยังไม่ถึง 18 แทนที่จะไปใช้โทษในเรือนจำก็ต้องไปอยู่บ้านกาญจนาภิเษก ซึ่งเป็นสถานรองรับผู้ที่ทำผิดที่ยังเป็นวัยรุ่น
เด็กคนนี้หลังจากที่อยู่บ้านกาญจนาภิเษกระยะหนึ่ง แกก็เล่าว่าทำไมแกถึงฆ่าคนๆ นั้น แกบอกว่า ตอนที่ใช้ปืนครั้งแรกกระสุนพลาดเป้าไม่มีใครตาย แต่เพื่อนๆ ก็ชมเขา ยอมรับและชื่นชมว่า แกกล้านะ
ตอนนั้นเองที่เขารู้สึกว่า ตัวเขามีคุณค่า มีความสำคัญ แล้วก็เลยตั้งใจว่า ถ้ายิงครั้งที่สองจะต้องมีคนตาย เพราะว่าไม่อยากให้คนที่ยอมรับเขามีความผิดหวังในตัวเขา เหตุผลมีแค่นี้ ที่ยิงคนตายก็เพื่อให้เพื่อนๆ ไม่รู้สึกผิดหวังในตัวเขา ยิงครั้งแรกนะไม่มีใครตาย แต่ว่าก็ได้คำชมว่ากล้า แต่ถ้ายิงครั้งที่ 2 แล้วผิดอีก เขาก็คงจะรู้สึกเสียใจที่ทำให้เพื่อนผิดหวัง
กล้าไม่พอต้องเก่งด้วยนะ หรือว่าต้องกล้าที่จะทำให้คนตายได้ ก็เลยตั้งใจว่า ยิงครั้งที่สองนี่ต้องมีคนตาย แล้วก็ตายจริงๆ แต่สุดท้ายก็ต้องมาชดใช้โทษ
ดีนะที่ว่ายังอายุไม่ถึง 18 ก็เลยไม่ได้อยู่เรือนจำ แต่ว่ามาอยู่บ้านกาญจนาภิเษกแทน ซึ่งเขาก็ให้เสรีภาพแล้วก็ให้ความยอมรับพอสมควร
เหตุผลของวัยรุ่นที่ฆ่าคนตายทั้งที่ไม่รู้จัก เพียงเพราะต้องการการยอมรับจากเพื่อนๆ นี้เป็นเหตุผลที่วัยรุ่นหลายคนใช้ ในการที่จะยิงคู่อริหรือฆ่าคนตาย ต้องการเพียงแค่การยอมรับจากเพื่อนๆ
ทำไมมันถึงสำคัญ ก็เพราะว่า เขาไม่เคยได้รับการยอมรับจากใครเลย ไม่ว่าจะเป็นพ่อแม่จะเป็นญาติพี่น้อง หรือว่าคนรอบข้าง เพื่อนบ้าน รวมทั้งครูบาอาจารย์ด้วย อาจจะเป็นเพราะว่ายากจน อาจจะเป็นเพราะว่าเกเร อาจจะเป็นเพราะว่าดื้อ หรือว่าเรียนไม่เก่ง
คนเราไม่ได้ต้องการแค่ข้าวน้ำอาหารอย่างเดียว ไม่ได้ต้องการแค่ปัจจัยสี่เท่านั้นที่เป็นความจำเป็นสำหรับร่างกาย แต่จิตใจนี่ต้องการการยอมรับด้วย ถ้าไม่ได้รับการยอมรับจากพ่อแม่ จากครูบาอาจารย์ ก็ต้องไปหาการยอมรับจากแก๊ง ซึ่งเราเรียกว่าอันธพาล หรือก๊วน
แล้วที่วัยรุ่นไปคบกับเพื่อนที่เกกมะเหรกเกเร หรือเป็นอันธพาล เหตุผลสำคัญก็คือต้องการการยอมรับ เพราะว่าไม่ได้จากที่อื่น ก็ต้องมาได้จากคนกลุ่มนี้ แล้วจะได้รับการยอมรับอย่างแท้จริงก็ต้องแสดงความกล้า แสดงความเก่ง
และความกล้าความเก่งที่จะทำให้กลายเป็นที่ยอมรับได้คือฆ่าคนตาย โดยเฉพาะที่เป็นคู่อริทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้จัก วัยรุ่นที่ฆ่าคนตายเพราะเหตุผลนี้มีเยอะ ไม่ใช่เฉพาะเมืองไทย ที่อื่นก็เหมือนกัน อย่างที่มีคนพูดว่า ถ้าจะเด่นทางดีไม่ได้ก็ต้องเด่นทางชั่ว เพราะอย่างน้อยก็ได้รับการยอมรับ
กว่าจะรู้ตัวว่าเป็นเหตุผลที่ผิดนี่ก็สายไปแล้ว แต่ถ้าเกิดว่าเขาได้รับการยอมรับเมื่อไหร่ จิตใจมันเปลี่ยนแปลงได้ อย่างมีวัยรุ่นอีกคนหนึ่งก็โดนข้อหาฆ่าคนตายเหมือนกัน ก็เลยไปอยู่บ้านกาญจนาภิเษก และธรรมเนียมของบ้านนี้ก็คือว่า พออยู่ได้สักพักหนึ่งก็จะมีการ ออกไปกินหมูกระทะข้างนอก มันไม่ใช่เรือนจำ เพราะฉะนั้นกินหมูกระทะข้างนอกนี่ทำได้นะ
แต่ปัญหาของเด็กคนนี้ก็คือว่า เขาเจออีกคดีหนึ่ง ฆ่าคนตายอีกเหมือนกันแต่ว่าฆ่าคนตายตอนที่อายุมากกว่า 18 เพราะฉะนั้นก็เลยโดนโทษหนัก ศาลชั้นต้นตัดสินจำคุก 34 ปี หมายความว่าถ้าออกจากบ้านกาญจนาภิเษกไป พ้นโทษแรกก็ต้องไปเจอโทษที่ 2 คราวนี้ต้องเข้าเรือนจำ 34 ปี
ก็มีคำถามว่า จะปล่อยให้เด็กคนนี้ออกไปกินหมูกระทะข้างนอกหรือเปล่า เพราะถ้าออกไปนี่อาจจะหนีนะ เพราะว่าใกล้จะพ้นโทษบ้านกาญจนา แต่ว่าต้องไปเจอโทษหนักที่เรือนจำ 34 ปี แต่ปรากฏว่าเด็กคนนี้ได้รับอนุญาตให้ไป ได้ออกไปกินหมูกระทะกับเพื่อนๆ
เด็กคนนี้แกเล่าหลังจากเหตุการณ์นี้นะว่า หากว่าป้ามน ป้ามนคือมนทิชา ซึ่งเป็นผู้อำนวยการบ้านกาญจนาภิเษกขอร้องให้เขาไม่ไป เพราะว่ากลัวว่าจะหนี เขาก็ยอมนะ เพราะเขาเข้าใจได้ ใครๆ ก็ต้องกลัวทั้งนั้นแหละว่าเขาจะหนี แต่ว่าป้ามนก็ไม่ได้ขอเขาเลย แล้วก็ให้ออกไป
ตอนที่เขาไปกินหมูกะทะ เขาก็แอบคิดหาทางหนี เพราะว่าเจ้าหน้าที่ที่คุมมาด้วย ไม่มีใครสนใจ ปล่อยให้เขากินหมูกระทะอย่างสนุกสนานกับเพื่อนๆ ถ้าจะหนีตอนนั้นก็หนีได้ เพราะว่ามันเป็นโอกาสแล้ว แต่เขาบอกเขาไม่หนี เพราะอะไรนะ เพราะว่าป้ามนให้เขาถึงขนาดนี้แล้ว เขาจะหนีได้อย่างไร
เขาบอกว่า ผมไม่เคยได้สิ่งนี้จากใครมาก่อนเลยแม้กระทั่งจากครอบครัว
สิ่งนี้คืออะไร คือความไว้วางใจ เขาบอกว่าป้ามนนี่ไว้ใจมาก ให้ออกไปข้างนอกกินหมูกระทะทั้งๆ ที่โดนโทษหนัก 34 ปีรออยู่ คนที่ไม่ใช้ความคิดก็ต้องหาทางหนี แล้วมันหนีได้ง่าย แต่เขาก็ไม่หนี
เขาประทับใจที่ป้ามนและเจ้าหน้าที่ไว้วางใจเขา แล้วเขาอยากจะกลับมา เพื่อให้คนที่บ้านกาญจนาสบายใจแล้วก็ชื่นชมที่เขาไม่หนี พูดง่ายๆ คือไม่อยากทำร้ายหรือทำลายความไว้วางใจของป้ามน และเจ้าหน้าที่ ไม่อยากทำให้พวกเขาผิดหวัง ก็เลยกลับมาใช้โทษ ทั้งที่บ้านกาญจนาแล้วก็ที่เรือนจำอีก 34 ปีซึ่งก็ไม่รู้ว่าลดโทษจริงๆ จะเหลือแค่ไหน
คนหนึ่งฆ่าคู่อริที่ไม่รู้จัก เพราะไม่อยากให้เพื่อนๆ ผิดหวัง แต่คนหนึ่งยอมที่จะกลับมาติดคุก เพราะไม่อยากให้ผู้ที่ตัวเองเคารพคือป้ามน และเจ้าหน้าที่ผิดหวัง อันนี้น่าสนใจนะ คนเราถ้าได้รับความไว้วางใจ ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจ ก็พร้อมจะทำดีได้ หรือว่าพร้อมที่จะรับความทุกข์ เพื่อไม่ให้คนอื่นต้องมาเดือดร้อน
แต่ถ้าเกิดว่า เขาไม่ได้รับอะไรเลยจากใคร เขาก็พร้อมจะทำชั่ว หรือแม้กระทั่งฆ่าคน เพียงเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากคนกลุ่มเล็กๆ
เรื่องการยอมรับการให้ความไว้วางใจนี้สำคัญมากทีเดียว มันสามารถจะปลุกพลังบวกขึ้นมาในใจของคน พร้อมที่จะทำสิ่งที่ดีงาม ที่ตัวเองคาดไม่ถึงได้
แต่เดี๋ยวนี้สิ่งเหล่านี้ก็ได้น้อยลงทุกที เพราะว่าแม้แต่พ่อแม่ หรือจากครอบครัวก็ไม่ค่อยได้ จากวัยรุ่นคนที่ 2 เล่า อันนี้คือเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เราเข้าใจมากขึ้นถึงความรู้สึก หรือจิตใจของวัยรุ่นทุกวันนี้ ว่าเขาต้องการอะไร และอะไรทำให้เขาทำผิด และทำให้เขาหันมาทำถูกได้อย่างไร