PAGODA

  • Create an account
  • Forgot your username?
  • Forgot your password?
or

Connection

Your e-mail is required to ensure the proper functioning of the Website and its services and we make a commitment not to reveal it to third parties

  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ
PAGODA
  • หน้าแรก
  • ฐานข้อมูล
  • เสียง
  • วีดิทัศน์
  • E-Books
  • กิจกรรม
  • บทความ

เข้าสู่ระบบ / สมัครสมาชิก

เข้าสู่ระบบ

  • สมัครสมาชิก
  • ลืมชื่อผู้ใช้?
  • ลืมรหัสผ่าน?

Search

  • หน้าแรก
  • เสียง
  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
  • วันเพ็ญเดือน 12 สำคัญอย่างไรสำหรับชาวพุทธ
วันเพ็ญเดือน 12 สำคัญอย่างไรสำหรับชาวพุทธ รูปภาพ 1
  • Title
    วันเพ็ญเดือน 12 สำคัญอย่างไรสำหรับชาวพุทธ
  • เสียง
  • 11263 วันเพ็ญเดือน 12 สำคัญอย่างไรสำหรับชาวพุทธ /aj-visalo/2022-11-16-16-00-11.html
    Click to subscribe
    • Share
    • Tweet
    • Email
    • Share
    • Share

ผู้ให้ธรรม
พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล
วันที่นำเข้าข้อมูล
วันพุธ, 16 พฤศจิกายน 2565
ชุด
ธรรมะสั้นๆ ก่อนอาหารเช้า 2565
  • แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [ลองพูดคุยกับ AI ทาง Line]

  • พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565
     
         วันนี้เป็นวันพระใหญ่ แล้วก็เป็นวันพระที่สำคัญสำหรับชาวพุทธด้วย สำคัญอย่างไร บางคนว่าเป็นวันลอยกระทง ลอยกระทงไม่ใช่ประเพณีของชาวพุทธ มันมีความสำคัญ 2 ประการสำหรับชาวพุทธคือ
         ประการแรก วันนี้เป็นวันสุดท้ายของการทอดกฐิน การทอดกฐินหรือฤดูกฐิน ซึ่งมีเวลา 1 เดือนหลังจากออกพรรษา ตอนนี้ก็สิ้นสุดแล้วในวันเพ็ญขึ้น 15 ค่ำ เดือน 12 แต่ที่สำคัญกว่านั้นสำหรับชาวพุทธคือ เป็นวันคล้ายวันปรินิพพานของพระสารีบุตร
         พวกเราทราบดีว่าพระพุทธเจ้าปรินิพพานวันไหน วันนั้นเราเรียกว่าวันวิสาขบูชา วันเพ็ญเดือน 6 แต่ว่าน้อยคนจะรู้ว่า วันเพ็ญเดือน 12 เป็นวันปรินิพพานของพระสารีบุตร ส่วนใหญ่ก็รู้แต่ว่าเป็นวันลอยกระทง
         พระสารีบุตร มีเรื่องเล่าว่า หลังจากออกพรรษามาได้ 3 อาทิตย์ ท่านเกิดอาพาธหนัก ที่จริงอาพาธมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่ว่าในวันนั้นท่านรู้ว่าจะอยู่ได้อีก 7 วันเพราะอาพาธหนักมาก ก็เลยนึกถึงโยมแม่ โยมแม่เป็นคนที่ไม่สนใจพุทธศาสนา ไม่มีศรัทธาในพระรัตนตรัยเลย
         พระสารีบุตรท่านเป็นพระอรหันต์ก็จริง แต่ก็มีความกตัญญูรู้คุณโยมแม่ แล้วก็คิดว่าอยากจะน้อมใจของโยมแม่ให้มามีศรัทธาในพระรัตนตรัย ท่านพิจารณาหยั่งดูเห็นว่าโยมแม่มีนิสัยที่จะเห็นธรรมได้ เลยตัดสินใจว่าจะกลับไปที่บ้านเกิด เมืองนาลกะ แคว้นมคธ เพื่อจะ ไปแสดงธรรมให้โยมแม่ได้เห็นธรรม
         เป็นงานใหญ่เพราะว่าตัวท่านเองก็อาพาธมาก แล้วนาลกะก็อยู่ไกลจากเชตวัน ตอนนั้นท่านอยู่เชตวันแต่เห็นว่าจะเป็นโอกาสสุดท้ายแล้ว ท่านก็เลยทูลลาพระพุทธเจ้า แล้วก็ขอขมาพระพุทธองค์
         จากนั้นก็เดินเท้า นึกภาพนะ คนป่วยอายุก็มากแล้ว เดินเท้าไปบ้านนาลกะ แต่ว่าท่านก็มีความตั้งใจ แล้วก็คงอาศัยธรรมะด้วย เป็นธรรมโอสถ ประคองสังขารท่านไปถึงบ้านนาลกะ
         ระหว่างทางท่านก็แสดงธรรมด้วย แสดงธรรมโปรดญาติโยม เรียกว่าแม้จะอยู่ในระยะสุดท้ายก็ยังมีเมตตาต่อเพื่อนมนุษย์ต่อสรรพสัตว์ แสดงธรรมให้ผู้คนได้เกิดศรัทธาในพระรัตนตรัย จนกระทั่งถึงบ้านเกิด
         โยมแม่เห็นก็ดีใจ แล้วก็เข้าใจว่าลูกชายเราบวชมา 44 พรรษา ตอนนี้ก็คงอยากจะสึกเต็มทีแล้วกระมังจึงกลับมาบ้านเกิดจะมาสึก ก็ต้อนรับอย่างดี แต่ก็เห็นลูกชายอาพาธมาก ก็เลยให้พักอยู่ที่บ้าน แล้วก็ไปดูแล
         ปรากฏว่าไปเห็นเทวดาจำนวนมากเลยมาเฝ้าพระสารีบุตร มีท้าวจตุโลกบาล มีพระอินทร์ มีท้าวมหาพรหม เพราะว่าห้องพักของพระสารีบุตรสว่างไสวกลางดึกเลย แล้วเมื่อรู้ว่าเทพเทวดาเหล่านั้นมาน้อมคำนับพระสารีบุตร แล้วยิ่งมารู้ว่าเทวดาเหล่านี้ มีความเคารพ พระพุทธเจ้ายิ่งกว่าพระสารีบุตรอีก ก็เริ่มเกิดศรัทธาทั้งในพระพุทธเจ้าและในพระสารีบุตร
         พอเกิดศรัทธาในใจก็เริ่มเปิดรับ พระสารีบุตรท่านก็อาพาธมากแต่ก็แสดงธรรม พูดถึงพระคุณของพระพุทธเจ้า แล้วก็นำเอาธรรมะที่ท่านได้รับรู้ มาเผยมาแสดงให้กับโยมแม่ โยมแม่ซึ่งมีศรัทธาอยู่แล้วก็น้อมใจพิจารณาตาม ในที่สุดก็มีดวงตาเห็นธรรม เป็นพระโสดาบัน
         นับว่าสมความตั้งใจของพระสารีบุตร เพราะว่าการตอบแทนบุญคุณแม่ในพุทธศาสนาไม่มีอะไรประเสริฐเท่าการน้อมให้ท่านเห็นธรรม
         อย่างพระพุทธเจ้าตรัสว่า แม้จะเอาพ่อแม่แบกขึ้นบ่าทั้งสองข้าง แล้วก็ปรนนิบัติจนท่านอายุครบร้อยปี ปรนนิบัติบนบ่ายากแค่ไหน ให้อาหาร ให้น้ำ ชำระร่างกาย แม้จะทำอย่างนั้นร้อยปี ก็ไม่ประเสริฐเท่ากับการทำให้ท่านเห็นธรรม
         เรียกว่าตอบแทนบุญคุณท่านไม่หมด จนกว่าจะให้ท่านเห็นธรรม อย่างน้อยก็มีศีล มีจาคะ มีปัญญา มีศรัทธา 4 ประการนี้สำคัญ ปรากฏว่าพระสารีบุตรสามารถทำให้โยมแม่ได้มีคุณธรรมที่ว่าได้ แล้วยิ่งกว่านั้นคือปัญญาก็เห็นธรรมแจ่มแจ้ง เป็นพระโสดาบัน
         เป็นอันว่าในวาระสุดท้ายของพระสารีบุตร ได้ทำประโยชน์อย่างมากให้กับโยมแม่ผู้ให้กำเนิด แต่แล้วไม่นานท่านก็ปรินิพพานในวันเพ็ญเดือนสิบสอง
         ฉะนั้น เวลาเราเห็นพระจันทร์เต็มดวง อย่างวันนี้อย่านึกถึงแต่วันลอยกระทง ให้นึกถึงวันสำคัญที่เกิดขึ้นในชีวิตของพระสารีบุตร นอกจากท่านจะปรินิพพานในวันนั้นแล้ว ท่านก็ได้สำเร็จกิจอันยิ่งใหญ่ในฐานะผู้เป็นลูก คือทำให้โยมแม่ได้เห็นธรรม แล้วเกิดปัญญาสว่างไสว คงไม่ต่างจากดวงจันทร์ในวันเพ็ญ
         วันลอยกระทงก็ธรรมดาที่ผู้คนจะมีความตื่นเต้นดีใจ เพราะว่าไม่ได้ฉลองลอยกระทงเต็มที่มา 2 ปีแล้ว ปีนี้หลายคนหลายที่หลายแห่งก็เตรียมจัดงานวันลอยกระทงกันเป็นงานใหญ่เลย แม้กระทั่งท่ามะไฟหวานก็เห็นทำเวที เตรียมเฉลิมฉลองสนุกสนานกันในคืนนี้ที่ริมเขื่อน ที่อื่นก็เหมือนกัน
         การสนุกสนานก็ต้องอย่าลืมว่า ต้องมีความไม่ประมาทด้วย เพราะหลายคนอยากจะสนุกให้เต็มที่ หลังจากไม่ได้สนุกมา 2-3 ปี อันนี้ก็ต้องระวัง เพราะว่ามันจะทำให้เกิดความลืมตัวได้
         จำได้ไหมเมื่อเกือบสองอาทิตย์ก่อนที่เกาหลีเกิดอะไรขึ้น มันมีการฉลองสนุกสนานเนื่องในวันฮาโลวีน มันเป็นงานใหญ่ของเกาหลี แต่ว่าไม่ได้ฉลองมา 2 ปีแล้วเพราะโควิคระบาด คนก็รอวันนี้ รอเฉลิมฉลอง
         พอถึงวันนั้นคนก็มากันใหญ่ เรียกว่าปล่อยผีก็ได้ว่าได้ เพราะว่าอัดอั้นมานาน อั้นมา 2 ปี คนเป็นแสน ปรากฏว่าเหยียบกันตายกว่า 150 คน วันเฉลิมฉลองวันสนุกสนานกลายเป็นวันโศกนาฏกรรม อันนี้เพราะว่าตั้งใจจะเฉลิมฉลองกันสุดเหวี่ยง เพราะว่าอัดอั้นมานาน
         คนไทยก็อัดอั้นกันมา 2 ปีเหมือนกัน ลอยกระทงไม่ได้ฉลองกันเต็มที่ ต้องระวังนะ ยิ่งเฉลิมฉลองสนุกมากเท่าไหร่ ยิ่งต้องตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ไม่อย่างนั้นวันสนุกจะกลายเป็นความทุกข์ วันเฉลิมฉลองจะกลายเป็นวันโศกนาฏกรรมได้ง่าย อย่างที่เกิดขึ้นในหลายที่ รวมทั้งล่าสุดก็ที่เกาหลี.

logo

  • เกี่ยวกับเรา
  • ติดต่อเรา
  • จดหมายข่าว
  • Privacy Policy
  • Terms of Service