พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 24 ตุลาคม 2565
ช่วงนี้เราก็ยังอยู่ในเทศกาลกฐิน ผ่านมาแล้วสองอาทิตย์ยังเหลืออีกสองอาทิตย์ กฐินกับเข้าพรรษาเหมือนกับเป็นฝาแฝดกัน หรือเป็นพี่น้องกัน คืออยู่ติดกัน มีเข้าพรรษาแล้วก็ต้องมีการทอดกฐิน แต่ว่าเป็นฝาแฝดหรือพี่น้องที่ต่างกันมาก
กฐินเป็นช่วงเวลาของความรื่นเริง แต่ว่าเข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาของความสงบ ถ้าเข้าพรรษาจริงๆ แล้วจะสงบ กฐินเป็นช่วงเวลาแห่งความสนุกสนาน แต่ว่าเข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาของการศึกษาการอบรม ขัดเกลาตนเอง
อย่างที่เราหรือใครที่เข้าพรรษาก็ทราบดี โดยเฉพาะในวัดที่ตั้งใจปฏิบัติตามธรรมเนียม หรือพระวินัย เมื่อถึงเวลาเข้าพรรษา อย่างน้อยๆ ก็ต้องรักษาศีลให้ครบ บางคนเคร่งหน่อย ก็ศีลแปด หนังไม่ดูเพลงไม่ฟังไม่มีการละเล่น
ต่างจากกฐินที่พอมีกฐินแล้วก็ต้องมีมหรสพ มีการร้องรำทำเพลง บางแห่งก็มีหนังฉาย บางที่หนักนะ บางที่กินเหล้ากันเลย แต่บรรยากาศนี่ต่างจากเข้าพรรษาที่ไม่มีความสนุก แต่ว่ามีความสงบ แล้วก็มีการฝึกหัดขัดเกลา กฐินเป็นช่วงเวลาที่สบาย ถึงขั้นปล่อยตัวปล่อยใจก็ได้ สบายๆ แต่ว่าเข้าพรรษาต้องมีการทำความเพียร มีการอดกลั้นต่อกิเลส
ที่แตกต่างอีกอย่างคือว่า กฐินเป็นช่วงเวลาการเดินทางเลยนะ หลายคนผ่านมาสองอาทิตย์นี้เดินทางไปหลายที่ หลายจังหวัด ไปร่วมงานกฐินตามที่นั่นที่นี่ เฉพาะวัดในเครือข่ายของสุคะโตนี้ก็มีทอดกฐินมาหกเจ็ดวัด เดินทางข้ามอำเภอ เดินทางข้ามจังหวัดกันเลย แต่เข้าพรรษานี้ต้องอยู่กับที่ อยู่กับที่ไปไหนไม่ได้ หรืออย่างน้อยก็ไม่ไปค้างคืนถ้าไม่จำเป็น
ความแตกต่างอีกอย่างหนึ่ง กฐินแค่เดือนเดียวแต่ว่าเข้าพรรษาถึงสามเดือน ก็นับว่าเป็นฝาแฝดที่แตกต่างกันมาก แต่ก็เป็นความตั้งใจของพระสงฆ์องค์เจ้าสมัยก่อนนี้ ที่ท่านกำหนดประเพณีแบบนี้ขึ้นมา ก็อย่างที่ทราบว่า เข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาของการทำความเพียรเพื่อฝึกฝนตน แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ต้องอาศัยความสามัคคีกัน ด้วยความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
แล้วสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่น่าอนุโมทนา เพราะฉะนั้น พอทำสำเร็จหรือเสร็จสิ้นครบสามเดือนก็มีการเฉลิมฉลอง อนุโมทนากัน
แล้วกฐินนี่ผูกติดอยู่กับการเข้าพรรษา ไม่เหมือนกับผ้าป่า ผ้าป่านี่ไม่ผูกติดกับการเข้าพรรษา แต่กฐินผูกติดกันเลยเหมือนกับฝาแฝด แต่เป็นฝาแฝดที่มีลักษณะตรงข้ามกัน หรือว่าแตกต่างกันมาก การที่เข้าพรรษามีช่วงเวลายาวนานสามเดือน นี่เป็นสิ่งที่มีความหมาย
ถ้าหากว่าเปลี่ยน ตรงข้ามนะ กฐินสามเดือน เข้าพรรษาหนึ่งเดือนนี้แย่เลย เพราะว่าเข้าพรรษาเป็นช่วงเวลาของการฝึกตนให้เข้าหาธรรมะ เราควรให้เวลาการศึกษา การอบรมฝึกฝนตนมากกว่าการสนุกสนานรื่นเริง
ความสนุกสนานรื่นเริงก็มีประโยชน์ เหมือนกับเรียนหนังสือแล้ว พอปิดเทอมก็ไปเที่ยวกัน แต่ว่าต้องเที่ยวน้อยกว่าการศึกษา การฝึกฝนตนก็เหมือนกัน การฝึกฝนในทางธรรม ในช่วงเข้าพรรษาเป็นสิ่งสำคัญ ก็ต้องให้น้ำหนักมากกว่าการสนุกสนานรื่นเริง
แล้วถ้าเราสังเกต หลายคน กฐินผ่านไปได้แค่สองอาทิตย์นี่เริ่มรู้สึกล้าแล้ว ในขณะที่เข้าพรรษานี่สามเดือนบางทีไม่ล้าเท่ากับไปทอดกฐิน หลายคนไปทอดหลายวัด แล้วก็มีโปรแกรมกำหนดจะไปทอดอีกหลายวัดกว่าจะถึงวันลอยกระทง ใจหนึ่งก็จะได้ไปเจอความ รื่นเริง หรือได้ไปเที่ยวตามที่ต่างๆ แต่ว่าพอไปแล้วก็เหนื่อยล้า นี่เรียกว่าเพลียบุญ
ความสนุกสนานรื่นเริงก็ดีนะ หรือการที่ได้ท่องเที่ยวไปตามวัดต่างๆ ก็เป็นเรื่องที่หลายคนรอคอย เพราะมันตื่นตาตื่นใจดี แม้แต่ชาวบ้านที่เป็นเจ้าภาพกฐิน พอทอดกฐินเสร็จก็ได้ไปทอดที่อื่นต่อ ก็ได้ไปเที่ยว มันสนุกก็จริง แต่ว่ามันเหนื่อยมันล้า ไม่เหมือนกับการ ฝึกฝนตน ทำสมาธิเจริญสติ ไม่เดินทาง ไม่ได้ไปเจอสิ่งตื่นตาตื่นใจ แต่ว่ากลับมีเรี่ยวมีแรงมีกำลังวังชา ทั้งทางกายและทางใจ
พวกเราต้องลองสังเกตดู แล้วก็อย่าไปเพลินกับการเที่ยวในช่วงกฐินมาก เพราะว่าอาจจะสนุกอาจจะรื่นเริง แต่ว่ามันก็บั่นทอนทั้งทางกายและทางใจ โดยเฉพาะบางทีถ้าตามใจกิเลสมาก วัยรุ่นหลายคน ชาวบ้านหลายคนกินเหล้า หรือไม่กินเหล้าก็สนุกสนานรื่นเริงกับเพลง กับมหรสพ เผลอๆ ไม่ใช่แค่เหนื่อย อาจเจ็บตัวด้วย
เมื่อวานนี้ นั่งรถมาที่วัดนี่ก็ผ่านหมู่บ้านหนึ่ง เห็นเขาก็กำลังมีการเฉลิมฉลองกฐินกัน มีการร้องรำทำเพลง คนนี่ก็เป็นร้อยเลย เดินตามรถขบวนแห่ อยู่ๆ ก็ต่อยกันเลย มีคนเฮกัน ต่อยกัน ฮือฮากันใหญ่ กำลังรำวงกันอยู่ดีๆ แตกกระเจิงเลย เพราะมีวัยรุ่นต่อยกัน ดีที่ห้ามทัน ถ้าห้ามไม่ทันนี่บางทีอาจจะถึงขั้นใช้อาวุธ ใช้มีด ใช้ไม้ตีกัน เพราะว่ามันเป็นกลุ่มเป็นพวก เจ็บตัวแล้วก็ตายกันมาหลายรายแล้ว เพราะว่าความรื่นเริงสนุกสนานของกฐิน
หรือถึงแม้ไม่ถึงขั้นนั้น แต่มันก็เหนื่อยกับการไปตามวัดต่างๆ ไปงานกฐินต่างๆ มันสนุกแต่ล้า เหนื่อย ไม่เหมือนกับสงบ แต่ว่ามีกำลังวังชา ทั้งกายทั้งใจ มีความสดชื่นเบิกบาน เพราะว่าได้ฝึกฝนอบรมตน
ก็ยังเหลืออีกสองอาทิตย์นะ หลายคนก็ยังจะไปทอดกฐินตามที่ต่างๆ ก็ดูแลกายดูแลใจให้ดี อย่าปล่อยตัวปล่อยใจไปตามสิ่งแวดล้อมมาก สนุกแต่พอดี รื่นเริงแต่พองาม แล้วสุดท้ายก็อย่าลืมกลับมา กลับมาอยู่กับเนื้อกับตัว กลับมาฝึกสติ เจริญสมาธิภาวนา แม้มันอาจจะไม่สนุก แต่มันก็ให้ความสุข เพราะนำมาซึ่งความสงบ และเป็นการสงวนพลังงานสำหรับการทำสิ่งที่มีประโยชน์ มีคุณค่า.