พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 9 ตุลาคม 2565
ในร่างกายของเรา เราก็ทราบดีอยู่แล้ว มีเลือด มีเนื้อ มีกระดูก มีอวัยวะน้อยใหญ่ ซึ่งล้วนแต่จำเป็น สำคัญต่อความอยู่รอดของตัวเรา แต่มีสิ่งหนึ่งที่คนไม่ค่อยนึกถึงเท่าไหร่ แต่ก็สำคัญมากทีเดียว สำหรับการอยู่รอด หรือการมีสุขภาพดีของเรา สิ่งนั้นเราเรียกว่าจุลชีวัน หรือจุลชีพซึ่งที่เรารู้จักดีคือแบคทีเรีย
เวลาเราพูดถึงแบคทีเรีย เราก็นึกถึงเชื้อโรค เพราะว่าโรคที่ทำให้คนตายจำนวนมาก เมื่ออดีตหรือกระทั่งปัจจุบันก็ เกิดจากแบคทีเรีย เช่น โรคอหิวาต์ บิด ท้องร่วง ปอดบวม ไอกรน คอตีบ สารพัด ยังไม่นับที่เกิดจากไวรัส เช่น พวกที่ทำให้เกิดโรคซาร์ส โรคโควิด
แต่เฉพาะแบคทีเรียเวลาเรานึกถึง เราก็นึกถึงเชื้อโรค แต่ที่จริงแบคทีเรียที่ดีก็มีเยอะ และนี่ก็คือสิ่งที่เราเพิ่งรู้กัน มันไม่ใช่แค่เชื้อโรคอย่างเดียว มันเป็นเชื้อดีด้วย แล้วก็จำเป็นต่อการอยู่รอด ตั้งแต่แรกคลอดเลย
เด็กแรกคลอดนี่ถ้าไม่มีพวกจุลชีพหรือจุลชีวัน หรือแบคทีเรียเหล่านี้อยู่ในร่างกายนี่ลำบาก แต่เพราะว่าได้เชื้อพวกนี้มาอยู่ในร่างกายจึงทำให้ไม่ป่วยเป็นโรคต่างๆ
เชื้อพวกนี้ได้มาจากไหน ได้มาจากแม่ ธรรมชาตินี่เรียกว่าอัศจรรย์มาก รู้ว่าคนเราตั้งแต่แรกคลอดต้องการพวกจุลชีวันในการรักษาให้มีสุขภาพดี ธรรมชาติก็จะให้แม่ผ่องถ่ายเชื้อดีพวกนี้ ให้กับลูกตั้งแต่แรกคลอด ผ่านทางช่องคลอด ในช่องคลอดนี้มีเชื้อเยอะเลย แต่เชื้อดีก็มาก
เด็กพอผ่านช่องคลอดนี้ก็รับเอาเชื้อเหล่านี้จากแม่เข้าไปในตัว แล้วไม่ใช่แค่เท่านั้น ตามเนื้อตัวของแม่ก็มีเชื้อโรคและก็เชื้อดี ลูกที่ได้สัมผัสกับแม่ เช่นแม่ได้กอดลูกตั้งแต่แรกคลอด
นอกจากผลทางจิตใจแล้ว ผลทางร่างกายก็คือว่า ทำให้เชื้อดีในผิวหนังของแม่นี้เข้าสู่ร่างกายของลูก แล้วที่สำคัญก็คือน้ำนมของแม่ อันนี้ก็เพิ่งค้นพบว่า ในน้ำนมของแม่ซึ่งประกอบด้วยสารอาหารนานาชนิดเป็นร้อยเป็นพันชนิด โดยเฉพาะน้ำตาล
ปรากฏว่าน้ำตาลเกือบสองร้อยชนิดที่อยู่ในนมแม่ไม่มีประโยชน์สำหรับเด็กทารก หรือลูกเลย เพราะว่าลูกที่ดูดนมแม่ไม่มีเอนไซม์ที่จะไปย่อยน้ำตาลพวกนี้จากนมแม่ได้ แต่ทำไมแม่ถึงผลิตน้ำตาลเป็นร้อยๆ ชนิดที่ลูกใช้ประโยชน์ไม่ได้
นี่ไม่ใช่เป็นความฟุ่มเฟือย แต่เป็นความจำเป็นเลย เพราะน้ำตาลสองร้อยชนิดนี่ลูกเอาไปใช้ประโยชน์ไม่ได้ก็จริง แต่ว่าแบคทีเรียหรือว่าจุลชีพในร่างกาย ในท้องของลูกเอาไปใช้ประโยชน์ได้ คือมันเป็นการบำรุง นมแม่นี่ไม่ได้บำรุงลูกอย่างเดียว บำรุงแบคทีเรียหรือ จุลชีวันในท้องของลูกด้วย เพราะอะไร เพราะมันสำคัญนะพวกจุลชีวันพวกนี้
ก็เพราะถ้าหากว่าเด็กคลอดโดยไม่ใช้วิธีธรรมชาติ คือผ่าคลอด ซึ่งทำให้เด็กขาดโอกาสที่จะได้รับจุลชีวันทางช่องคลอดจากแม่ ก็พบว่าเด็กเหล่านี้มีโอกาสเสี่ยงมากที่จะเป็นโรคนานาชนิดเลย โรคเบาหวาน โรคหอบหืด โรคอ้วน แล้วก็โรคแพ้ เด็กที่เกิดมาด้วยการผ่าคลอด มีโอกาสเป็นโรคภูมิแพ้ถึง 8 เท่า เมื่อเทียบกับเด็กที่คลอดโดยวิธีธรรมชาติ
เขาก็สงสัยเป็นเพราะอะไร เหตุผลสำคัญคือว่า เด็กที่เกิดจากการผ่าคลอดนี่เขาหมดโอกาสที่จะได้รับพวกจุลชีวันจากแม่ทางช่องคลอด พอไม่ได้โอกาส ก็เลยไม่มีจุลชีวันที่จะไปจัดการกับโรคนานาชนิด ซึ่งเดี๋ยวนี้เป็นกันเยอะ เบาหวาน หอบหืด โรคแพ้ โรคอ้วน แล้วก็อีกหลายโรคทีเดียว
เพราะฉะนั้นในตอนที่เราพบแล้วว่าพวกจุลชีวัน หรือแบคทีเรียในท้องของเรา โดยเฉพาะท้องของเด็กแรกคลอด สำคัญมากเลย โดยเฉพาะในช่วงปีแรก ผ่านช่วงนั้นไปแล้ว แม้ว่าจะเติมจุลชีวันดีๆ เข้าไป ก็มีผลน้อยแล้ว จุลชีวันพวกนี้ไม่ได้แค่ช่วยป้องกันโรคนานาชนิดอย่างที่ว่า ยังช่วยในการย่อย การดูดซึมสารอาหาร เพราะว่ามันมีสารอาหารนานาชนิดเลยที่เรากินเข้าไปแล้วร่างกายเราย่อยเองไม่ได้ จุลชีวันพวกนี้ก็ทำหน้าที่ย่อย แล้วเกิดวิตามินขึ้นมา
วิตามินหลายชนิด เราสร้างเองไม่ได้ เเล้วก็ไม่สามารถจะได้จากการกินอาหาร หรือว่าไม่พอ ต้องอาศัยจุลชีวันในท้องของเราที่ช่วยสร้างขึ้นมาจากการย่อยอาหาร เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาจึงเห็นความสำคัญแล้วว่า เด็กไม่ใช่ว่าเฉพาะกินอาหาร หรือได้รับสารอาหารจะ เพียงพอเท่านั้น ต้องมีหลักประกันว่าในท้องของเด็ก โดยเฉพาะในกระเพาะ ในลำไส้ มีพวกจุลชีวันพวกนี้ หรือว่าเชื้อดีอยู่ด้วย เพราะมันทำประโยชน์สารพัดเลย
ซึ่งมนุษย์เราก็เพิ่งรู้ เพราะแต่ก่อนเรานึกแต่ว่าพวกนี้คือเชื้อโรค แบคทีเรียคือเชื้อโรค ไม่นึกว่าจะมีเชื้อดีแล้วก็มีประโยชน์มากมายต่อสุขภาพของเรา
แล้วเมื่อเร็วๆ นี้ก็มีการค้นพบว่า เด็กที่ขาดอาหาร นี่เด็กโตแล้วนะ 5-6 ขวบ การขาดอาหารนี่ส่วนหนึ่ง หรือเหตุผลสำคัญเลย เกิดจากการขาดเชื้อดีนานาชนิดในท้อง เขารู้ได้อย่างไร เขาศึกษาจากเด็กแฝด
มีเด็กแฝดหลายคู่เลยทั้งๆ ที่กินอาหารอย่างเดียวกัน อยู่ในสิ่งแวดล้อมเดียวกัน ร่างกายก็ปกติเหมือนกันแต่เด็กคนหนึ่งสุขภาพดี เด็กอีกคนหนึ่งสุขภาพไม่ค่อยดีเหมือนกับเป็นเด็กขาดอาหารเลย เด็กขาดอาหารที่ว่าคือว่า พุงโร ท้องป่อง หรือว่ากล้ามเนื้อลีบ ตัวแคระแกร็น อาจจะไม่ชัดเจนเหมือนกับเด็กที่ขาดอาหารจริงๆ แต่ว่ามันมีความแตกต่างระหว่างเด็กแฝดสองคน
เขาพบว่า เด็กแฝดที่ร่างกายผ่ายผอม ทั้งๆ ที่ได้อาหารเหมือนกับเด็กอีกคนหนึ่ง เหมือนกับพี่น้องอีกคนหนึ่งเลย แต่ว่าผ่ายผอมเพราะว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่ามวลชีวัน ที่แตกต่างจากน้องหรือพี่ที่ร่างกายดี
มวลชีวันนี้แปลเอาง่ายๆ จากภาษาฝรั่งที่ว่าไมโครไบโอม พูดง่ายๆ คือว่า การที่เด็กแฝดคนหนึ่งสุขภาพไม่ดีทั้งๆ ที่ได้อาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน แต่ว่าปัญหาคือ มวลจุลชีวันไม่ดี ทำให้ไม่สามารถจะย่อยอาหารหลายชนิดให้เป็นประโยชน์กับร่างกายได้ ร่างกายก็เลยขาดสารอาหารบางชนิด ก็เลยผอม ก็เลยพุงโร หรือว่ากล้ามเนื้อลีบ
แล้วเขาทดลอง ให้ลองทำสูตรอาหารเป็นสูตรอาหารที่ทำพิเศษเลย ที่ไม่ได้เพียงแต่มีสารอาหารครบ แต่ว่ามีสารอาหารบางตัว ช่วยบำรุงพวกเชื้อดีในกระเพาะ ปรากฏว่าเด็กสุขภาพดีขึ้นเลย แต่ถ้าให้อาหารบางชนิด แม้ว่าจะมีสารอาหารครบ แต่ไม่ได้มีสารอาหารที่ไปบำรุงพวกมวลจุลชีวัน หรือว่าพวกเชื้อดีในกระเพาะ สุขภาพก็ไม่ได้ดีขึ้นเท่าไหร่
เพราะฉะนั้นตอนนี้เขาพบแล้วว่า การที่เด็กขาดอาหารในประเทศต่างๆ ในบังคลาเทศ ในปากีสถาน ในแอฟริกา ไม่ใช่เพียงเพราะว่าขาดสารอาหารที่จำเป็นต่อสุขภาพอย่างเดียว แต่เป็นเพราะยังขาดสารอาหารที่เป็นประโยชน์ต่อพวกมวลจุลชีวันด้วย
แต่ว่าจะทำให้มันจะกลับมาดีนี่ยากนะ เขาพบว่าทางที่ดีต้องป้องกันไม่ให้เกิดความบกพร่องทางด้านมวลจุลชีวันตั้งแต่ยังเล็กเลย เพราะถ้ามันบกพร่องไปแล้วนี่จะทำให้มันดีกลับมาเหมือนเดิมนี่ยาก
เพราะฉะนั้น การดูแลเด็กแรกคลอดหรือเด็กทารกนี่สำคัญมากว่าไม่ใช่แค่ให้สารอาหาร ให้มีน้ำนม แล้วมันจะพอ ต้องคำนึงถึงเรื่องของเชื้อดีในกระเพาะด้วย
นี่ก็ทำให้เราเห็นเลยว่าเวลานี้เราจะมองอะไรเหมาคลุมไม่ได้เลย เช่น มองว่าแบคทีเรียเป็นเชื้อโรคอย่างเดียวไม่ได้ ต้องมองแบบแยกแยะ ก็คือว่าเชื้อโรคก็มีเชื้อดีก็มี แล้วเชื้อดีก็ต้องรักษาไว้ แต่ว่าเราทำลายเชื้อดีในร่างกายเราโดยไม่รู้ตัว เช่น กินยาปฏิชีวนะอย่างพร่ำเพรื่อ การกินยาปฏิชีวนะพร่ำเพรื่อนี้ก็ทำให้เชื้อดีในร่างกายเราหมดนะ
หรือว่าอนามัยจัด เชื้อโรคนิดเชื้อโรคหน่อยก็ไม่กล้าแตะ ทั้งที่บางทีมันมีเชื้อดีด้วย เดี๋ยวนี้เขาก็เลยเริ่มมีการเติมเชื้อเข้าไปในร่างกาย กินนมเปรี้ยว หรือว่ากินสารบางอย่างที่ไปบำรุงเชื้อจุลชีวัน เดี๋ยวนี้เราต้องมองความจริงแบบแยกแยะมากขึ้น
อย่างแต่ก่อนเขาบอกโคเลสเตอรอลไม่ดี ตอนนี้ก็พบแล้วว่าคอเลสเตอรอลที่ไม่ดีก็มี ที่ดีก็มี เพราะฉะนั้นอันไหนที่ไม่ดีก็อย่าไปกิน อย่าไปเติม อันที่ดีก็ต้องเติมเข้ามาเยอะๆ
โลกนี้มันมีความซับซ้อนมาก มีความละเอียดลออที่เราจะมองคลุมไม่ได้ ต้องแยกแยะ อันนี้ก็รวมถึงคนสัตว์สิ่งของเหตุการณ์ต่างๆ ด้วย ที่แย่มันก็มีดี ที่ดีมันก็มีแย่เหมือนกันอันนี้ก็ต้องรู้จักพิจารณา.