พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2565
เดี๋ยวนี้ถนนหนทางก็แพร่ไปยังทุกหนแห่งทั่วหัวระแหงบางเส้นก็ตัดผ่านป่า อันนี้ไม่ว่าในเมืองไทยหรือว่าต่างประเทศ ป่าเป็นที่อาศัยของสัตว์นานาชนิดซึ่งโดยปกติแล้วมันก็เดินทางสัญจรกันไปเรื่อยๆ แต่พอมีถนนตัดผ่าน มันก็ต้องเดินข้ามถนนเพื่อไปอีกฝั่ง แล้วก็บ่อยครั้งโดนรถชนตาย อันนี้ไม่ว่าจะเป็นสัตว์เล็กหรือสัตว์ใหญ่ เช่น ช้าง
ที่ประเทศอเมริกาก็มีเหตุการณ์ทำนองนี้บ่อยๆ อย่างที่เกิดในป่าแห่งหนึ่งมีไก่งวงอยู่ฝูงหนึ่ง ไม่รู้ว่าเป็นไก่ที่เป็นสัตว์ท้องถิ่นหรือเปล่า แต่ว่ามันก็อยู่กันเยอะทีเดียว แล้วก็มีตัวหนึ่งที่คงสังเกตว่าสัตว์ที่ข้ามถนน ถูกรถชนตายบ่อยๆ แล้วพวกที่ตายก็อาจจะเป็นพวกพ้องของมันด้วย
อยู่มาวันหนึ่ง ไก่งวงฝูงนี้ต้องข้ามถนน ตัวนี้คงจะเป็นตัวหัวหน้า เขาทำยังไงจะให้พวกพ้องนี่ข้ามถนนอย่างปลอดภัย มันทำยังไงรู้ไหม ตัวหัวหน้านี่ก็ไปยืนขวางถนนเลย รถที่ผ่านมาต้องจอด ถ้าเป็นเมืองไทยไม่รู้ว่าจะจอดหรือเปล่า แต่ถ้าเป็นเมืองนอกนี่เขาก็จอดเลย เพราะว่ามีไก่งวงขวางถนน
ไก่งวงขวางทำไม ก็เพื่อเปิดทางให้พวกพ้องนี่เดินข้ามถนนโดยปลอดภัย มีคนถ่ายภาพเอาไว้ ไก่งวงแต่ละตัวๆ เดินข้ามถนนอย่างปลอดภัยโดยมีตัวหัวหน้ายืนขวางถนนนเอาไว้ รถก็จอดเป็นแถวยาว พอตัวสุดท้ายข้ามถนนเสร็จ ตัวหัวหน้านี้จึงค่อยเดินตามหลัง
นับว่าเป็นหัวหน้าที่น่านับถือมาก เป็นผู้นำที่เสียสละ รักพวกพ้อง แล้วก็พร้อมที่จะเสี่ยงตาย เพราะถ้ารถไม่หยุด ตัวนี้ก็ตายเป็นตัวแรก เหมือนกับตัวหนึ่งที่เคยตายมาแล้ว
สัตว์ตัวนี้มีความกล้า เป็นแบบอย่างของผู้นำที่มีความกล้า นอกจากนั้นก็มีความฉลาดด้วย คือรู้ว่าถ้าไปขวางถนนก็เท่ากับว่าเป็นการกันไม่ให้รถวิ่งผ่านได้ อันนี้ก็อาจจะได้สังเกตจากเหตุการณ์ที่อื่น ว่าพอมีคนยืนขวางถนน รถก็ต้องหยุด ก็เลยเอามาทำกับพวกพ้องของตัวเองบ้าง
เขารู้ได้ยังไงน่าสนใจมาก ทั้งที่เป็นไก่ นี่ทำให้นึกถึงอีกเหตุการณ์หนึ่ง ไม่ใช่ไก่ เป็นหมูชื่อลูลู่ อายุแค่ขวบเดียว เจ้าของรักมาก ก็เลี้ยงในบ้านเลย เลี้ยงเหมือนกับเลี้ยงหมา เจ้าของอายุ 70 กว่าเป็นคุณป้า
วันหนึ่งแกเกิดหัวใจวายขึ้นมาล้มลงไปเลย แต่ว่ายังพอมีสติแล้วก็ร้อง ลูลู่เห็นก็รู้ว่าอยู่ไม่ได้แล้วเจ้านายต้องการความช่วยเหลือก็เลยออกไปที่นอกบ้าน แต่ว่าประตูบ้านปิดนี่ ทำยังไง ก็ต้องอาศัยช่องที่เขาเอาไว้ให้หมาลอด
บ้านของฝรั่งนี้ก็จะมีประตูที่มีช่องเล็กๆ ให้หมาลอดเข้าลอดออก ลูลู่ก็พยายามออกทางช่องนั้น ซึ่งก็ไม่ใช่ช่องของมัน แต่มันก็ทำจนได้ทั้งที่ตัวมันอ้วน ออกไปข้างนอกเพื่ออะไรนะ เพื่อขอให้คนช่วยเหลือ มันรู้นะว่าเหตุการณ์แบบนี้ ต้องมีคนอื่นมาช่วยเจ้านายถึงจะรอด
แล้วจะเรียกคนมาช่วยเหลือได้ยังไง ลูลู่ไม่สามารถพูดภาษาคนได้ ทีแรกมันก็ไปร้องอยู่ริมถนน ร้องขอความช่วยเหลือ แต่รถนี่ไม่หยุดเลย มันทำยังไง มันเดินไปกลางถนนเลย แล้วมันไม่ได้ขวางถนนเปล่าๆ มันแกล้งนอนเอาขาชี้ฟ้า เหมือนกับว่าแกล้งทำเป็นตาย
ปรากฏว่ารถต้องหยุด รถหยุด อันนี้สำเร็จขั้นแรก ขั้นที่สองทำยังไงจะให้คนลงมาจากรถแล้วก็ไปเดินไปที่บ้านของเจ้าของ ก็ปรากฏว่ามีคนลงมาจริงๆ พอคนลงมาจากรถ ลูลู่นี้ก็พลิกตัวเลย แล้วก็เดินนำหน้าผู้ชายคนนั้น ผู้ชายคนนั้นก็เดินตามลูลู่ไป
ไปถึงบ้านของเจ้านาย แล้วผู้ชายคนนั้นก็เคาะประตูเรียกว่า หมูของคุณเป็นอะไรหรือเปล่า มันมานอนขวางถนนเอาไว้ ปรากฏว่าเจ้านายยังพอมีสติ ก็เลยตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ ก็ดีนะที่ไม่ได้ล็อกบ้านเอาไว้ ชายคนนั้นก็เลยเปิดประตูบ้านแล้วก็รีบเรียกรถพยาบาล ปรากฏว่าพาเจ้านายไปส่งโรงพยาบาลได้ทัน
หมอบอกว่า ถ้ามาช้า 15 นาทีคงตายแล้ว อันนี้เป็นวีรกรรมของหมูพันธุ์เวียดนาม จะเรียกว่าเป็นหมูป่าก็ได้ ตอนหลังเขาก็ให้เหรียญตรากับลูลู่ว่าเป็นสัตว์ที่ช่วยชีวิตเจ้าของไว้ได้ ฉลาด รู้ว่าจะหาคนมาช่วยเจ้าของได้อย่างไร แล้วก็ใช้วิธีเดียวกันนั่นคือทำตัวขวางถนน แต่ไม่ได้ยืนขวางถนนเหมือนไก่งวง มันนอนเลย ทำเป็นตายไม่รู้ไปเรียนรู้มาจากไหน วิธีนี้คงจะรู้จากโทรทัศน์นะว่าแกล้งนอนตายแล้ว รถจะหยุด
เมื่อเร็วๆ นี้ก็มีเหตุการณ์ที่คล้ายกัน คุณปู่อายุ 84 เกิดลื่นหรือล้มในห้องน้ำก็คงเป็นโรคหัวใจเหมือนกัน ก็นอนอยู่ประมาณ 10 กว่าชั่วโมง พอฟื้นขึ้นมาก็ปรากฏลุกไม่ได้ แล้วก็รู้ว่า ถ้านอนอย่างนี้ไปเรื่อยๆ ตายแน่ ต้องการความช่วยเหลือ แต่ว่าโทรศัพท์อยู่บนเคาน์เตอร์ บนโต๊ะซึ่งอยู่ห่างตัวเองไม่เท่าไหร่
เผอิญคุณปู่มีแมวชื่อฟลัฟฟี่ แกชอบคุยกับแมวตัวนี้ โดยเฉพาะเวลามีโทรศัพท์มา โทรศัพท์เสียงดังมีริงโทนดังก็บอก มีเสียงกระดิ่งมา ภาษาฝรั่งว่า ริงอะดิงๆ จนกระทั่งฟลัฟฟี่รู้นะว่าคำว่า ริงอะดิงนี่คือโทรศัพท์
แล้วตอนที่ปู่คนนี้ต้องการความช่วยเหลือ และรู้ว่าโทรศัพท์จะเป็นสิ่งที่จะช่วยชีวิตแกได้ แล้วจะเอาโทรศัพท์มาได้ยังไง ก็มีแต่แมวตัวนี้แล้วนะที่จะเป็นที่พึ่งได้ ก็เลยเรียกฟลัฟฟี่ “ฟลัฟฟี่ริงอะดิงๆ” ฟลัฟฟี่รู้นะว่าเจ้านายต้องการโทรศัพท์ ก็เลยเขี่ยโทรศัพท์ให้ตกลงมาจากโต๊ะ ตกลงมาที่พื้น แล้วก็เขี่ยโทรศัพท์ให้เจ้านายสามารถจะถือไว้ได้
เจ้านายก็เลยใช้โทรศัพท์เรียกหนึ่งเก้าหนึ่งหรือเก้าหนึ่งหนึ่ง ก็ปรากฏว่ามีคนมารับ พาไปโรงพยาบาลได้อย่างปลอดภัย สัตว์นี่แสนรู้ได้เพราะว่าการฝึก และพอฝึกได้มันก็ช่วยชีวิตได้ แต่คนเรานี่ถ้าไม่มีสัตว์ที่จะพึ่งพาอาศัยได้นี่ เราจะมีอะไรนะ
ก็มีใจนะ ใจนี่ก็เป็นที่พึ่งพาอาศัยได้สามารถช่วยทำให้เราปลอดภัยได้ โดยเฉพาะเวลาเกิดอันตราย เกิดไฟไหม้ หรือรถยางแตก ใจที่มีสติจะช่วยชีวิตเราไว้ได้ แต่ว่าใจยังมีสติได้ มันต้องฝึกนะ ฝึกให้มีสติ ฝึกให้มีความรู้เนื้อรู้ตัวบ่อยๆ
การฝึกให้จิตรู้ว่ากายกำลังทำอะไร คือรู้กายเคลื่อนไหว แล้วรู้ความคิดนึก เวลามีความคิดใดๆ เกิดขึ้นก็รู้ ไม่ปล่อยให้อารมณ์อกุศล เช่น ความกลัว ความโกรธ ครอบงำ ใจที่ขยันรู้แบบนี้ก็สามารถจะเป็นที่พึ่งพาอาศัยของเราได้ ช่วยให้เรารอดพ้นจากอันตรายได้ ไม่ใช่อันตรายจากภายนอกอย่างเดียวนะอันตรายจากภายในด้วย
สัตว์แสนรู้นี่มันต้องฝึกฉันใด จิตก็ต้องฝึกเหมือนกัน ฝึกให้ขยันรู้บ่อยๆ อยากรู้บ่อยๆ รู้กายรู้ใจจนกระทั่งสามารถจะรักษาใจให้ปลอดพ้นจากความกลัว ความตื่นตระหนก ซึ่งจะเปิดช่องให้ปัญญาเข้ามาทำงาน เจ็บป่วยก็ป่วยแต่กาย แต่ใจไม่ทุกข์ และใจที่เป็นสุขก็สามารถจะฉุดกายให้กลับมาดีขึ้นมาได้
แต่ถ้าไม่ฝึกใจไว้ อาจจะซ้ำเติมกายให้หนักขึ้น เกิดอันตรายก็ผลีผลามพาตัวไปตกอยู่ในอันตรายก็ได้ หนักขึ้น ฉะนั้นเราอาจจะไม่มีสัตว์แสนรู้ไว้ช่วย แต่ถ้าเรามีใจที่ฝึกไว้ดีแล้วก็จะช่วยเราได้ แต่ว่าใจอย่างนี้มันต้องขยันรู้บ่อยๆ ถึงจะเป็นที่พึ่งพาอาศัยได้อย่างแท้จริง.