พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 7 ตุลาคม 2565
พวกเราคงทราบดีว่า เมื่อวานนี้ได้เกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นที่หนองบัวลำภู เป็นเหตุการณ์ที่สะเทือนขวัญ ไม่ใช่เฉพาะคนในเมืองไทยเท่านั้น แต่เรียกว่าสะเทือนขวัญคนทั้งโลกเลย เพราะว่ามีการฆ่าหมู่ด้วยคนๆ เดียว คนที่ตายไปก็มีถึง 38 คนเป็นอย่างน้อย ในจำนวนนั้นก็มีเด็กถึง 24 คน เป็นเด็กเล็ก เด็กอ่อนในศูนย์เด็ก
แล้วคนที่ฆ่านั้นก็เป็นอดีตตำรวจที่ถูกปลด แล้วเจ้าตัวสุดท้ายก็ฆ่าตัวเองตาย แต่ก่อนที่จะฆ่าตัวเองตายก็ฆ่าลูก ฆ่าเมีย เหตุการณ์นี้ทำให้เกิดคำถามขึ้นมากมายในใจของผู้คน ก็คือว่าอะไรทำให้เขาทำอย่างนั้นได้ จิตใจเขาทำด้วยอะไรจึงโหดเหี้ยมอย่างนั้น แล้วทำไมเขาถึงไประบายความโกรธความรุนแรงกับเด็กที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ แล้วก็ส่วนใหญ่ก็กำลังนอนหลับด้วย
หลายคนคงมีคำถามว่าจะเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกหรือเปล่า ทำอย่างไรเหตุการณ์นี้จะเป็นเหตุการณ์ครั้งสุดท้ายในบ้านเมืองเรา มีคำถามต่อไปว่า แล้วรัฐบาลจะทำอย่างไรกับเหตุการณ์นี้ หรือป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก บางคนก็โยงไปถึงว่า นี่เป็นเพราะ ยาบ้ามันแพร่ระบาด ฆาตกรซึ่งตกอยู่ในอำนาจของยาบ้าก็เลยทำเหตุการณ์นั้น จะป้องกันไม่ให้ยาบ้าแพร่ระบาดได้อย่างไร หรือทำไมตำรวจที่ถูกปลดแล้วจึงมีอาวุธปืน
ก็มีคำถามมากมายในใจของผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็เป็นคำถามที่หาคำตอบได้ยาก อย่างน้อยก็ในเวลานี้ แต่มีคำถามหนึ่งที่เร่งด่วนกว่า แล้วก็สำคัญไม่น้อยก็คือว่า ทำอย่างไรจึงจะช่วยกันบรรเทาทุกข์ผู้ที่สูญเสีย พ่อแม่ที่สูญเสียลูกซึ่งก็มีจำนวนไม่น้อยเลย แล้วไม่ใช่พ่อแม่อย่างเดียว ปู่ย่าตายายแล้วก็รวมทั้งสามีที่สูญเสียคนรักซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ในศูนย์เด็ก เป็นพี่เลี้ยง เป็นผู้บริหาร
บางคนก็ยังมีท้องมีลูกอยู่ในครรภ์ คนที่สูญเสียนี้มีจำนวนไม่น้อยเลยนะ มีเป็นร้อยๆ เลย แล้วก็เป็นความสูญเสียที่รุนแรงมาก นี่คือผู้ที่เราควรจะสนใจ แล้วในฐานะที่เป็นเพื่อนมนุษย์ เราก็ควรจะนึกถึง รับรู้ถึงความทุกข์ของเขา ความเศร้าโศกแล้วก็รวมถึงความคับแค้น เฉพาะความเศร้าโศกอย่างเดียวก็บีบคั้นใจอย่างมาก
ทำอย่างไรเราจะช่วยบรรเทาความเศร้าโศกของเขาได้ สิ่งหนึ่งที่เราทำได้ ในฐานะที่เราอยู่ไกลก็คือแผ่อุทิศบุญกุศลไปให้กับผู้ที่จากไป ไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือว่าจะเป็นพี่เลี้ยง เป็นผู้บริหารศูนย์เด็ก เขาควรจะมีชีวิตที่ยืนยาวกว่านี้ แต่ว่าก็จากไปก่อนวัยอันควร เราก็แผ่อุทิศบุญกุศลที่เราได้บำเพ็ญในวันนี้ หรือในวันต่อๆ ไปให้กับเขา แล้วก็ส่งกำลังใจ ส่งเมตตาความปรารถนาดีให้กับผู้ที่สูญเสียซึ่งทุกข์ทรมานมากในเวลานี้ ถ้าเรานึกถึงเขา แล้วก็รับรู้ถึงความเศร้าโศกของเขา รับรู้ถึงความทุกข์ของเขา แล้วก็พยายามส่งใจไปช่วยเขา แม้ว่าระยะทางจะอยู่ไกล หรือแม้ว่าเราจะไม่รู้จักเขา แต่ว่าถ้าช่วยกันส่งกำลังใจไป เรียกว่าทั้งประเทศเลย ก็จะน่าจะมีผล
อย่างน้อยก็ทำให้เขาได้รับรู้ว่า เขาไม่ได้ทุกข์คนเดียว ไม่ได้เศร้าโศกคนเดียว หรือว่าไม่ได้ถูกปล่อยทิ้งคนเดียว แล้วถ้าเรามีทางที่จะช่วยเขาได้มากกว่านี้ ก็สมควรที่จะช่วยแต่ก็ต้องช่วยอย่างมีสติ แล้วก็ช่วยด้วยความระมัดระวัง เพราะว่าถ้าเราไม่ใส่ใจเพียงพอในความรู้สึกของเขา การช่วยของเราก็อาจจะทำให้เขาทุกข์มากขึ้น หรือว่าถ้าเราไม่ใส่ใจเลย เราสนใจแต่เรื่องของเราก็อาจจะไปซ้ำเติมเขา
อย่างมีผู้สื่อข่าวหลายคนก็ไปถามผู้ที่สูญเสียว่า รู้สึกอย่างไรกับการสูญเสีย นี่เป็นคำถามที่ไม่ควรถาม เพราะว่าเป็นการตอกย้ำซ้ำเติม แล้วในเวลานี้เขาควรจะมีเวลาที่จะอยู่คนเดียว อยู่กับคนที่เขารัก
ไม่ใช่ไปตอบสนองความอยากรู้อยากเห็นของสื่อมวลชน หรือว่าของใคร หรือแม้เราจะปรารถนาดี อยากจะช่วยเขา แต่ถ้าเราไปพูดไม่ถูก ก็อาจทำให้เขาเกิดความเศร้าโศกเสียใจ หรือโกรธแค้นมากขึ้น เช่น บอกว่าเออ เหตุการณ์ก็เกิดขึ้นไปแล้วผ่านไปแล้วอย่าไป คิดมาก คำแนะนำแบบนี้ไม่ช่วยเลย หรือบอกว่าคนเราเกิดมาแล้วก็ต้องมีตายมีจากไปมีสูญเสีย อันนี้ก็คงไม่ช่วย
หรือ แม้กระทั่งบอกว่าเขาไปดีแล้ว คำแนะนำแบบนี้ บางครั้งอาจจะมีประโยชน์ แต่ว่าในกรณีนี้ไม่ได้ช่วยเขาเลย อาจจะทำให้เขาแย่ บางทีเราไม่ต้องแนะนำอะไร ก็แค่อยู่ใกล้ๆ เขา รับรู้ถึงความทุกข์ของเขา แล้วก็ช่วยเขาดำเนินชีวิตประจำวันได้ หาอาหารให้เขา ดูแลบ้าน ทำความสะอาดให้เขา เพราะว่าคนที่กำลังสูญเสีย เขาไม่มีเรี่ยวแรงไม่มีกระจิตกระใจจะทำอะไรอยู่แล้ว นี่ยังดีกว่า ดีกว่าจะไปแนะนำอะไรต่างๆ ด้วยความปรารถนาดี ถึงบอกว่าเวลาเราจะช่วยใครก็ต้องเข้าใจ รับรู้ถึงความรู้สึกของเขา ใส่ใจ
ขณะเดียวกัน เหตุการณ์นี้ก็เป็นเครื่องเตือนใจเราว่า คนเราสามารถจะทำอะไรๆ ที่เลวร้ายก็ได้ คำว่าคนเรานี่ก็รวมถึงตัวเราด้วยนะว่า ตัวเรานี้ก็อาจจะกลายเป็นอื่น อาจจะถูกความโกรธ ถูกความแค้นครอบงำก็ได้ อาจจะไม่ถึงกับไปทำร้ายผู้คนขนาดนั้น
ที่จริงแค่ฆ่าคนคนเดียวก็รุนแรงหนักหนาพอแรงอยู่แล้ว แต่คนเราก็สามารถทำอย่างนั้นได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องกินยาบ้าเลยก็ได้ อย่างที่เราได้ยินข่าว สามีฆ่าภรรยา ภรรยาฆ่าสามี บางทีไม่ต้องใช้ปืนอะไร ใช้ไม้กอล์ฟตีจนตายก็มี หรือว่าพ่อฆ่าลูก ลูกฆ่าพ่อ เพื่อนฆ่าเพื่อน ด้วยเหตุผลต่างๆ กัน เกิดความหึงหวง ด้วยความโกรธแค้น หรือเพราะเรื่องมรดก เรื่องผลประโยชน์
แต่ไม่ว่าด้วยสาเหตุใด สุดท้ายก็มาอยู่ที่ความโกรธ แล้วความโกรธพอเกิดขึ้นแล้วมันทำให้คนเราลืมตัวทำในสิ่งที่เราไม่คิดว่าเราจะทำได้ แม้ยามปกติเราไม่คิดว่าเราจะทำอย่างนั้น แต่พอเราลืมตัวเกิดความโกรธขึ้นมานี่ ก็ทำอะไรได้ทั้งนั้น เพราะฉะนั้น ก็เตือนใจเราว่า เรามีสิ่งนี้อยู่ในใจนะ แล้วถ้าเราเตือนใจตัวเองว่าเรามีสิ่งนี้หรือด้านมืดอยู่ในใจมันก็ช่วยทำให้เราระมัดระวัง ไม่ปล่อยให้ด้านมืดที่ว่านี้ครองใจเรา
เมื่อตอนที่เกิดเหตุการณ์สิบเอ็ดกันยาที่ประเทศอเมริกา เมื่อยี่สิบเอ็ดปีที่แล้ว ก็มีผู้สูงวัย ชายชราคนหนึ่งก็สูญเสียลูกในเหตุการณ์นั้น แล้วก็เป็นคนเชื้อสายอินเดียนอเมริกันแล้วเขาก็เศร้ามาก ซึม หลานก็ไปถามว่า ตอนนี้ปู่เป็นยังไงบ้าง
ปู่ก็บอกว่า ในใจของปู่ตอนนี้มีหมาป่าสองตัวกำลังต่อสู้กัน ตัวหนึ่งเป็นหมาป่าสีขาว อีกตัวหนึ่งหมาป่าสีดำ ก็คือตัวดีกับตัวร้ายกำลังต่อสู้กันอยู่ เด็กก็เลยถามว่าแล้วตัวไหนชนะ ปู่บอกว่าเป็นตัวที่ปู่ให้อาหาร ตัวนั้นแหละจะชนะ
ตัวดำคืออะไร นั่นก็คือความโกรธ ความเกลียด ความพยาบาท ตัวดีตัวสีขาวคือ ความดี ความใฝ่ดี มีมโนธรรม รู้ผิดชอบชั่วดี
คนเราทุกคนก็มีหมาป่าสองตัวนี้อยู่ในใจ แม้ว่าจะเป็นคนดีมีศีลธรรม เป็นนักปฏิบัติธรรม ก็อย่าประมาทเพราะว่าหมาป่าตัวดำนี้ก็ยังอยู่ในใจเรา หรือว่าด้านมืด ถ้าเราเผลอเมื่อไหร่ไปให้อาหารมัน มันก็สามารถจะเอาชนะความใฝ่ดีในใจเราแล้วก็สามารถบงการให้เราทำสิ่งที่เลวร้ายที่เรานึกไม่ถึงก็ได้
เมื่อรู้เช่นนี้แล้ว เราก็พยายาม อย่าไปให้อาหารไอ้ตัวดำ หรือว่าด้านมืดในใจเรา ซึ่งเราก็อาจจะทำได้โดยการที่ไม่ไปรับรู้สิ่งที่มากระตุ้นด้านมืด ไม่ว่าจะทางตาทางหูทางจมูกทางลิ้น ถ้าเราดูแต่หนังที่กระตุ้นความรุนแรงในใจเรา ก็คือการให้อาหารด้านมืดหรือว่าหมาป่าตัวดำนั้น
หรือถ้าเราคิดแต่ในเรื่องลบเรื่องร้าย มันคือการให้อาหาร แต่จะดีกว่าถ้าเรารู้จักให้อาหารด้านสว่าง หรือว่าหมาป่าตัวสีขาว ทำความดี สร้างบุญ สร้างกุศล แล้วก็นึกในทางดีมีเมตตากรุณา รวมทั้งเติมสติ เติมความรู้สึกตัวเราไปเรื่อยๆ เพราะนี่คืออาหารชั้นยอดของมโนธรรมสำนึก หรือว่าคุณธรรมด้านบวกในใจเรา
ถ้าเราทำอย่างนี้ ก็จะทำให้โอกาสที่จะพลั้งพลาดพลั้งเผลอทำในสิ่งเลวร้ายที่เราต้องเสียใจในภายหลังก็คงเกิดขึ้นได้ยาก อย่าลืมว่าคนที่ใครๆ บอกว่าเป็นคนดีก็สามารถกลายเป็นฆาตกรได้ อย่างคนบางคนที่เป็นผู้บรรยายธรรมะ วันดีคืนดีก็ฆ่าลูกของตัวได้เพราะความโกรธที่ไม่อินังขังขอบ ไม่เอาใจใส่พ่อ มันเกิดขึ้นได้เสมอ
ฉะนั้นเหตุการณ์แบบนี้เราก็ต้องเอามาสอนใจตัวเราเองด้วยนะว่า ถ้าเราไม่ดูแลใจตัวเราเอง ด้านมืดในใจก็จะกำเริบแล้วก็สามารถจะครอบงำจิต เพราะมันสามารถพิชิตความใฝ่ดีในใจเรา ถึงตอนนั้นก็บงการเราทำอะไรก็ได้ ไม่ต้องฆ่าคน 30 กว่าคนหรอก แค่คนคนเดียวก็หนักหนาพอแรงอยู่แล้ว แล้วคนนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวเราก็ได้ ที่เรารักหรือเคยรัก
เรื่องนี้จึงเป็นเรื่องที่เอามาสอนใจตัวเราเองได้ ดีกว่าที่เราจะไปโทษคนอื่นแล้วประนามคนนั้นคนนี้ แต่เราเกิดความประมาทในตัวเรา