พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 30 กันยายน 2565
วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับหลายคน ทั่วประเทศเลยทีเดียว เพราะว่าเป็นวันที่จะเกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในชีวิต
หลายคนจะได้เลื่อนตำแหน่ง วันพรุ่งนี้หรืออาทิตย์หน้า จะได้เรื่องตำแหน่งที่สูงขึ้น เป็นหัวหน้าบ้าง เป็นผู้อำนวยบ้าง เป็นผอ. หรือเป็นอธิบดี หรือบางคนก็ได้เป็นปลัดกระทรวง บางคนก็ได้เลื่อนเป็นผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นนายอำเภอ ซึ่งก็เป็นความปรารถนาของข้าราชการส่วนใหญ่
จำนวนไม่น้อยจะได้เกษียณจากงานการ งานที่เคยทำทุกวัน หลายคนอาจจะรู้สึกเป็นภาระ รู้สึกเบื่อ เหนื่อย พอจากวันนี้ไปเรียกว่าปลอดพ้นจากภาระ ปลอดพ้นจากหน้าที่การงาน เป็นความใฝ่ฝันของคนจำนวนมาก นั่นหมายความว่า พรุ่งนี้หรือว่าตั้งแต่อาทิตย์หน้าไป แม้จะเป็นวันจันทร์วันอังคาร จะตื่นเมื่อไหร่ก็ได้ จะกินข้าวเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะว่าไม่ต้องไปทำงานแล้ว
หลายคนนึกถึงการไปเที่ยว ที่ตั้งใจว่าอยากจะไปเที่ยวที่นั่นที่นี่ แล้วก็ไม่ได้ไปสักที เพราะว่ายังติดงาน ยังรับราชการอยู่ นับแต่นี้ไปสามารถจะไปเที่ยวตามที่ต่างๆได้ ไปกับลูกหรือพาลูกไปต่างจังหวัดไปต่างประเทศบ้าง ก็สะดวกสบายแล้ว อยู่บ้านก็สามารถจะพักผ่อนได้เต็มที่ จะดูหนัง เล่นโทรศัพท์มือถือ โซเชียลมีเดีย ก็ทำได้สบาย รวมทั้งจะนอนเมื่อไหร่ก็ได้
ไม่มีใครมาสั่งให้เราทำอย่างนั้นอย่างนี้ ชีวิตเราจะปลอดเจ้านายแล้ว คนที่เป็นเจ้านายก็อาจจะไม่ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชลูกน้อง เพราะว่าไม่มีการงานให้ต้องรับผิดชอบแล้ว หลายคนรู้สึกเหมือนกับว่า นับแต่นี้ไปเป็นช่วงพักร้อน แล้วพักร้อนยาวเลย
แต่ให้ระวังเอาไว้เน้อ ว่าช่วงเวลาพักร้อนนี่จะไม่ยืนยาวเท่าไหร่หรอก เพราะว่าคนเราพอเที่ยวมากๆ แม้จะไปต่างจังหวัดไปต่างประเทศ แทบทุกเดือน ไปกิน ไปดื่ม ไปเที่ยว ไปเล่นตามสบาย แต่พอถึงจุดหนึ่งก็จะเริ่มเบื่อแล้ว เริ่มเบื่อ ส่วนใหญ่ก็ใช้เวลาไม่ถึงปีหรือสองปี ที่เคยกินสนุกสนาน กินดื่มเที่ยวเล่นช้อป ก็ค่อยๆจืดจาง
ไม่ต่างจากคนที่ดูหนังในช่วงล็อคดาวน์ ดูหนังซีรีย์ทั้งวันทั้งคืนเลย เพราะว่าไม่ต้องไปทำงาน เพราะล็อคดาวน์ ดูไปนานๆ ผ่านไป 2-3 เดือน เบื่อแล้ว ทั้งๆที่ยังมีอีกหลายเรื่องให้ดู ซีรีย์อีกมากมายที่น่าสนใจ แต่ว่าหลายคนเบื่อแล้ว
ช่วงพักร้อนของคนเกษียณก็เหมือนกัน มันจะอยู่ได้ไม่นาน สักปีสองปีอย่างมาก แล้วก็จะเริ่มเบื่อ หลังจากนั้นจะเริ่มเคว้งคว้างแล้ว เคว้งคว้างบ้างเปล่า เพราะว่าเริ่มจะตื่นไม่เป็นเวลา นอนไม่เป็นเวลา กินไม่เป็นเวลา ชีวิตนี้เรียกว่า ไม่มีระเบียบแบบแผนแล้ว แล้วยิ่งกว่านั้นคือว่า มันเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
สิ่งที่เคยคิดไม่สำคัญก็มีความสำคัญ เช่นความสัมพันธ์กับเพื่อน พอไม่ได้ทำงาน ก็เริ่มเกิดความเหินห่างจากเพื่อนๆ จากผู้คน เริ่มรู้สึกเหงาขึ้นมาแล้ว แล้วก็เริ่มรู้สึกว่าชีวิตนี้มันว่างเปล่า ไม่มีคุณค่า หงอยขึ้นมาเลย ช่วงนี้แหละที่จะทำให้หลายคนจะเริ่มรู้สึกเป็นทุกข์ขึ้นมา
ถ้าจะหลุดพ้นจากภาวะนี้ได้ ต้องรู้จักหาอะไรทำ ต้องหาอะไรทำ หลายคนเขาเริ่มแสวงหาแล้วว่า ฉันจะทำอะไรดี แล้วบางคนก็พบ บางคนได้พบว่า ไปเป็นจิตอาสาก็ดีเหมือนกัน ทำให้ชีวิตมีคุณค่า
อย่างมีผู้สูงวัยคนหนึ่ง ที่จริงอายุก็ไม่มากหรอก เกษียณมาได้ 2-3 ปี ไม่ได้เป็นข้าราชการ เป็นผู้จัดการธนาคาร ตอนที่เกษียณใหม่ๆ ก็มีความสุข ได้กินได้เที่ยวตามใจ แต่พอทำไปสัก 2-3 ปี เริ่มเบื่อแล้ว ไม่มีอะไรทำ ถ้าเป็นคนแก่สมัยก่อนหรือในชนบทก็เลี้ยงหลาน แต่นี่ลูกก็ไม่มีหลานให้เลี้ยง ว่างเปล่า เริ่มรู้สึกว่าชีวิตตัวเองไม่มีคุณค่า
ตอนหลังไปเป็นจิตอาสา ไปเป็นจิตอาสาให้กับมูลนิธิแห่งหนึ่ง ที่ทำงานก็ไม่ได้สะดวกสบายเท่าไหร่ ไม่ติดแอร์ แต่ว่าเริ่มมีความสุข ชีวิตมีความหมายขึ้นมา เขาถึงกับพูดว่า ผมคือขยะคืนชีพ ตั้งแต่มาทำเป็นจิตอาสา กลายเป็นขยะคืนชีพ คือก่อนหน้านี้รู้สึกว่าตัวเองเป็นขยะ ไม่มีคุณค่า แต่พอได้ทำงานที่เป็นประโยชน์กับส่วนรวมแล้ว รู้สึกมีชีวิตชีวาขึ้นมา ก็เลยกลายเป็นขยะคืนชีพ
บางคนเขาพบว่า งานที่เขาชอบงานที่เขารักคืออะไร มีอาจารย์มหาวิทยาลัยคนหนึ่ง จบดอกเตอร์ทางด้านรัฐศาสตร์ สอนหนังสือมาจนเกษียณ 30 ปี พอออกจากราชการเขาพบว่า เป็นโอกาสที่เขาจะได้ทำสิ่งที่เขารัก ใฝ่ฝันมาตั้งนานแล้ว แต่ไม่ได้ทำสักทีเพราะรับราชการ
สิ่งที่เขารักคืออะไร คือการปลูกป่าปลูกต้นไม้ในบ้าน มีที่ดินส่วนตัวอยู่ต่างจังหวัด พอใกล้เกษียณก็เก็บสะสมต้นไม้นานาชนิด แล้วค่อยทยอยปลูก พอเกษียณปุ๊ปก็ย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด ก็ปลูกต้นไม้
แล้วตอนหลังเห็นว่า ต้นไม้มีคุณค่ามาก แม้แต่ใบก็เอามาใช้ทำผ้าพิมพ์ได้ เกิดความคิดเอาใบไม้มาทำเป็นผ้าพิมพ์ เรียกว่าผ้าพิมพ์ลายใบไม้ มีความสุขมากเลย กลายเป็นว่าพบชีวิตใหม่ในวัยเกษียณ พบชีวิตใหม่เมื่ออายุ 70 เพราะว่าได้ทำสิ่งที่ตัวเองรัก
คนที่เกษียณแล้วต้องถามตัวเองว่า เรามีงานอะไรที่เรารักไหม หลายคนไม่มีโอกาสได้ทำตอนรับราชการหรือตอนทำงาน ตอนนี้เป็นโอกาสดีแล้ว ถ้าใครยังไม่รู้ว่าตัวเองมีงานที่ตัวเองรักอะไรบ้าง ลำบากแล้วนะ ถ้าไม่รู้ว่างานอะไรที่ตัวเองรัก อย่างน้อยก็ต้องแสวงหาแล้ว
บางคนสอนหนังสือ เปิดคอร์สเพราะว่ามีความรู้เยอะ มีทักษะ ไม่เคยเป็นครู แต่ว่ามีความรู้มีทักษะก็เปิดสอน ปรากฏว่าไปได้ดี มีความสุขมาก ค่าตอบแทนก็ไม่มาก แต่ว่ามีความสุข เพราะว่ามันมีความหมาย ชีวิตแต่ละวันมีความหมาย แล้วก็มีความสัมพันธ์ด้วย ความสัมพันธ์ที่ก่อตัวขึ้นมา แทนที่จะอยู่บ้านคนเดียวดูหนัง ได้ออกไปเจอผู้คน หลายคนเกษียณแล้วจึงพบชีวิตใหม่ ได้พบงานที่ตัวเองรัก
อายุ 50-60 ปีบางทียังไม่รู้เลยว่า งานที่ตัวเองรักคืองานอะไร มาเจอตอนเกษียณแล้ว แต่ถ้าใครไม่พบนี่ก็จะลำบาก เพราะว่าชีวิตจะเคว้งคว้างมาก ความสัมพันธ์ก็ห่างเหิน ความสุขก็ลดน้อยลง ความหมายของชีวิตก็หาไม่เจอ
สำหรับคนที่ได้เลื่อนตำแหน่ง เดือนหน้าอาทิตย์หน้าก็มีตำแหน่งที่สูงขึ้น อย่าไปเพลิดเพลินกับความสุขหรือตำแหน่งที่มี เพราะว่าถึงวันหนึ่งก็ต้องหลุดจากตำแหน่งนั้นไป วันนี้ได้เป็นอธิบดี เป็นปลัดกระทรวง เป็นผู้ว่า เป็นนายอำเภอ แต่ว่าวันหน้าก็จะต้องหลุดจากตำแหน่ง
ตำแหน่ง การเลื่อนตำแหน่งกับการหลุดจากตำแหน่งมันคู่กัน ดีกับเสียเป็นของคู่กัน อย่าไปเหลิง อย่าไปเพลินกับตำแหน่งที่ได้ ให้เตือนใจตัวเองว่า มันเป็นของชั่วคราว ตำแหน่งนี่มันเป็นเหมือนหัวโขน
หลายคนไม่เตือนใจตัวเอง พอเกษียณ พ้นจากตำแหน่ง อธิบดี ปลัดกระทรวง ผู้ว่า ทุกข์มากเลย เคว้งเลย นี่เพราะว่าไปเพลิดเพลินกับตำแหน่งที่ได้ โดยที่ไม่ตระหนักว่า มันเป็นของชั่วคราว เป็นธรรมดาของโลกธรรม
เตือนใจตัวเองไว้ ว่าเมื่อวันที่หลุดจากตำแหน่งแล้ว เรายังสามารถจะใช้ชีวิตได้ อย่างมีความสุข มีความหมาย เอื้อเฟื้อเกื้อกูลคนเอาไว้ อย่าใช้อำนาจ เพราะว่าพอหลุดจากตำแหน่งแล้ว อาจจะไม่มีใครให้ความสนใจเราเลย เบือนหน้าหันหลังให้หมด เพราะว่าไม่ได้มีความรัก ไม่ได้มีความผูกพัน
อันนี้หลายคนเจอมาเยอะแล้ว ตอนเป็นผอ. ตอนเป็นอธิบดี ปลัดกระทรวง คนก็ล้อมหน้าล้อมหลัง เแต่พอหลุดจากตำแหน่ง เป็นประชาชนธรรมดา ไม่มีใครสนใจเลย อันนี้เพราะว่าไม่ให้ความรักผูกพันผู้คน ไม่ได้ใช้ความดีผูกพันผู้คน ใช้แต่อำนาจ พอหมดอำนาจก็ไม่มีใครสนใจ
อันนี้ก็เป็นข้อเตือนใจ ที่ต้องระลึกอยู่เสมอ ในช่วงที่ถึงวันที่เราใกล้จะเกษียณ.