แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อวานได้พูดไปแล้วนะว่า ตอนนี้กำลังมีเหตุการณ์สำคัญระดับโลกเกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่เรียกว่าชี้ชะตาอนาคตของโลกเลยทีเดียว นั่นก็คือการประชุมสุดยอดว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก
มีคนบอกว่า ถ้าการประชุมครั้งนี้ไม่ประสบความสำเร็จหรือประชุมไปแล้วไม่ทำตามข้อตกลง โลกนี้จะประสบหายนะแน่ เพราะว่าปรากฏการณ์โลกร้อนกำลังหนักขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เกิดปัญหาสารพัดที่มนุษย์เอาไม่อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นคลื่นความร้อน ไฟป่า ฝนแล้ง น้ำท่วม และอะไรต่างๆอีกมากมาย เขาศึกษาอย่างถี่ถ้วนรอบด้าน และเขาก็บอกว่าจะป้องกันไม่ให้โลกในอนาคตเกิดหายนะได้ ปี 2000 ก็คือ 80 ปีข้างหน้าจะต้องคุมอุณหภูมิของโลกไม่ให้สูงเกินกว่าเดิม 1.5 องศา
อันนี้หมายถึงอุณหภูมิเฉลี่ยของโลก ไม่ให้เกิน 1.5 องศาภายในปี 2000 หรืออีก 80 ปีข้างหน้า
จะทำอย่างนั้นได้ ภายใน 10 ปีนี้ จะต้องยุติการใช้ถ่านหินในการผลิตไฟฟ้า
และก็อีก 30 ปีข้างหน้าจะต้องยุติการใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงไม่ว่าขับรถ หรือว่าใช้ในโรงงานอุตสาหกรรม
รวมทั้งยุติการทำลายป่าภายใน 10 ปีข้างหน้าเลยทีเดียว
ขนาดทำขนาดนี้ คนยังบอกว่าทำช้าไป ยังน้อยไป แต่แม้ว่ามันยังน้อยไปสำหรับการป้องกันไม่ให้โลกกลายเป็นนรกในอีก 80 ปีข้างหน้า ก็ยังพบว่ามีอีกหลายประเทศยังไม่ยอม อย่างเช่นเรื่องของยุติการทำลายป่าใน 10 ปีข้างหน้า ก็มีหลายประเทศไม่ยอม เช่น บราซิล ซึ่งมีป่าเยอะมากก็ไม่ยอม หรือว่าให้ยุติการใช้ถ่านหินใน 10 ปีข้างหน้าก็มีแค่ 40 กว่าประเทศสัญญาว่าจะทำ ที่เหลือไม่ยอม รวมทั้งจีนและอเมริกาด้วย เพราะว่าถ่านหินเป็นพลังงานราคาถูก แล้วอีกอย่างหนึ่งหลายประเทศอาศัยรายได้จากการส่งออกถ่านหิน อันนี้ก็มีการวิพากษ์วิจารณ์กันมากว่าผู้นำประเทศต่างๆไม่เห็นแก่อนาคตของโลกทำไมจึงไม่ทำอะไรที่จะช่วยทำให้โลกพ้นจากวิกฤตได้
มันก็มีเหตุผลง่ายๆว่า นักการเมืองเหล่านี้ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี ประธานาธิบดี โดยเฉพาะนักการเมืองที่มาจากการเลือกตั้ง เขากลัวเสียคะแนนเสียงถ้าเขารับปากหรือว่าตัดสินใจใช้มาตรการที่เฉียบพลันในการแก้ปัญหาโลกร้อน ประชาชนก็จะไม่พอใจ เพราะว่าถ้างดใช้ถ่านหิน ไฟฟ้าก็อาจจะขึ้นราคา ถ้างดใช้น้ำมัน การโดยสาร การเดินทางก็จะลำบาก หรือว่าถ้ายุติการทำลายป่า การพัฒนาอุตสาหกรรม การพัฒนาเกษตรกรรม การสร้างเขื่อน การสร้างถนนก็จะทำได้ยาก เขามองว่าเป็นการขัดขวางการพัฒนาเศรษฐกิจ
เพราะฉะนั้น ถ้าเกิดว่านักการเมืองหรือผู้นำเหล่านี้ทำตามมาตรการผู้รู้แนะนำ ก็อาจจะไม่ได้รับการเลือกตั้งในสมัยหน้า รู้ทั้งรู้ว่า ถ้าไม่ทำอะไรเลย หรือทำเพียงเล็กน้อย จะเกิดปัญหาอะไรขึ้นกับโลกกับเยาวชนรุ่นหลัง แต่ว่ากลัว จะไม่ได้มีอำนาจเหมือนเมื่อก่อน กลัวจะไม่ได้รับการเลือกตั้ง
แต่ที่จริงจะไปว่าจะไปโทษนักการเมืองอย่างเดียวก็ไม่ได้ เพราะว่าประชาชนที่เลือกเขาเข้ามาก็เหมือนกัน ก็มีความคิดว่าถ้าทำตามมาตรการต่างๆเพื่อแก้ปัญหาโลกร้อน ชีวิตความเป็นอยู่จะลำบาก และที่สำคัญก็คือว่าการทำมาค้าขายก็จะไม่สะดวกสบายเหมือนเมื่อก่อนเพราะว่าเศรษฐกิจอาจจะชะงัก เงินทองก็จะมีน้อยลง อันนี้เรียกว่าเพราะความเจริญจะไม่รุดหน้าเหมือนเมื่อก่อน อาจจะต้องเสียภาษีมากขึ้น คนเหล่านี้เขาก็ไม่ยอมที่จะสละความสุขสบายส่วนตัวในวันนี้ ทั้งๆที่รู้ว่าทำแล้ววันหน้าก็จะมีความทุกข์น้อยลง
แต่ว่าคนเราส่วนใหญ่ ไม่ใช่เฉพาะนักการเมือง มักสนใจหรือให้น้ำหนักกับความสุขในวันนี้มากกว่า สุขในวันนี้มีเงินใช้สอยสะดวกสบาย หรือว่ามีเงินไหลมาค้าคล่อง ส่วนวันหน้าจะเป็นอย่างไรฉันไม่สนใจ ก็เหมือนกับคนที่ติดเหล้าติดบุหรี่ เขารู้ว่าถ้าเขาเลิกเหล้าเลิกบุหรี่ โรคภัยไข้เจ็บในวันหน้าโรคมะเร็งถุงลมโป่งพองโรคปอดจะไม่มาคุกคาม รู้ทั้งรู้ แต่ว่าไม่ยอมเลิก
เพราะว่าถ้าเลิกเหล้าเลิกบุหรี่แล้วทรมาน ฉันไม่อยากเจอความทรมานเพราะการลงแดง ฉันอยากจะสบาย เสพแล้วมันเคลิ้ม รู้ทั้งรู้ว่าทำแล้วอนาคตจะเป็นอย่างไร จะลำบากแค่ไหน แต่ว่าก็ไม่ยอมเพราะว่าธรรมชาติของมนุษย์ส่วนใหญ่หวังความสบายวันนี้แม้ว่าวันหน้าจะลำบาก คนที่รู้ว่าออกกำลังกายวันนี้แม้ว่าจะเหนื่อยจะยากแต่ว่าวันหน้าจะสบาย ถ้าขี้เกียจเอาแต่นั่งๆนอนๆ สบายก็จริงแต่จะลำบากในวันหน้า
หรือกินอาหาร ถ้ากินอาหารที่ไม่ตามใจปากไม่ใช่หวานมันเค็มเปรี้ยว หรือว่ามีไขมัน น้ำตาลเยอะๆมันก็จะช่วยเลี่ยงปัญหาโรคภัยไข้เจ็บได้ แต่ว่าก็ไม่ทำ ฉันขอสบายก่อน ปฏิบัติธรรมก็เหมือนกัน ก็รู้ว่าลำบากวันนี้วันหน้าจะสบาย จิตใจโปร่งโล่งผ่องใส มีสติมีปัญญา แต่ฉันก็ขอสบายวันนี้ก่อน อันนี้ก็เป็นอย่างนี้แหละ และยิ่งมาพบว่าความลำบากที่จะเกิดขึ้นในวันหน้า มันไม่ได้เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่เกิดขึ้นกับลูกหลานหรือยุวชน ยิ่งไม่สนใจใหญ่
ตอนนี้เขาพบว่าถ้าหากไม่ทำอะไรหรือทำน้อยกว่าที่เขาเสนอมา เด็กรุ่นหลังจะลำบากแน่ เขาบอกว่าเด็กที่เกิดในวันนี้ ปีนี้ ถ้าหากว่าปล่อยให้โลกร้อนไปเรื่อยๆนี้ สิ่งที่เด็กรุ่นนี้จะต้องไปเจอคือ
ตอนนี้เขาพบว่าถ้าหากไม่ทำอะไรหรือทำน้อยกว่าที่เขาเสนอมา เด็กรุ่นหลังจะลำบากแน่ เขาบอกว่าเด็กที่เกิดในวันนี้ ปีนี้ ถ้าหากว่าปล่อยให้โลกร้อนไปเรื่อยๆนี้ สิ่งที่เด็กรุ่นนี้จะต้องไปเจอคือ
ต้องเจอกับคลื่นความร้อนมากกว่ารุ่นผู้ใหญ่ตอนนี้หรือคนรุ่นนี้ 7 เท่า
ต้องเจอไฟป่ามากกว่ารุ่นผู้ใหญ่ตอนนี้ 2 เท่า
ต้องเจอฝนแล้ง น้ำท่วมมากกว่ารุ่นผู้ใหญ่ตอนนี้ 3 เท่า อันนี้เฉลี่ย
แต่เด็กแอฟริกาจะหนักกว่านั้น จะต้องเจอกับคลื่นความร้อนมากถึง 50 เท่าของผู้ใหญ่ในปัจจุบัน
สิ่งที่ผู้ใหญ่ทำในวันนี้หรือไม่ทำในวันนี้ เด็กในวันหน้าจะต้องรับกรรม หรือว่าเยาวชนในวันนี้จะต้องรับกรรมไปตลอดชีวิตเลย แต่ว่าผู้ใหญ่ก็รู้ว่า กว่าโลกจะเป็นอย่างไร ฉันก็ตายไปแล้ว ฉันไม่สนใจ ฉันขอสุขสบายวันนี้ มีกินมีใช้ มีเสพได้สบาย วันหน้าจะเป็นอย่างไรหรือว่าคนรุ่นหลังจะเป็นอย่างไร ฉันไม่สนใจ อันนี้คือทัศนคติของคนจำนวนมาก
เพราะฉะนั้น จะไปโทษนักการเมืองก็ไม่ได้ เพราะว่านักการเมืองก็ต้องทำตามความเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ ในเมื่อประชาชนส่วนใหญ่คิดแบบนี้ ขอสุขวันนี้ก่อน วันหน้าเป็นอย่างไร ฉันไม่สนใจ มันก็เลยต้องเกิดผลอย่างที่เห็น
อันนี้ก็เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากแล้วจะไปโทษใครได้ นอกจากโทษตัวเรากันเอง ที่ช่วยกันทำให้โลกมาถึงวันนี้ได้ แล้วก็จะเลวร้ายยิ่งกว่านี้ในวันหน้า
- วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 6 พฤศจิกายน 2564