แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ที่ทวีปอเมริกาเหนือ ประเทศแคนาดา สหรัฐอเมริกา มีสัตว์ชนิดหนึ่ง เรียกว่าวัวไบซัน รูปร่างกึ่งกลางระหว่างวัวกับควาย วัวไบซันมีความสำคัญต่อชีวิตของคนอินเดียนแดงมานับหมื่นปีแล้ว เพราะว่านอกจากชาวอินเดียนแดงจะอาศัยเนื้อเป็นอาหารแล้ว ก็ยังอาศัยหนัง อาศัยกระดูก อาศัยเส้นเอ็นเพื่อทำเป็นที่พักอาศัย เครื่องนุ่งห่ม เครื่องมือรวมทั้งอาวุธด้วย คือทำลูกดอก หรือว่าธนู วัวไบซันตัวมันใหญ่มากเลย
คนอินเดียนแดงสามารถที่จะล่าสังหารวัวไบซันได้อย่างไร โดยเฉพาะในสมัยที่ไม่มีปืน เพราะปืนมาทีหลัง มันมาพร้อมกับคนผิวขาว คนอินเดียนแดงมีแต่ธนู แล้วก็มีดซึ่งไม่ระคายผิวของวัวไบซัน แต่ชาวอินเดียนแดงสามารถที่จะสังหารวัวไบซันได้คราวหนึ่งไม่ใช่ตัวสองตัว เป็นร้อยเป็นพันเลย เขาทำได้ยังไง โดยที่ไม่ได้ใช้แม้กระทั่งอาวุธ
วิธีการก็คือว่า เวลาวัวไบซันหากินบริเวณใกล้ๆกับหน้าผา เวลาหากินมันอยู่กันเป็นฝูง ฝูงหนึ่งก็เป็นพันตัว อาจจะถึงหมื่นตัวก็ได้ แล้วก็กินหญ้าอยู่เพลินๆ มนุษย์เรา ชาวอินเดียนแดงนี้จะซุ่มเงียบแล้ว ก็ล้อมฝูง ที่ด้านหลัง แล้วก็ด้านข้าง
ขณะเดียวกัน ก็ส่งหน่วยกล้าตาย เอาหนังวัวไบซันมาห่มคลุม คือปลอมตัวหรือพรางกายเป็นวัวไบซันแอบซุ่มไปอยู่ข้างหน้าวัวไบซัน คือระหว่างฝูงวัวกับหน้าผา ปลอมตัวเป็นพวกเดียวกับมัน
พอได้จังหวะ คนที่อยู่ข้างหลังหรือข้างๆ ก็จะส่งเสียงโห่ร้องตีเกราะเคาะไม้ วัวไบซันกลัวตกใจ ก็พอดีในจังหวะนี้ คนที่ปลอมตัวเป็นวัวไบซันนี้ ก็จะเริ่มออกวิ่งเป็นตัวแรก หรือคนแรก วัวที่อยู่ใกล้ๆกัน พอมันเห็นเพื่อนของมัน ซึ่งที่จริงมันไม่รู้หรอกนะว่าเป็นคน มันนึกว่าเป็นเพื่อนด้วยกัน เห็นเพื่อนมันออกวิ่ง มันก็วิ่งตาม ตัวที่ 1 วิ่งตาม ตัวที่ 2 ก็วิ่งตาม ตัวที่ 3, 4, 5 ก็วิ่งตาม สุดท้ายก็วิ่งตามกันทั้งฝูงเลย ด้วยความแตกตื่น
ส่วนคนที่ปลอมตัวเป็นวัวไบซันก็วิ่ง จนกระทั่งพอใกล้ถึงหน้าผา ก็กระโดดลงหน้าผาเลย แต่ว่ามีเชือกผูกเอาไว้แล้ว พอโดดลงหน้าผาแล้ว ก็โหนอยู่กับเชือกอย่างนั้น ไม่ได้ตกไปหน้าผา ตรงข้ามกับวัวนับพันนับหมื่น มันวิ่งไปที่หน้าผา ตามตัวล่อไป
เสร็จแล้ว พอมันไปถึงหน้าผา มันก็เบรคไม่ทันแล้ว มันก็ตกหน้าผา ตัวอื่นก็วิ่งตาม ก็ตกหน้าผาตามไปด้วย ก็ตายยกฝูงเลย พอถึงตอนนี้ คนซึ่งรออยู่ ก็จัดการเอาเนื้อ แล่เนื้อเถือหนัง เอากระดูกมา ทำอย่างนี้ได้อาหาร แล้วก็ได้วัตถุดิบตลอดทั้งปีเลย นี่เป็นวิธีการที่ฉลาดมาก
เพราะว่าธรรมชาติของวัว มันชอบทำอะไรตามๆกัน เขาเรียกว่าสัญชาตญาณหมู่ ตอนที่มันแตกตื่นเพราะมีเสียงตีเกราะเคาะไม้ มันไม่สังเกตว่าเป็นมนุษย์ มันไม่ใช่วัวไบซัน ไม่ใช่เพื่อนของมัน มันเห็นเขาวิ่งนำไป มันก็วิ่งตามไป สุดท้ายมันก็ตายยกฝูง อันนี้เป็นธรรมชาติของวัวที่มันทำอะไรตามๆกัน
ซึ่งที่จริงแล้ว สัญชาตญาณของมันก็ไม่ได้มีกับวัวเท่านั้น คนก็มี เราก็ได้ข่าวบ่อยๆ เวลาดูหนัง เกิดไฟไหม้ขึ้นมา มีคนตะโกนไฟไหม้ แล้วก็มีใครสักคนออกวิ่งหนี คนอื่นก็วิ่งตามไปด้วยโดยไม่รู้ว่าที่วิ่งไป มันจะพาไปไหน บางทีก็ตายยกหมู่เลย เพราะว่าทางตัน คนที่ไม่วิ่ง ที่มีสติ อาจจะอยู่รอดปลอดภัยก็ได้ เพราะว่าเขาอาจจะเห็นทางที่จะพาตัวเองออกจากอาคารที่กำลังไปไฟไหม้ได้
ไม่ใช่ว่าไฟไหม้เท่านั้น เวลาเจอหุ้นเทขาย เราสังเกตไหม แมงเม่าก็บินเข้ากองไฟ เพราะว่ามีใครบางคน แกล้งขายหุ้น แล้วพอมีหลายคนขายหุ้นคนหนึ่ง ก็ขายหุ้นตามไป เรียกว่าเทกันไปเลย หุ้นก็เลยตก มันก็กลายเป็นโอกาสของคนบางคนที่จะช้อนหุ้น ซื้อถูกๆ ก็เรียกว่าตกเป็นเครื่องมือของพวกมิจฉาชีพ ซึ่งก็อาศัยสัญชาตญาณหมู่ของผู้คน โดยมีตัวล่อ
แต่ในยามปกติ แม้จะไม่มีความตื่นตกใจ คนเราก็ทำตามๆกันอยู่แล้ว อย่างวัยรุ่น เวลาอยู่กันเป็นแก๊ง ใครคนหนึ่งทำ อีกคนก็ทำตาม หรือว่าถ้าหลายคนทำ อีกคนก็ทำตามด้วย โดยเฉพาะสมาชิกใหม่เขายกพวกไปตี ก็ไปตีกับเขา ทั้งๆที่ไม่ได้รู้จักกับอีกฝ่ายหนึ่งเลย มีวัยรุ่นบางคน เห็นเพื่อนเขากล้าหาญชาญชัย ตัวเองก็อยากทำบ้าง คว้าปืนมา เจอคนแรกก็ยิงเลย ทั้งที่ไม่รู้จัก แล้วก็ไม่ได้เกลียดชัง เพราะว่าเห็นคนอื่นเขาทำ ตัวเองก็ทำบ้าง ก็เลยติดคุกติดตะราง หมดอนาคตไป
แต่ไม่ใช่วัยรุ่นเท่านั้นที่คะนอง บางทีผู้ใหญ่ คนทั่วไป หรือแม้กระทั่งผู้ปฏิบัติธรรมก็ทำตามๆกัน หรือว่าสมัยนี้ การแชร์ก็ดี การส่งต่อข้อมูลก็ดี เดี๋ยวนี้ก็ทำตามๆกัน เห็นเพื่อนแชร์ ตัวเองก็แชร์บ้าง เห็นเขาส่งมา เราก็ส่งไปบ้าง ไปให้คนอื่นต่อ อันนี้เป็นพฤติกรรมหมู่ที่ทำกัน โดยที่ไม่ได้อ่าน ไม่ได้ไตร่ตรองเลยว่า ที่แชร์ไป มันจริงหรือเปล่า
บางทีอ่านอยู่บ้าง เกิดความตื่นตระหนกตกใจ ก็รีบๆแชร์ ไม่ว่าจะเป็นข้อมูลเกี่ยวกับไวรัส ข้อมูลเกี่ยวกับ covid หรือแม้กระทั่งข้อมูลเกี่ยวกับศาสนาอื่น หรือเกี่ยวกับการเมืองกลุ่มอื่น ก็แชร์ๆกันไป ทำตามๆกันไป อาจจะหวังดี หรืออาจจะเป็นเพราะว่าเชื่อว่าเพื่อนที่แชร์มาให้เรา นี่มันคงถูก โดยที่ไม่รู้เลยว่าที่เพื่อนแชร์มานี้ เขาก็ไม่ได้อ่านเหมือนกัน
อันนี้เรียกว่าพฤติกรรมหมู่ มันก็เกิดจากสัญชาตญาณหมู่ ที่ทำตามๆกัน มันจึงทำให้ข่าวลือแพร่ระบาดไปไกล บางทีก็ถึงกับเกิดความเสียหาย เกิดการรุมทำร้ายกัน เพราะว่าข้อมูล มันมีการใส่ร้ายป้ายสี เราต้องระวังเลย
ธรรมชาติของคน เรียกว่าทุกคนเลยก็ได้ มีสัญชาตญาณที่จะทำตามๆกัน โดยที่ไม่ค่อยได้ไตร่ตรองเท่าไหร่ แล้วก็ไม่ได้เป็นเฉพาะวัยรุ่นที่คึกคะนอง ผู้ใหญ่ คนเฒ่าคนแก่ก็เป็นกันเยอะ โดยเฉพาะการแชร์ข้อมูลที่มันหวือหวาดราม่า อันนี้คือเหตุผลที่พระพุทธเจ้าเตือนเอาไว้ในกาลามสูตร
อย่าเชื่อเพียงเพราะฟังตามๆกันมา อย่าเชื่อเพียงเพราะถือสืบๆกันมา หรือทำตามๆกัน อย่าเชื่อเพราะเสียงเล่าลือ 3 ข้อนี้เป็นจุดอ่อนของคนมาก ใครเขาพูดอะไรกัน เล่าลือกัน หรือทำตามๆกัน เราก็ทำตามๆบ้าง ใครกระซิบเรื่องนั้นเรื่องนี้มาให้เราได้ฟังหลายหู เราก็เชื่อ แล้วเราก็ไปเผยแพร่อีกต่อหนึ่ง
กาลามสูตรโดยเฉพาะ 3 ข้อนี้ที่ยกมานี้ ที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนมา 2600 ปีแล้ว ก็ยังใช้ได้ทุกวันนี้เลย โดยเฉพาะในยุคนี้ที่ผู้คนทำตามอะไรกันง่ายๆ เพราะว่าข้อมูลข่าวสารมันถึงเร็ว และบางทีก็ไม่ได้แค่ทำตามกันอย่างเดียว บางทีก็ช่วยเผยแพร่ช่วยส่งต่อกันไปไกลด้วย
อันนี้เราต้องระวังมาก ต้องมีสติ จะแชร์อะไร จะส่งต่ออะไร ไตร่ตรองสักหน่อยว่าจริงไหม อย่างน้อยก็อ่าน อ่านแล้วก็ไตร่ตรอง แล้วถ้าเช็คถ้าสอบทานด้วยก็ยิ่งดี อันนี้ก็จะทำให้การตกเป็นเครื่องมือของการแพร่ข่าวลือ หรือตกเป็นเครื่องมือของตัวล่อ ที่หวังประโยชน์จากการเชื่ออะไร หรือทำตามกันเป็นยกฝูง ก็มีน้อยลง
มันก็มีคนเหล่านี้ที่คอยที่จะหลอกเรา บางทีก็เป็นพวก 18 มงกุฎ หลอกให้คนซื้อแชร์ลูกโซ่ คนก็ทำตามๆกัน ซื้อข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ใครเขาซื้อกันเราก็ซื้อตามบ้าง เราก็เลยตกเป็นเครื่องมือของเขา อันนี้เป็นสิ่งที่ต้องระวังให้มาก โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่คนไม่ค่อยมีเวลา ไม่ค่อยมีสติที่จะไตร่ตรองอะไร
- พระไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 20 ตุลาคม 2564