แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เป็นวันสำคัญวันหนึ่งของพวกเราชาวไทย เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 การสวรรคตของพระองค์เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดเหตุการณ์หนึ่งของประเทศในช่วงหลายปีที่ผ่านมา แล้วก็เป็นเหตุการณ์สำคัญที่สุดอย่างหนึ่งในความรู้สึกของคนไทยจำนวนมากทั้งประเทศเลย เพราะว่าพระองค์เป็นที่เคารพเทิดทูนของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไป 5 ปีแล้ว แต่ว่าความเศร้าโศก ความอาลัยอาวรณ์ก็ยังมีอยู่ในจิตใจของผู้คนเป็นจำนวนมาก
มันก็เป็นธรรมดา คนที่เรารัก เคารพหรือว่าเทิดทูนเมื่อจากไป ก็ย่อมมีความเศร้าโศกเสียใจเป็นธรรมดา แม้เวลาผ่านไปหลายปี ก็ยังมีความอาลัยอาวรณ์อยู่ แต่ว่าถ้าเราจบที่ความรู้สึกที่ว่าเพียงเท่านั้น มันก็ไม่เกิดประโยชน์อะไร อย่างที่พระพุทธเจ้าตรัสว่า การร้องไห้ก็ดี ความเศร้าโศกก็ดี ความร่ำไรรำพันก็ดี ต่อผู้ที่จากไป บุคคลไม่ควรทำเลยทีเดียว เพราะการทำเช่นนั้น ไม่ได้เป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ล่วงลับ
จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ที่ล่วงลับควรทำอย่างไร ส่วนหนึ่งก็คือเรามาบำเพ็ญบุญกุศล ถ้าเป็นบุพการีของเรา เราก็ทำบุญถวายสังฆทาน อุปถัมภ์บำรุงพระสงฆ์และพระพุทธศาสนา แต่ว่าเราสามารถทำได้มากกว่านั้นกับผู้ที่เราเคารพซึ่งแม้จะไม่ใช่เป็นพ่อแม่ หรือเป็นญาติผู้ใหญ่ของเรา อย่างในหลวงรัชกาลที่ 9 ก็คือ ใช้ความเศร้าโศกมากระตุ้นเร้าให้เราเกิดแรงจูงใจ หรือแรงบันดาลใจที่จะทำความดีถวายแด่พระองค์ ถือเป็นการสืบต่อ สืบสานความดีที่พระองค์ได้ทำเอาไว้
หลายคนก็ใช้โอกาสนี้ ทำความดี ไม่ใช่แค่การทำบุญตามประเพณีทางพุทธศาสนา แต่ว่าไปทำความดีเพื่อประโยชน์ต่อส่วนรวมด้วย ไปปลูกต้นไม้ในวัดเพื่อให้เกิดความร่มรื่น ช่วยวัดเป็นรมณีย์มากขึ้นพรหมณีมากขึ้น หรือว่าไปช่วยเหลือคนที่เดือดร้อน เด็กที่ถูกทอดทิ้ง คนแก่ที่ไม่มีใครใส่ใจ หรือว่าคนยากไร้ที่อดอยากหิวโหย ก็ใช้โอกาสนี้เป็นการทำความดีให้กับส่วนรวม เป็นการเกื้อกูลผู้ที่เดือดร้อน อันนี้คือการทำให้การจากไปของผู้ที่เราเคารพ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม มีคุณค่าขึ้นมา มีความหมายขึ้นมาได้
จริงๆก็ไม่ใช่แต่การทำดีในวันนี้เท่านั้น ถ้าจะให้ดีก็ควรทำดีต่อไปเรื่อยๆโดยการระลึกถึงความดีของผู้ที่เราเคารพรัก เช่น ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในเมื่อเรามีความเคารพเทิดทูนพระองค์ท่าน เราก็ใช้ความเคารพศรัทธานี้เป็นแรงกระตุ้นให้เราทำความดียิ่งขึ้นไป ถามว่าเราเคารพเทิดทูนพระองค์เพราะอะไร พระองค์มีคุณงามความดีที่เราประทับใจ
ก็ลองถามตัวเองต่อไปว่า เราประทับใจคุณงามความดีอะไรบ้างของพระองค์ ไม่ใช่แค่นึกว่าพระองค์เป็นคนดี เป็นบุคคลที่น่าเคารพเทิดทูนสักการะ แล้วก็จบเท่านั้น แต่เราควรสามารถจะลำดับแจกแจงได้ว่าคุณงามความดีของพระองค์ได้แก่อะไรบ้างที่เราประทับใจ ที่ทำให้เราเทิดทูนเคารพสักการะ เมื่อเราแจกแจงได้จึงจะเรียกว่าเราใส่ใจในคุณงามความดีของพระองค์อย่างแท้จริง
เช่น พระองค์มีคุณงามความดี ได้แก่เมตตากรุณา ความเสียสละ ความวิริยะ ความอดทน ความสันโดษ เมื่อเราชัดเจนแบบนี้ ก็ถามต่อไปว่า แล้วมีความดีอันใดบ้างที่เราจะน้อมเข้ามาใส่ตัว อยากจะน้อมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตจิตใจของเรา แล้วก็ทำสิ่งนั้นให้เจริญงอกงามมากขึ้น ให้ความดีนั้นๆเติบโตในจิตใจของเรามากขึ้น แล้วก็ส่งออกมาเป็นการกระทำและคำพูด ซึ่งแน่นอนเมื่อเราทำ มันก็ย่อมเกิดประโยชน์ต่อส่วนรวม แล้วเกิดประโยชน์ต่อเราด้วย
อันนี้ถึงจึงจะเรียกว่าเรียกว่าเราเคารพเราศรัทธาในคุณงามความดีของพระองค์อย่างแท้จริง ไม่ใช่แค่ว่ารู้ว่าพระองค์ดีแต่ไม่รู้ว่าดีอย่างไร แล้วก็ยิ่งกว่านั้นคือไม่ได้น้อมนำเอาความดีของพระองค์มาประดิษฐาน สถิตไว้ในใจ หรือว่าสืบสานความดีของพระองค์ให้เจริญงอกงาม จะถ้าเราทำอย่างที่อาตมาแนะนำนั้น น้อมนำความดีของพระองค์มาสถิตไว้ในใจเรา แล้วก็สืบสานความดีนั้นให้เจริญงอกงามยิ่งขึ้นไปแผ่กว้างออกไป มันก็เกิดประโยชน์ท่านและประโยชน์ตน
อย่างไรก็ตาม เรายังสามารถทำได้มากกว่านั้น นอกจากการใช้ความเศร้าโศกเสียใจ การเปลี่ยนให้เป็นแรงบันดาลใจในการทำความดี เราควรใช้โอกาสนี้ในการกระตุ้นเตือนให้เราตระหนักถึงสัจธรรมความจริงว่า คนเรานี้ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ยิ่งใหญ่แค่ไหน ดีเพียงใด ในที่สุดก็ต้องจากโลกนี้ไป ที่เคยมีชีวิต เคยเดินเหินได้ ก็ต้องสิ้นลมในที่สุด นี่คือสัจธรรมความจริง
เราไม่อยากจะให้ในหลวงรัชกาลที่ 9 สิ้นพระชนม์ ย้อนระลึกนึกถึงพวกเราเมื่อ10 ปีก่อน แต่ไม่ว่าเราจะไม่อยากเพียงใด ให้การสวรรคตของพระองค์เกิดขึ้น แต่ก็เกิดขึ้นจนได้ มันไม่ได้อยู่ที่ความปรารถนาของเราอันนี้คือสัจธรรมความจริงซึ่งเราหนีไม่พ้น แล้วเราปฏิเสธ เราก็จะมีแต่ความทุกข์ แต่ถ้าเราเห็นตรงนี้แล้วก็คิดต่อไปว่า บุคคลที่เราเคารพรักที่ยังมีชีวิตอยู่ ก็ยังมีอีกหลายคน ลองนึกเสียบ้างว่าสักวันหนึ่ง ท่านก็ต้องจากไป
ในใจมันก็ต่อต้าน ไม่อยากนึก ไม่อยากคิด หรือบางทีก็ก็คิดว่าเป็นไปไม่ได้หรอก พ่อแม่อยู่กับเรามาตั้งแต่เราจำความได้ ท่านจะไม่อยู่ได้อย่างไร อันนี้ก็คือการที่ไม่ยอมรับความจริง ไม่ยอมรับสัจธรรม แต่ถ้าเราตระหนักว่า ท่านเหล่านั้นไม่ใช่แต่เฉพาะพ่อแม่ รวมถึงครูบาอาจารย์ที่เราเคารพรัก ในที่สุดท่านก็ต้องจากไป เมื่อเราตระหนักเช่นนี้ เราก็จะไม่ได้ตั้งอยู่ในความประมาท
อะไรที่เป็นสิ่งดีๆที่เราควรทำให้กับท่านก็อย่ารั้งรอ ก็รีบทำเสียตั้งแต่วันนี้ ก็เผื่อใจไว้ด้วยว่าเมื่อท่านจากไป เราก็จะได้ไม่เศร้าโศกเสียใจมาก เพราะเราได้เตรียมใจไว้แล้ว ที่สำคัญไม่น้อยไปกว่า ก็คือการระลึกว่าเราเองก็ต้องไปเหมือนกัน เราเองก็ต้องเดินตามผู้ที่ล่วงลับท่านอื่นๆไปก่อนหน้านี้ เมื่อระลึกได้เช่นนี้ก็เกิดความไม่ประมาท อันนี้เป็นธรรมข้อสำคัญเลย เป็นการทำสิ่งที่เราไม่ควรจะมองข้าม โดยเฉพาะในโอกาสเช่นนี้
ถ้าเราทำอย่างนี้ได้ ก็เกิดแรงกระตุ้นในการทำความดี และเกิดความตระหนักในการเข้าถึงสัจธรรมความจริงของชีวิต ก็เท่ากับว่า เราทำให้เหตุการณ์ที่สำคัญนั่นคือ การสวรรคตของในหลวงรัชกาลที่ 9 มีคุณค่ามีความหมาย อย่าให้มันเป็นเหตุการณ์ที่เลวร้ายในความรู้สึกของเราคือว่าไม่อยากให้มันเกิดขึ้น ถ้าเป็นเช่นนี้แล้วเราเกิดความเศร้าโศกขึ้นมา มันไม่เกิดประโยชน์อะไร
แต่ถ้าเราทำให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดประโยชน์ทั้งในเรื่องของการส่งเสริมการทำคุณงามความดี และการกระตุ้นเตือนให้เราตระหนักถึงสัจธรรมความจริงของชีวิตนี้ อันนี้ก็ช่วยทำให้การจากไปของผู้ที่เราเคารพรวมทั้งของผู้ที่มีพระคุณกับเรา ซึ่งอาจจะได้แก่ พ่อแม่ปู่ย่าตายาย บุพการี ครูบาอาจารย์มีคุณค่าขึ้นมา
เหตุการณ์เหล่านี้ เราสามารถทำให้มีคุณค่าได้ มันไม่จำเป็นว่าจะต้องเป็นสิ่งที่เลวร้ายย่ำแย่เสมอไป ถ้าเรารู้จักทำให้มันกลายเป็นสิ่งที่มีคุณค่าอย่างที่ว่ามา ก็ถือว่าเรารู้จักเกี่ยวข้องหรือว่าใช้เหตุการณ์ต่างๆไปในทางที่ส่งเสริมธรรม ไม่ว่าจะเป็นการทำกิจหรือการทำจิต ไม่ว่าจะเป็นการทำความดีหรือการตระหนักถึงสัจธรรม ซึ่งมันก็จะมีแต่ข้อดีอย่างเดียว ไม่มีข้อเสียเลย
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 13 ตุลาคม 2564