แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
อาจารย์ประมวล เพ็งจันทร์ เป็นอดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ท่านเกษียณก่อนอายุครบ 60 ทันทีที่เกษียณอายุก็เดินเท้าจากเชียงใหม่ไปเกาะสมุย ระยะทางนับพันกิโลเมตรเลย ใช้เวลาเป็นเดือนเพื่อไปกราบลาแผ่นดินแม่ แล้วก็บำเพ็ญภาวนาไปด้วย ตอนหลังท่านก็ไปจาริกที่ประเทศอินเดียเพื่อไปรำลึกถึงบุญคุณของประเทศอินเดีย เพราะว่าท่านเรียนจบปริญญาตรี โท เอก ที่นั่น ท่านถือว่าเป็นการบำเพ็ญภาวนาเหมือนกัน
ท่านเล่าว่ามีวันหนึ่ง ขณะที่เดินจากสารนาถซึ่งเป็นสังเวชนียสถานแห่งหนึ่งที่ชาวพุทธเรานิยมไปสักการะ เข้าสู่เมืองพาราณสีระยะทางประมาณสัก 10 กว่ากิโล ตั้งใจว่าจะเดินเท้า ก็มีสามล้อคันหนึ่งขับรถตามมา และก็คะยั้นคะยอให้ท่านขึ้นรถ อาจารย์ประมวลไม่สนใจ เพราะว่าตั้งใจว่าจะเดิน ระยะทาง 14 กิโลเมตรสำหรับท่านนั้นถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่สามล้อก็ยังไม่ลดละ ตามตื๊อ
สุดท้ายท่านก็เห็นใจ ขึ้นรถฉลองศรัทธา ที่จริงเขาไม่ได้ให้ขึ้นรถฟรีต้องจ่ายเงิน แต่ท่านก็ไม่ได้เป็นห่วงเรื่องเงินเท่าไหร่ ก็คิดจะเอื้อเฟื้อเขา ระหว่างที่นั่งรถ ก็คุยกับสามล้อ มีตอนหนึ่ง สามล้อเล่าว่าเขาหาเงินไม่ได้มา 3 วันแล้ว ถ้าวันนี้หาเงินไม่ได้ก็ไม่รู้ว่าจะเอาเงินที่ไหนไปซื้ออาหารให้ลูกซึ่งมีอยู่ 3 คน ฟังแล้ว ก็ดูน่าสงสาร ระหว่างที่นั่งรถ อาจารย์ก็สังเกตตอนนั้นเป็นตอนกลางวัน คนขับคนนี้คงเหนื่อยมาก กลางวันแสกๆ แดดก็ร้อน ทางก็ไกล สามล้อตัวก็โขยก เหงื่อโทรมกายเลย บางช่วงทางก็ไม่ใช่ทางลาด เป็นทางขึ้นเนิน ก็ไม่ใช่ง่ายสำหรับสามล้อ
ดูแล้วก็น่าสงสารมาก ทั้งรายได้ที่ฝืดเคือง แล้วต้องมาเหนื่อยกายในการทำงาน ระหว่างที่กำลังนึกสงสารสามล้อคนนี้ จู่ๆก็มีลมเย็นๆพัดมา ทันทีที่สามล้อนี่ได้รับสัมผัสกับลมเย็น แกมีความสุขมากเลยถึงกับอ้าแขนแล้วก็ชูมือ แล้วก็ขอบคุณพระเจ้า พูดเป็นภาษาอินเดียผสมอังกฤษว่า เอซี ภควัน เครื่องปรับอากาศ air condition ภควันคือพระเจ้า ขอบคุณพระเจ้าที่นำความเย็นมาให้ จากเดิมที่กำลังมีความเหนื่อยกำลังมีความทุกข์ กลายเป็นคนที่มีความสุขขึ้นมาทันทีเลย สุขอย่างมากด้วย เพียงแค่มีลมเย็นๆมากระทบ
อาตมาฟังที่อาจารย์ประมวลเล่าตอนนี้แล้ว ก็รู้สึกประทับใจ เพราะมันให้ข้อคิดที่ดีเลยว่า คนเรา แม้ว่าจะเหนื่อย ไม่ว่าจะทุกข์เพียงใด ก็อย่าลืมเปิดใจรับความสุขที่เกิดขึ้นอยู่ข้างหน้า ความสุขที่จริงมันก็ปรากฏกับเราอยู่เนืองๆหรือว่าตลอดทั้งวันอยู่แล้ว อยู่ที่ว่าเราจะเปิดใจรับความสุขหรือไม่
แต่คนส่วนใหญ่พอทุกข์ไม่ว่าทุกข์กายหรือทุกข์ใจ ก็จะจมอยู่กับความทุกข์นั้น ความสุขมันมากระทบหรือมาชนข้างหน้า ยังไม่รับรู้เลย แต่ว่าสามล้อคนนี้ทั้งที่แกทุกข์ ทุกเรื่องเงินแล้วก็เหนื่อยจากการขี่สามล้อ แต่แกไม่ยอมปล่อยใจจมอยู่กับความทุกข์ ทุกข์ก็จริงแต่ว่าใจไม่จมอยู่กับความทุกข์ เพราะฉะนั้นใจจึงสามารถจะเปิดรับความสุขที่มันเข้ามากระทบ หรือเข้ามาชนได้
คนเรา ไม่ว่าจะทุกข์เพียงใด ก็อย่าปล่อยให้ใจมันจมอยู่กับความทุกข์จนลืมรับรู้ถึงความสุขที่อยู่ข้างหน้าเรา ซึ่งบางทีมันก็ปรากฏมาให้เรารับรู้อยู่บ่อยๆ อาจจะเป็นฟ้าที่ใส เมฆที่ขาวนวล หรือว่าแสงเงินแสงทองยามรุ่งอรุณ หรือว่าเด็กที่กำลังยิ้มแย้ม ไร้เดียงสา หรือคนข้างหน้าที่กำลังยิ้มทักทายเราด้วย
ความห่วงใยและความปรารถนาดีพวกนี้ถ้าเราเปิดใจรับรูู้ มันก็จะเป็นสุขได้ง่าย เหมือนกันน้ำชโลมใจที่ทำให้คลายจากความทุกข์ได้ แต่ถ้าเกิดว่าใจเราจมดิ่งกับความทุกข์ที่ไม่ว่าจะเป็นความเครียด ความกลัดกลุ้ม ความโกรธ พอมีความสุขมากระทบหรือมาหาเราแล้ว ใจเราก็ไม่สามารถจะรับรู้ได้ อันนี้เขาเรียกว่าเสียโอกาส
ความทุกข์เป็นสิ่งที่หนีไม่พ้น บางทีคนเราก็ต้องเจอ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสได้สัมผัสรับรู้ถึงความสุขมันก็มีอยู่มาให้เรารับรู้อยู่เนืองๆ ถ้าเราฉลาด เราก็เปิดใจรับความสุข มันก็ช่วยผ่อนคลายจิตใจให้หาย คลายจากความเศร้าโศก ความกลัดกลุ้มได้ คนเราแม้จะหนีความทุกข์ไม่พ้น แต่เราก็ต้องรู้จักไวต่อความสุข ไวต่อความสุขที่มีอยู่ข้างหน้า หรือที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเรา เช่น ธรรมชาติ
บางทีแดดร้อนๆกำลังเหนื่อย เห็นดอกไม้กำลังบาน มันทำให้ใจนี่ชุ่มชื่น อย่างที่ตอนไปเดินธรรมยาตรา แดดร้อนมากตอนบ่ายๆ ทางที่เดินก็เป็นลูกรัง ข้างทางเป็นฝุ่นแดงๆ เรียกว่าประโปรยอยู่ตลอดทางเลย แต่มีช่วงหนึ่งเดินผ่านคล้ายๆเป็นไร่ แล้วก็มีต้นประทัดจีน ดอกกำลังบาน บานสู้แดดเลย
คนที่กำลังรู้สึกห่อเหี่ยว กำลังท้อถอย พอเห็นดอกไม้ ใจฟูขึ้นมาเลย เพราะว่า มันเป็นภาพที่ตัดกับบรรยากาศที่ห่อเหี่ยวแห้งแล้ง จากที่มีแต่ประทัดจีนอยู่เรียงรายบนถนน หลายคนมีชีวิตชีวาขึ้นมาเลย ทั้งที่เส้นทางนี้มันทรหดแต่ว่ามันก็ยังมีสิ่งดีๆที่จะให้ความสุขกับเราได้ถ้าเราหมั่นสังเกต
และขณะเดียวกันก็พร้อมจะเปิดใจรับด้วย อย่าจมอยู่กับความทุกข์ อย่าจมอยู่กับความเหนื่อย จนกระทั่งไม่รับรู้สิ่งดีๆที่ปรากฏอยู่เบื้องหน้าเราหรือไม่รับรู้ความสุขที่วิ่งเข้ามาหาเรา ไม่ว่าจะทุกข์แค่ไหนมันจะมีสิ่งเหล่านี้ปรากฏกับเราอยู่เสมอ มันก็เป็นความสุขเล็กๆน้อยๆที่ช่วยทำให้ชุ่มชื่นใจ และทำให้มีกำลังใจในการที่จะก้าวข้ามผ่านความทุกข์ไปได้
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 12 ตุลาคม 2564