แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีหมู่บ้านแห่งหนึ่งชาวบ้านทำสวนผลไม้ รายได้ดีพอสมควรเพราะว่าผลไม้มีราคา ชาวบ้านเรียกว่าพออยู่พอกิน และไม่ไกลจากหมู่บ้านแห่งนี้เป็นภูเขา แล้วก็มีป่าอุดมสมบูรณ์มาก ในป่าก็มีลิงอยู่หลายฝูงเลย แต่ก่อนชาวบ้านก็ไม่ได้สนใจอะไรกับลิงฝูงนี้ เรียกว่าต่างคนต่างอยู่ ลิงก็ไม่ได้มากวนชาวบ้าน เพราะว่าอาหารในป่าก็มีเยอะแล้ว
มันก็มีพ่อค้าคนหนึ่งเข้ามาในหมู่บ้านแล้วก็ประกาศรับซื้อลิงตัวละ 5,000 บาท ชาวบ้านนี้ประหลาดใจมากนะเพราะว่ามันจะมีค่าถึงขนาดนี้เลยหรือ พ่อค้าเสียสติหรือเปล่า ส่วนใหญ่ก็ไม่มีใครสนใจ แต่ว่ามีชาวบ้านบางคนก็อยากจะลองดู ก็เลยจับลิงมาได้ แล้วขายให้กับพ่อค้า ปรากฏว่าพ่อค้าจ่ายจริง 5,000 บาท คนที่จับได้นี่ยิ้มเลย
ไม่กี่วันต่อมา พ่อค้าก็ประกาศว่า จะเพิ่มราคาลิงตัวละ 10,000 บาท บอกว่าเป็นที่ต้องการของตลาดมากคนต้องการลิงมาก คราวนี้ชาวบ้านก็เริ่มเชื่อแล้ว ก็พากันเข้าป่าไปจับลิงมา เอามาขายก็ได้เงิน 10,000 บาทกันถ้วนหน้าเลย ไม่กี่วันต่อมา พ่อค้าก็บอกจะเพิ่มลิงตัวละ 50,000 บาท ชาวบ้านแตกตื่นกันใหญ่เลย พากันเข้าป่าไปหาลิง ที่เคยทำสวนก็ทิ้งสวนไปเลย ไปเข้าป่าตามหาลิง ตามจับลิง
แต่ก่อนแค่จับได้ตัวเดียวก็พอแล้ว ตอนนี้ตัวเดียวไม่พอ จับคนละหลายตัว บางคนก็ 4-5 ตัว บางคนก็ 7-8 ตัว เอามาขาย ก็ได้เงินกันไป ตัวละ 50,000 บาท บางคนก็ได้เป็นแสนเลย เพราะว่าจับหลายตัว ชาวบ้านมีความสุขมากไม่คิดว่าโชคลาภจะมาถึงนี่ แต่ว่าเนื่องจากจับกันเยอะมาก ในป่าก็แทบจะไม่เหลือเลย ลิงก็เริ่มขาดแคลน พ่อค้าก็เลยประกาศว่าจะเพิ่มราคาลิงเป็น 1 แสนบาท
แต่ว่ายังไม่ซื้อช่วงนี้ เพราะว่ามีธุระจะต้องกลับไปทำธุระที่บ้าน กลับมานี่ใครจับลิงได้ เอามาขายได้เลย จะจ่ายนะตัวละแสน ตอนนี้ชาวบ้านก็พยายามเข้าป่าหาลิง หาไม่เจอแล้ว ไม่เจอสักตัวเลย เพราะว่าลิงถูกจับหมดแล้ว อยู่ในกรงของพ่อค้าซึ่งตอนนั้นก็ฝากให้ลูกน้องเฝ้ากรงเอาไว้ ก็บังเอิญลูกน้องที่เฝ้าลิงมากระซิบบอกชาวบ้านบางคนว่า ถ้าอยากได้ลิงในกรง ฉันขายตัวละ 70,000
แล้วพอเจ้านายมา ก็ค่อยเอาลิงไปขายให้เจ้านายได้ตัวละแสน กำไรเหนาะๆ 30,000 เลย เอาไหม ชาวบ้านก็เอา เดิมที ลูกน้องก็กระซิบบอกกับชาวบ้านแค่ไม่กี่คน บอกว่าอย่าไปบอกใครนะ เดี๋ยวเจ้านายรู้ ฉันจะลำบาก แต่ปรากฏว่าข่าวนี้ก็แพร่ไปทั่วหมู่บ้าน ชาวบ้านก็เลยพากันเก็บเงิน 70,000 ไปซื้อเอาลิงมาจากลูกน้องของพ่อค้า บางคนไม่มีเงินถึง 70,000 ก็ไปกู้หนี้ยืมสินมา
บางคนต้องการมากกว่า 70,000 อยากจะได้สัก 140,000 อยากได้ลิง 2 ตัวก็ต้องจ่าย 140,000 ไม่มีเงินจะทำยังไง แต่ว่าถ้าขายก็ได้ 200,000 ก็ไปกู้มา ไปยืมมา พอได้ลิงแล้ว ก็เตรียมจะขาย พ่อค้ากลับมาเมื่อไหร่ ก็ขายได้ทันที
ปรากฏว่าพ่อค้าไม่กลับมาเลย ลิงก็หมดไปแล้วเพราะชาวบ้านซื้อไปหมด ส่วนลูกน้องก็หายไปด้วย ก็กลายเป็นว่า ชาวบ้านถูกหลอก พ่อค้าก็ได้เงินไปจากชาวบ้าน ลิงตัวละ 70,000 บาท ชาวบ้านหลายคนก็เป็นหนี้เป็นสิน เรือกสวนไร่นาที่เคยดูแลเนื่องจากทิ้งไป มันก็เสื่อมโทรม กว่าจะรู้ว่าถูกหลอก ก็สื้นเนื้อประดาตัว หมดตัวกันไปเยอะแยะเลย
เรื่องนี้ก็เป็นอุทาหรณ์สอนใจ เพราะว่าวิธีการแบบนี้ มันก็ยังใช้ได้อยู่ในทุกวันนี้ เพียงแต่ว่าแทนที่จะซื้อลิงก็อาจจะซื้ออย่างอื่นแทน แต่ว่าก่อนจะซื้อก็ขายก่อน ขายว่านขายต้นไม้ ซึ่งดูไม่มีราคาค่างวดอะไร ทีแรกก็ขายถูกๆ เสร็จแล้วซื้อแพง พอซื้อแพง คนก็อยากรวย ก็เลยต้องไปซื้อราคาแพงๆเพื่อมาขายต่อที่มันแพงกว่าเดิม วิธีนี้ก็คือวิธีการปั่นราคานั่นเอง
สิ่งที่พ่อค้าคนนี้ทำ มี 2 อย่าง อันที่หนึ่ง ก็คือ ทำให้ชาวบ้านตายใจ ที่แรกก็พูดจริง ใจจริง ชาวบ้านก็ตายใจ อันที่สอง กระตุ้นความโลภ เดิมทีว่า 5,000 ชาวบ้านบางคนก็ไม่สนใจ แต่พอราคามันถึงหมื่น ใจก็เริ่มกระดิก พอ 50000 ความโลภมันก็ครอบงำเลย
คนเราก็มีความโลภแล้ว มันก็ไม่มีวิจารณญาณแล้วคือ ลืมตัว พอโลภะท่วมท้นใจ มันก็ลืมตัว ก็ไม่มีวิจารณญาณ ขาดสติ ไม่ได้คิดว่า เอ๊ะ ที่เขารับหนึ่งแสน มันจะจริงไหม ยิ่งตายใจไปแล้ว ตายใจก็ทำให้ไม่มีการตั้งคำถาม ตอนที่พ่อค้ามาครั้งแรก ชาวบ้านสงสัยว่า นี่มันจริง ตั้งคำถามว่ามันผิดปกติหรือเปล่า หลอกหรือเปล่า แต่พอตายใจนี่ ไม่มีการตั้งคำถาม ไม่มีการตั้งข้อสงสัยพ่อค้า
สองอย่างนี้ พอรวมกันได้นี่ ก็จะกลายเป็นเหยื่อทันที ซึ่งวิธีนี้พวก 18 มงกุฎทุกวันนี้ก็ใช้ ปั่นหุ้นที่ราคาถูกๆให้มันราคาแพง คนก็แห่กันไปซื้อ ก็ด้วยความหวังว่าซื้อถูกขายแพง แล้วจะรวย ปรากฏว่าพอซื้อแพงไปแล้ว มันขายไม่ออก หุ้นมันกลายเป็นขยะไป ก็กลายเป็นแมงเม่า
และเดี๋ยวนี้มันไม่ได้มีแต่หุ้น มีอย่างอื่นเยอะแยะมาหลอกขาย ให้คนซื้อด้วยหวังว่าจะขายต่อได้ราคาแพง เรียกว่าเก็งกำไร ความโลภแบบนี้คนที่มีสติก็จะไม่เชื่อ แต่พอถูกความโลภครอบงำ เพราะมีการปั่นราคา พอความโลภครอบงำ สติหายวิจารญาณก็หมด มันก็หลงเชื่อกลโกงที่ไม่ได้ลึกซึ้งอะไรเลยได้ง่ายๆ แล้วเราก็เลยหมดเนื้อหมดตัว
เป็นมาทุกยุคทุกสมัย ยิ่งทุกวันนี้มีโทรศัพท์มือถือด้วยแล้ว Social Media มันก็ช่วยปั่น อันนี้ยิ่งต้องระวังให้มาก ความโลภในใจเราที่เกิดขึ้นจากการที่เขามาหลอก มันทำให้ตายใจ แล้วทุกวันนี้ถ้าคนเราไม่เท่าทัน ขาดวิจารณญาณ ปล่อยให้ความโลภครอบงำ ก็จะพลาดท่าเสียที ก็มีอย่างนี้ปีแล้วปีเล่า อนาคตก็คงจะมีอย่างนี้อีก เพราะว่าคนเราไม่รู้ทันความโลภ ก็เลยถูกหลอกได้ง่ายๆ
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 10 ตุลาคม 2564