แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ชีวิตคนเรา มันไม่ค่อยเป็นเส้นตรงเท่าไหร่ ส่วนใหญ่ชีวิตของคนเราจะมีจุดหักเห หรือว่าบางครั้งก็เป็นจุดเปลี่ยนไปในทางที่ไม่ดีก็เยอะ หรือเปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นก็มาก
หลายคนเปลี่ยนชีวิตก็เกิดจากการได้รับความเมตตาเอื้อเฟื้อ รวมไปถึงการให้กำลังใจ ทำให้มีความเชื่อมั่นในตัวเอง อย่างมีนักเรียนบ้านนอกคนหนึ่งหัวทึบ สอบก็ได้ที่โหล่ ไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวเองเท่าไร ก็เลยไม่ค่อยมีเพื่อน หงอย มีช่วงอยู่ป 3 ได้ครูที่ใส่ใจ มีเมตตา เห็นเด็กคนนี้หงอยๆ ก็เข้าไปคุย เห็นเด็กคนนี้ไม่ค่อยมีความเชื่อมั่นในตัวเอง ก็ให้กำลังใจ
รู้ว่าเด็กคนนี้เรียนไม่ค่อยดี ก็พยายามที่จะส่งเสริมให้กำลังใจ แต่ครูก็ไม่รู้ว่าจะให้กำลังใจเขายังไงดี เพราะว่าเขาไม่ค่อยมีจุดเด่นอะไรที่จะชมหรือว่าจะยกย่องได้ จนมาวันหนึ่ง ครูก็พูดขึ้นมาว่า กระทิง เธอออกเสียง ร เรือ ชัดนะ เด็กคนนั้นบอกว่าไม่เคยได้รับคำชมจากครูเลย มันเป็นครั้งแรกที่เขาได้รับ และนับตั้งแต่นั้นมา เขาก็พยายามออกเสียง ร เรือ ให้ชัด ให้เด่นกว่าใครในห้อง
ตอนหลังก็หัดท่องอาขยานจนคล่อง จนกระทั่งได้เป็นตัวแทนของโรงเรียน ไปท่องอาขยานในระดับจังหวัดก็ได้ที่ 2 ดีใจมาก เกิดความมั่นใจ ทำให้เกิดความพากเพียรพยายามขยันเรียน ต่อมาได้เป็นตัวแทนของโรงเรียนไปสอบคณิตศาสตร์ เป็นที่ 3 ของประเทศเลย ก็กลายเป็นเด็กเรียนดี ตอนหลังไปเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองนอก มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลกเลยทีเดียว
เขามีความสามารถมาก จนกระทั่งได้ไปทำงานกับบริษัท Google แล้วก็ก่อตั้งบริษัทที่มีชื่อเสียง ตอนหลังก็เข้ามาทำงานในเมืองไทย เป็นบริษัทที่มีผลงานโดดเด่นมาก เขาเล่าว่าจุดเปลี่ยนของเขาเกิดจากตอนที่เรียนป 3 นี่แหละที่ครูไม่รู้ว่าจะชมอะไร ก็ชมว่าเธอออกเสียง ร เรือ ชัด แต่คนบางคน จุดเปลี่ยนเรียกว่าตรงกันข้ามเลยก็ได้
มีคนหนึ่งตอนที่เรียนมัธยม โรงเรียนมีกฎว่านักเรียนต้องตัดผมสั้น ถ้าใครไว้ผมยาว เช่น รองทรง ก็จะถูกลงโทษ เด็กหลายคนซึ่งเป็นวัยรุ่น กลัวถูกลงโทษ ก็ตัดผมเกรียน หัวเขียวเลย แต่เขาคิดว่า ตัดผมให้ยาวกว่านั้นก็ได้ ไม่จำเป็นต้องถึงกับเกรียนเลย แล้ววันหนึ่งเห็นเพื่อนตัดผมก็ไม่สั้นมาก มันก็พอดีๆ ไม่ผิดกฎโรงเรียน ก็อยากได้ผมทรงนั้นบ้าง
ไปที่ร้านตัดผมตัดผม แล้วบอกช่างตัดผมว่าอยากได้ทรงแบบนี้ ไม่ใช่รองทรงแต่ก็ไม่ถึงกับเกรียนจนหัวเขียว เวลาช่างตัดผม เขานี้ก็พยายามแนะนำ ตรงนี้โอเค ตรงนี้ยาวไป แนะนำบ่อยเพื่อที่จะได้ตามที่ต้องการ ปรากฏว่าช่างตัดผมรำคาญ ก็เลยแกล้งเขา ไถแรงๆ แล้วก็ทำให้จบเร็วๆ พอเขาดูตัวเองในกระจก ดูไม่ได้ หัวเขียวเกรียนเลย เจ็บใจมาก ร้องไห้เลย เพราะว่ามันเป็นสิ่งที่น่าอับอายมากสำหรับเด็กวัยรุ่น
ตอนนั้นเขามีความคิดขึ้นมาว่า ในโลกนี้มันไม่มีช่างตัดผมที่จะใส่ใจความรู้สึกของลูกค้าเลยหรือ มันไม่มีช่างตัดผมคนไหนที่คำนึงหรือเข้าใจความรู้สึกของวัยรุ่นที่เขาอยากได้ทรงผมที่มันดูดีเลยหรือ นับตั้งแต่นั้นมาเขาก็ตั้งปณิธานเลยว่า หากจะต้องทำอะไรแก่ใคร จะต้องทำให้ดีที่สุด จะคำนึงถึงความรู้สึกของผู้ที่เราช่วยเหลือเขา หรือทำให้เขา
ตอนหลังพอเขาไปทำงานโฆษณา เขาก็เป็นคนที่ตั้งใจทำงานให้กับลูกค้ามาก บางทีทำเกินที่ลูกค้าสั่งแต่ว่าลูกค้าก็พอใจ เพราะว่าเขาเป็นคนที่ละเอียดลออมาก เขามีผลงานไปไกลถึงอเมริกา ทำงานโฆษณามีชื่อเสียงระดับโลก แต่คนไทยไม่ค่อยรู้จัก ผลงานที่ได้รางวัลมีเยอะมาก ความสามารถก็เป็นที่เลื่องลือ
แต่ว่าที่คนทึ่งมากคือ ความเอาใจใส่ในความรู้สึกของลูกค้า แม้ว่าทำได้ดีตามสเปคแล้ว แต่ว่าก็ยังสามารถทำได้ดีกว่านั้น ประเภทว่าลูกค้าเซอร์ไพรส์เลย เพราะว่าเขาเป็นคนที่ละเอียดลออมาก คนๆนี้จุดเปลี่ยนของเขาเกิดขึ้นตอนที่เกิดความเจ็บช้ำน้ำใจจากช่างตัดผม แต่ว่าแทนที่จะเจ็บแค้นช่างตัดผม แล้วก็อยากแก้แค้น
เขากลับมาเปลี่ยนความรู้สึกจากความผิดหวังให้กลายเป็นความใฝ่ฝัน ที่จะทำอะไรให้มันดีที่สุด เพราะเคยประสบด้วยตัวเองว่า เวลาเจอช่างตัดผมที่ทำอะไรแบบลวกๆแล้วมันเจ็บปวดอย่างไรบ้าง และความรู้สึกนี้ มันก็ทำให้เขาไม่อยากจะให้ลูกค้าที่เขาทำงานด้วย เกิดความรู้สึกแบบเดียวกัน เรียกว่าเข้าใจหัวอกของคนที่เป็นลูกค้า ก็เลยตั้งใจที่จะทำงานให้มันดีที่สุดเท่าที่จะทำได้
อันนี้เรียกว่าจุดเปลี่ยนเกิดจากประสบการณ์ที่แย่ และประสบการณ์ที่เลวร้ายในความรู้สึกของวัยรุ่น มีหลายคนที่เขามีจุดเปลี่ยนในชีวิตจากเหตุการณ์ที่เลวร้าย ชนิดที่เรียกว่าน้ำตาตกเลย
ยังมีเด็กคนหนึ่งเป็นเด็กบ้านนอก เรียนจบ ปวส.แล้วก็มาทำงานเป็นเด็กฝึกงานที่บริษัทโฆษณา ทำอะไรก็ได้ที่ลูกพี่สั่ง มีคราวหนึ่งทางบริษัทได้งานจากบริษัทในอินโดนีเซีย ให้ทำโฆษณาชิ้นหนึ่ง ลูกค้าต้องการเสือดาวเอามาประกอบฉาก เสือดาวเป็นๆ ก็เป็นหน้าที่ของเขาที่จะต้องไปหาเสือดาวมา เขายังไม่มีประสบการณ์เลยว่าจะต้องทำยังไง
พอไปปรึกษารุ่นพี่คนหนึ่ง เขาแนะนำรุ่นพี่อีกคนหนึ่งที่มีประสบการณ์ดีมากเลย รอบรู้ บอกว่าไปขอคำแนะนำจากเขาเถิดจะได้ผล เขาก็ดีใจ ไปหารุ่นพี่คนนั้น แล้วก็ไหว้อย่างอ่อนน้อมพร้อมกับถามว่า พี่ครับช่วยแนะนำผมหน่อยครับว่า จะหาเสือดาวได้ที่ไหนครับ รุ่นพี่คนนั้นกลับมองหน้าเขาแล้วก็พูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่ห้วนมากว่า ทำไมกูต้องบอกมึง ๆ
มันเป็นน้ำเสียงของความดูถูก เหยียดหยาม เขาตกใจมาก แล้วก็เสียใจทั้งโกรธ น้ำตาไหลเลย ไม่คิดว่าจะเจอรุ่นพี่พูดแบบนี้ มันทำให้เขาได้รับบทเรียนว่า ทีหลังอย่าไปพึ่งใคร ต้องพึ่งตัวเองให้ได้ สุดท้ายเขาก็ดิ้นรนจนได้ เปิดสมุดโทรศัพท์หน้าเหลือง ไปติดต่อร้านค้าต่างๆที่ค้าสัตว์ ไปถึงจตุจักร จนกระทั่งมีคนแนะนำให้ไปฟาร์มสัตว์ฟาร์มจระเข้ สุดท้ายก็เจอลุงคนหนึ่งเลี้ยงเสือดาว ก็อ้อนวอนเขาจนได้เสือดาวมาประกอบฉาก
ประสบการณ์ครั้งนั้น มันก็เจ็บปวด แต่มันทำให้เขาเห็นถึงความสำคัญของการพึ่งตัวเอง ขณะเดียวกันก็ทำให้เขามีจิตใจที่อยากจะเอื้อเฟื้อ ใครที่เดือดร้อนก็อยากจะช่วย เพราะเคยเจ็บปวดจากการที่ถูกปฏิเสธ ความเจ็บปวดแบบนี้ สำหรับบางคนมันทำให้เกิดจุดเปลี่ยนที่สำคัญ จากความเจ็บปวด จากความผิดหวังก็เปลี่ยนให้กลายเป็นความใฝ่ฝัน เป็นความปรารถนาที่จะทำอะไรให้มันดี
ตอนหลังเขาก็มีความเจริญก้าวหน้า จนกระทั่งไปทำบริษัทที่เกี่ยวกับดิจิตอล เป็นบริษัท startup ที่มีชื่อมาก อันนี้เขาก็บอกเหมือนกันว่า จุดเปลี่ยนของเขาคือวันนั้นแหล่ะ วันที่ถูกตอกกลับมาว่า ทำไมกูต้องช่วยมึงด้วย ๆ
คนหลายคนเวลาเจอเหตุการณ์เลวร้ายแบบนี้ มันทำให้รู้สึกท้อแท้ แต่ว่าบางคนพอเจอแบบนี้ มันเกิดจุดเปลี่ยน ทำให้เกิดความพากเพียรพยายาม ทำให้เกิดความสำนึกที่จะทำอะไรก็ตามจะทำให้มันดีที่สุด ไม่ทำให้คนอื่นต้องผิดหวัง เพราะว่าเคยเจ็บปวดกับความผิดหวังมาก่อน
คนเราไม่สามารถที่จะหลีกเลี่ยงเหตุการณ์ทำนองนี้ได้ ไม่ว่าเราจะปรารถนาให้มีคนพูดดีกับเรา ปรารถนาให้มีคนชม ให้กำลังใจเรา ถ้าโชคดีก็เจอ อย่างกระทิงที่โชคดีได้เจอครูดี หรือก็มีหลายคนที่ได้เจอครูที่มีเมตตา หรือผู้ใหญ่ที่ช่วยกระตุ้นให้เกิดกำลังใจ จนกระทั่งเกิดความเปลี่ยนแปลงในชีวิตในทางที่ดี
แต่ว่าก็มีหลายคนที่เจอเหตุการณ์ที่เลวร้าย ที่ทำให้เจ็บปวด ที่ทำให้น้อยเนื้อต่ำใจ แต่ว่าเขาเหล่านี้ก็สามารถที่จะเกิดความรู้สึกในทางบวกขึ้นมา เกิดความคิดความตั้งใจในทางบวกขึ้นมา จะเรียกว่าเปลี่ยนความเจ็บปวดให้เป็นความปรารถนาที่จะกระทำสิ่งดีงามก็ได้ อันนี้เป็นวิสัยที่คนเราทำได้ หลายคนที่เขาเจ็บปวดผิดหวังอะไรมาก็ตาม มันกลายเป็นแรงผลักดันทำให้เขาสามารถจะทำสิ่งดีๆให้สำเร็จได้
อย่างมีเด็กมาเลเซียคนหนึ่งไปเรียนที่อังกฤษ ถึงเวลาปิดเทอมซัมเมอร์อยากกลับบ้าน แต่ว่ากลับไม่ได้เพราะว่าค่าเครื่องบินแพงมากจากอังกฤษมามาเลเซีย เขาเสียใจมากเลย เขามีความสงสัยว่าทำไมค่าเครื่องบินทำไมมันมีราคาแพง มันไม่มีแบบราคาถูกเลยหรือ
แล้วในที่สุดเขาก็ดิ้นรนจนกระทั่งกลายเป็นเจ้าของสายการบินที่โลว์คอร์ส สายการบินนั้นคือแอร์เอเชีย โทนี เฟอร์นันเดซ คือเด็กคนนั้นแหละที่ผิดหวังจากการที่กลับบ้านไม่ได้เพราะค่าเครื่องบินมันแพง เขาเปลี่ยนจากความผิดหวังให้กลายเป็นความใฝ่ฝัน ใฝ่ฝันที่จะเป็นเจ้าของสายการบินราคาถูก
เพราะฉะนั้น หลายคนมีจุดเปลี่ยนไม่ได้เกิดจากเหตุการณ์ที่ดีๆ แต่ว่าเกิดจากเหตุการณ์ที่ร้ายๆ เหตุการณ์ที่ไม่มีใครปรารถนา แปลว่าเขารู้จักเปลี่ยนร้ายให้กลายเป็นดีได้ เรานี่เป็นเรื่องของทางโลก จุดเปลี่ยนทางโลกที่นำไปสู่ความสำเร็จทางโลก
ในทางธรรม จุดเปลี่ยนในทำนองแบบนี้ก็มี ซึ่งเคยเล่าไปแล้ว อย่างภิกษุณีท่านหนึ่ง คลอดลูกขณะที่เป็นภิกษุณี ก็เลี้ยงไม่ได้ เพราะว่ามันไม่ใช่วิสัยที่ภิกษุณีจะเลี้ยงลูก ก็ยังดีที่ทารกนั้นพระเจ้าปเสนทิโกศลรับไป แล้วก็ตั้งชื่อกุมารกัสสปะ ภิกษุณีท่านนั้นเมื่อพลัดพรากจากลูกตั้งแต่นั้นมา ก็คิดถึงลูกตลอดเวลาภายหลังก็ได้ข่าวว่า ลูกบวชเณร ก็อยากจะพบลูก
แล้ววันหนึ่งโชคดีเห็นรูปก็คือกุมารกัสสปะ เณรกุมารกัสสปกำลังเดินบิณฑบาตอยู่ในเมืองสาวัตถี ภิกษุณีเห็นก็วิ่งตามไปเลย อยากจะได้พบหน้าลูก แต่ว่าเกิดสะดุดหกล้ม เณรกุมารกัสสปะได้ยิน ก็เลยหันมาดู ก็รู้ว่าภิกษุณีท่านนั้นเป็นแม่ เพราะว่าภิกษุณีพูดว่าลูกๆก่อนที่จะสะดุดหกล้ม เณรกุมารกัสสปะตามเรื่องว่าท่านเป็นพระอรหันต์แล้ว ก็คิดขึ้นมาว่า ถ้าพูดดีกับแม่ แม่ก็จะมีสิเน่หาในตัวเรามากขึ้น
อย่ากระนั้นเลย ก็เลยต้องพูดแรงๆเพื่อให้ตัดรักตัดอาลัย ไม่งั้นก็จะพลาดโอกาสในการทำความเพียรจนบรรลุธรรม ท่านก็เลยพูดแรงๆกับภิกษุณีผู้เป็นมารดานั้นว่าท่านมัวทำอะไรอยู่ ทำไมตัดไม่ได้แม้กระทั่งความรัก เป็นคำที่แรงมากสำหรับท่านภิกษุณีท่านนั้น คิดในใจว่า อุตส่าห์คิดถึงลูก ร้องไห้ทุกวันเลย แต่ทำไมลูกถึงพูดอย่างไม่มีเยื่อใยเลย เจ็บปวดมากทั้งน้อยใจ สุดท้ายท่านก็เลยตัดรักตัดอาลัยในตัวลูก แล้วก็หันมาทำความเพียร ปรากฏว่าได้บรรลุธรรมเป็นพระอรหันต์ในวันนั้นเลย
อันนี้ก็เป็นจุดเปลี่ยนเหมือนกัน จุดเปลี่ยนเพราะเจอคำพูดที่รุนแรงกระแทกใจ แต่ว่ามันก็กลับเป็นผลดีที่ทำให้มีพระอรหันต์เพิ่มขึ้นหนึ่งองค์ คนเราอาจจะไม่ถึงขั้นมีจุดเปลี่ยนหักเหขนาดนั้น แต่ว่าเราก็มีความสามารถทุกคนที่จะเปลี่ยนประสบการณ์ร้ายไให้กลายเป็นสิ่งดีๆ ที่ช่วยทำให้เกิดความเจริญงอกงามในจิตใจ สิ่งร้ายๆมันไม่จำเป็นว่าจะต้องทำไปสู่ความรู้สึกในทางลบทางร้ายเสมอไป ถ้ารู้จักคิดรู้จักมองมันก็กลายเป็นสิ่งที่ดีได้
เราต้องรู้จักเปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี เพราะว่าเราไม่มีทางที่จะหนีพ้นสิ่งร้ายๆได้ เพราะร้ายก็กลายเป็นดีได้ อย่างที่หลวงพ่อคำเขียนพูดว่า ต้องรู้จักเปลี่ยนทุกข์ ให้กลายเป็นไม่ทุกข์ อันนี้คือสิ่งที่เราทุกคนสามารถทำได้ และที่จริงในชีวิตคนเราไม่จำเป็นต้องรอให้มีสิ่งร้ายๆหรือแม้แต่สิ่งดีให้มากระตุ้นให้เกิดจุดเปลี่ยนในชีวิตของเราไปในทางที่ดีได้
อย่าไปรอให้ใครมาพูดหรือทำอะไรที่เปลี่ยนชีวิตของเรา หรืออย่ารอเหตุการณ์ที่จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนของชีวิต เราต้องรู้จักเปลี่ยนด้วยตัวเราเอง ซึ่งเราสามารถจะทำได้ในแต่ละวันๆ ทำได้ทุกวัน ทำได้ในแต่ละขณะ เปลี่ยนหลงให้กลายเป็นความรู้ตัว อย่างที่หลวงพ่อเขียนใช้คำว่า เปลี่ยนหลงให้กลายเป็นความไม่หลง นี้คือสิ่งที่เราทำได้เลย เปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ เราทำได้ทุกวัน
แล้วถ้าเราทำได้อย่างนี้ทุกวันๆ หรือว่าทำได้อย่างต่อเนื่องทุกขณะๆ ชีวิตเราจะเปลี่ยนเอง เปลี่ยนหลงให้เป็นความไม่หลง ทำได้อย่างไร มันเริ่มต้นจากการที่เรา เมื่อหลงแล้วเรารู้ว่าหลง แค่นี้มันก็เป็นจุดเปลี่ยนแล้ว เกิดความเปลี่ยนแปลงขึ้นในจิตใจของเรา ความหลงมันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับเราตลอดทั้งวัน แต่เพียงแค่เรารู้ว่าหลง อันนี้ก็เท่ากับว่าเรากำลังจะเปลี่ยนความหลงให้กลายเป็นความไม่หลงได้
ให้หมั่นรู้ทันในความหลง หรือว่ารู้ทันเมื่อมีความหลง ถ้าเราเปลี่ยนหลงให้กลายเป็นความไม่หลง หรือเปลี่ยนร้องไห้กลายเป็นความรู้ตัวอยู่บ่อยๆอย่างต่อเนื่อง สุดท้ายชีวิตเราจะเปลี่ยนเอง มันจะเปลี่ยนไปอย่างช้าๆ ไม่ถึงกับว่าเกิดจุดหักเหอย่างตัวอย่างที่พูดมา
ถ้าไปรอให้มีเหตุการณ์ใดที่มันจะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตเรา อันนี้ก็ถือว่าประมาทเกินไป เพราะว่าเราไม่จำเป็นต้องรอก็ได้ แต่ถ้ามันเกิดขึ้น อันนี้เราจึงค่อยนำมันมาใช้ให้เป็นประโยชน์ จะเป็นคำพูดที่สบประมาท หรือว่าคำต่อว่าด่าทอ หรือแม้กระทั่งความเจ็บความป่วย ความสูญเสียพลัดพราก พวกนี้มันสามารถจะเป็นจุดเปลี่ยนชีวิตไปในทางที่ดี ให้เกิดความเจริญงอกงามในทางธรรมก็ได้
แต่อย่างที่บอก นั่นคือเราไม่จำเป็นต้องรอให้มีจุดเปลี่ยน เราลงมือเปลี่ยน หลงให้กลายเป็นความไม่หลง เปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ ทำอย่างนี้ทุกวันๆ แล้วชีวิตของเรามันจะเปลี่ยนเอง ชีวิตเราจะพัฒนาเอง โดยเฉพาะเมื่อเกิดปัญญา เข้าใจในความจริงของกายและใจ หรือว่าเกิดปัญญาจนเข้าใจเห็นสัจธรรมที่เรียกว่าไตรลักษณ์ อันนี้ก็จะกลายเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เราเป็นอิสระหรือไกลจากความทุกข์มากขึ้น
มันเป็นจุดเปลี่ยนเพราะเกิดจากการที่เราเปลี่ยนทุกข์ให้กลายเป็นความไม่ทุกข์ เปลี่ยนหลงให้กลายเป็นความไม่หลง อย่างต่อเนื่อง อย่างสม่ำเสมอ แล้วก็มั่นใจได้ว่าชึวิตของเราในสุดก็จะเปลี่ยนเองเปลี่ยนไปในทางที่ดีด้วย
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 8 ตุลาคม 2560