แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อวานนี้ได้พูดไปว่าการกินเจหรือกินมังสวิรัตินี่มีประโยชน์หลายอย่าง ประโยชน์อย่างหนึ่งคือเป็นผลดีต่อสิ่งแวดล้อมหรือธรรมชาติ บางคนก็สงสัยว่ามันดียังไง ที่จริงต้องพูดใหม่ว่ามันก่อผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า ถ้าเทียบกับการกินเนื้อสัตว์ ทั้งนี้เพราะว่าถ้าคนเรากินเนื้อสัตว์เยอะๆก็จำเป็นต้องเลี้ยงสัตว์กันเป็นอุตสาหกรรม การเลี้ยงสัตว์เป็นอุตสาหกรรมมันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมหลายอย่าง
ประการแรกก็คือมันส่งเสริมให้มีการทำลายป่า โดยเฉพาะป่าดั้งเดิม อย่างในทวีปอเมริกาใต้ ป่าดั้งเดิมซึ่งอุดมสมบูรณ์มาก คือป่าอเมซอนถูกถางถูกทำลายเพื่อการเลี้ยงสัตว์ แล้วก็ปลูกพืชที่เป็นอาหารสัตว์ เช่น ข้าวโพด หรือว่าถั่วเหลือง อย่างบ้านเรา ป่าหลายผืนจำนวนมากเลยถูกถางเพื่อที่จะปลูกข้าวโพด อย่างเช่น ในจังหวัดน่าน แต่ก่อนมีป่าเยอะเลย เดี๋ยวนี้กลายเป็นไร่ข้าวโพดไปแล้ว ไม่ได้เอาไว้เลี้ยงคน แต่เอาไปเลี้ยงสัตว์
พอถางป่าแล้ว มันก็ต้องใช้ไฟเผา ก็เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ อันนี้เป็นก๊าซที่ทำให้เกิดโลกร้อนเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกัน ต้นไม้ซึ่งคอยช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ ก็หดหายไป ตัวดูดคาร์บอนไดออกไซด์เหลือน้อยลง ขณะที่คาร์บอนไดออกไซด์มีมากขึ้น ก็ทำให้โลกร้อนมากขึ้นหรือเร็วขึ้น ซึ่งตอนนี้กำลังเป็นปัญหาอยู่
ขณะเดียวกัน การเลี้ยงสัตว์เป็นอุตสาหกรรมมันก็ทำให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซเรือนกระจกบางชนิด เช่น มีเทน ซึ่งเป็นก๊าซที่เกิดจากการย่อยอาหาร ในกระเพาะของสัตว์ โดยเฉพาะวัว วัวเป็นตัวที่ปล่อยก๊าซมีเทนที่สำคัญมากเลย เวลามันเรอออกมา ก๊าซมีเทนก็จะออกมาซึ่งมีผลร้ายยิ่งกว่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่าเลย
นอกจากนั้นมูลสัตว์ โดยเฉพาะขี้วัว เวลามันเสื่อมสลายไป มันก็ปล่อยก๊าซมีเทนเหมือนกัน ก๊าซพวกนี้มันก็ไปสะสมอยู่ในบรรยากาศ แล้วก็เก็บกักความร้อนไม่ให้กระจายออกสู่ภายนอก โลกเราก็ร้อนขึ้นเรื่อยๆ อันนี้คือประการที่สอง
ประการที่สาม คือว่า การเลี้ยงสัตว์ มันต้องใช้น้ำเยอะมากเลยทั้งโดยตรงและโดยอ้อม โดยอ้อมก็คือว่าใช้น้ำในการปลูกพืช ปลูกข้าวโพด ปลูกธัญพืช เช่น ถั่วเหลือง ใช้น้ำเยอะมาก ในขณะที่ปลูกผักเพื่อเป็นอาหารคน ใช้น้ำน้อยกว่า อันนี้ก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ตอนนี้มีการรณรงค์ให้คนกินเนื้อสัตว์ให้น้อยลง มันจะได้ไม่ก่อปัญหาให้กับสิ่งแวดล้อมอย่างมากเหมือนทุกวันนี้
ซึ่งอันนี้คนก็ไม่ค่อยได้ตระหนัก เราไปคิดแต่เพียงว่า การกินเนื้อนี่ มันเป็นผลเสียต่อสุขภาพ แล้วก็เป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต อันนั้นก็เป็นเรื่องใหญ่เหมือนกัน แต่ที่มันเป็นเรื่องใหญ่ที่ตามมาอีกเรื่องหนึ่งคือการทำลายสิ่งแวดล้อมนี้แหล่ะ แล้วพอทำลายสิ่งแวดล้อมแล้ว เช่น ถางป่า ทำลายป่า มันไม่ได้เดือดร้อนกับสัตว์อย่างเดียว หรือไม่เดือดร้อนกับต้นไม้อย่างเดียว คนก็เดือดร้อนด้วย
เพราะชาวบ้านที่อาศัยป่าอาศัยภูเขาก็มีอยู่มากมาย อาศัยป่าในการเลี้ยงชีพ เก็บหาของป่า พวกนี้ก็ถูกขับไล่อพยพออกไป ไม่มีที่ทำกิน ไม่มีที่หาของป่า น้ำก็หายไป ลำธารลำห้วยก็หดหายไปเพราะป่าถูกทำลาย หน้าแล้งน้ำมีน้อยพอหน้าฝนน้ำก็ท่วม เพราะว่าไม่มีป่าเอาไว้ดูดซับน้ำ
อย่างบ้านเรานี่ก็เห็นชัด ที่ชัยภูมิ น้ำท่วมหนักเลย เพราะว่าภูเขา ภูโค้ง ภูแลนคา ซึ่งเคยมีป่าอุดมสมบูรณ์คอยซับน้ำ ตอนนี้มันมีป่าเหลือน้อยแล้ว พอฝนตกน้ำก็เทลงมา ทางลำปะทาวบ้าง หรือว่าลงจากเขาทางอื่นบ้าง ก็ท่วม อันนี้เกิดขึ้นทั่วไป ทั่วโลกเลย อันนี้เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนัก
มีคนแจกแจงว่า เนื้อที่เรากิน ที่ทำเป็นแฮมเบอร์เกอร์ แฮมเบอร์เกอร์ตอนนี้กำลังเป็นอาหารที่แพร่หลาย แม้กระทั่งท่ามะไฟนี้ก็ยังมีการทำแฮมเบอร์เกอร์ขาย แฮมเบอร์เกอร์ชิ้นหนึ่งใช้น้ำถึง 12,000 ลิตร ก็เท่ากับน้ำในถังน้ำมัน 60 ถังเลย ก็เยอะมากทีเดียว แค่เนื้อชิ้นเดียว แถมยังต้องใช้ป่าในการผลิตแฮมเบอร์เกอร์ถึง 5 ตารางเมตร ดูเหมือนน้อย แต่เราผลิตแฮมเบอร์เกอร์ปีหนึ่งกี่พันล้านชิ้น มันก็ทำให้ป่าสูญไปมหาศาลเลย
อันนี้คนไม่ตระหนัก ทีนี้ถ้าเรากินเนื้อให้น้อยลง กินผักให้มากขึ้น แล้วก็รู้จักกิน สุขภาพก็จะดีซึ่งไม่ใช่จะได้แต่กับสุขภาพของเรา สุขภาพของโลกและสุขภาพของธรรมชาติก็จะดีด้วย เรียกว่าธรรมชาติมีสุขภาวะที่ดีขึ้น
เพราะฉะนั้น การที่คนเราหันมากินมังสวิรัติมากขึ้น ก็เป็นสิ่งที่น่าสนับสนุน อย่างน้อยๆ ลองกินในช่วงเทศกาลกินเจลองดูสักหน่อย ฝึกให้ลิ้นมันคุ้นกับอาหารที่เป็นผักแล้วก็จะรู้ว่าจริงๆมันก็ไม่ได้มีรสชาติแย่ อันนี้สำหรับคนที่ยังติดในรสชาติ แต่ถ้าใครที่เห็นว่ารสชาติมันสำคัญน้อยกว่าสุขภาพของคนเรา ของคนกิน แล้วก็สุขภาพของโลก แต่ยิ่งต้องกินเนื้อให้น้อยลง หันมากินผักให้มากขึ้น กินมังสวิรัติให้เป็นประจำ หรือว่าบ่อยๆ
อันนี้ก็เป็นสิ่งที่เราต้องตระหนักต้องเรียนรู้ เพราะเดี๋ยวนี้โลกมีการเปลี่ยนแปลงไปเยอะแล้ว หลายสิ่งหลายอย่างที่เราไม่เคยคิดว่ามันจะเป็นปัญหา ตอนนี้ก็เป็นปัญหามากขึ้น แม้กระทั่งการใช้น้ำ ใช้ไฟ ถ้าใช้แบบไม่ประหยัดก็มีปัญหา ขับรถขับรามันก็มีปัญหา ไม่ใช่ปัญหาที่เกี่ยวกับอุบัติเหตุแต่ว่าเป็นปัญหาเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม เพราะว่าควันที่ออกมา ถ้าสะสมกันมากๆเข้า รถเป็นพันๆล้านคัน มันก็ทำให้เกิดปัญหาสิ่งแวดล้อม
อย่างที่ตอนนี้เรารู้กันว่า โรงงานอุตสาหกรรมก็ดี การผลิตพลังงานโดยใช้ถ่านหินก็ดี การผลิตพลังงานโดยใช้น้ำมันก็ดี ตอนนี้มันสร้างปัญหากับโลกมาก เพราะฉะนั้น ระยะหลังคนก็หันมาใช้รถที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฟฟ้ากันมากขึ้น ที่เรียกว่ารถไฟฟ้า
แต่เท่านั้นไม่พอ การกินอาหาร ถ้าเรากินผักให้มากขึ้น กินเนื้อให้น้อยลง เดี๋ยวนี้ก็มีการผลิตเนื้อเทียม ไม่ใช่เนื้อที่ทำจากถั่วเหลืองอย่างเดียว แต่ว่าทำจากผักชนิดอื่นด้วยก็เป็นที่นิยมมากขึ้น ต่อไปมันก็จะกลายเป็นอาหารที่แพร่หลายไปทั่วโลก เพราะว่าตอนนี้ก็เริ่มได้รับความนิยมแลัว โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ที่เขาตื่นตัวเรื่องสิ่งแวดล้อม เขาตื่นตัวยิ่งกว่าคนรุ่นเรา หรือว่ารุ่นพ่อรุ่นแม่ เพราะว่าเป็นปัญหาที่มันเห็นชัด
เพราะฉะนั้น ต่อไปเราก็ต้องรู้จักปรับตัวด้วยการบริโภค เปลี่ยนวิถีการบริโภคให้มันส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้น้อยลง ทั้งการกินผักให้มากขึ้นมากขึ้น หรือถ้าจะกินเนื้อก็กินเนื้อเทียมให้มากขึ้น อันนี้ก็เป็นเรื่องที่เราควรจะรับรู้เอาไว้
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 8 ตุลาคม 2564