แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ในทวีปแอฟริกามีนกชนิดหนึ่งชื่อว่า นกพรานผึ้ง ชื่อก็บอกอยู่ ว่ามันเป็นนกที่ชอบกินผึ้ง และก็ชอบกินขี้ผึ้งด้วย ผึ้งเป็นอาหารโปรดของนกชนิดนี้ ปกติมันก็กินผึ้งที่บินว่อนบินโฉบไปตามหาน้ำหวานตามดอกไม้ แต่มันก็รู้ว่ามีที่หนึ่งที่มีผึ้งชุมมากเลย นั่นคือรังผึ้ง รังผึ้งมีผึ้งชุม อาหารก็เยอะ ขี้ผึ้งก็มาก แต่ว่ามันไม่สามารถบุกไปรังผึ้งได้ด้วยตัวเอง แล้วจะทำยังไง
มันก็รู้ว่ามีสัตว์ชนิดหนึ่งที่ชอบกินน้ำผึ้ง แล้วก็ตัวอ่อนของผึ้ง มันชื่อว่าราเตล ตัวมันขนาดใหญ่กว่าแมว อยู่ในวงศ์พังพอน มันมีหนังหนา หนังเหนียว ขนหนา เพราะฉะนั้นผึ้งต่อยยังไง มันก็ไม่เจ็บ ไม่สะทกสะท้าน คราวนี้นกพรานผึ้งถ้าจะไปกินผึ้งถึงรังของมัน มันก็ต้องพึ่งตัวราเตลนี้ แต่ว่ามันไม่ได้พึ่งพาเปล่าๆ มันก็ลงหุ้นด้วย ก็คือมันสามารถที่จะหารังผึ้งได้ง่ายกว่าราเตล
ราเตลมันเดินอยู่บนพื้น แต่ว่านกบินได้ นกรู้ว่าตรงไหนมีรังผึ้งเวลาที่มันเห็นรังผึ้งก็จะบินไปตามหาราเตล แล้วก็ส่งเสียงร้อง ราเตลรู้ภาษานก พอมันเห็นนกพรานผึ้งส่งเสียงอยู่ใกล้ๆ ก็รู้แล้วว่ามีรังผึ้งอยู่ไม่ไกล ก็จะเดินตามนกพรานผึ้งไป พอไปถึงรังผึ้ง ก็เข้าไปลุยรังผึ้งเลย มันปีนต้นไม้ได้ แล้วใช้เล็บที่คมยาว พอบุกเข้าไปในรังผึ้งแล้ว ผึ้งก็ทำอะไรมันไม่ได้ มันก็ได้กินน้ำผึ้ง และตัวอ่อนของผึ้ง ส่วนนกก็ได้กินตัวผึ้งแล้วก็ขี้ผึ้ง เรียกว่าสมประโยชน์ทั้งสองฝ่าย เป็นการพึ่งพาอาศัยกัน ต่างฝ่ายต่างก็ช่วยเหลือกัน ขาดฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งก็ไม่ได้
คราวนี้ในบางแห่ง มันไม่มีตัวราเตล นกพรานผึ้งจะทำยังไง ก็มีสัตว์บางชนิดร่วมมือกับมันได้ นั่นก็คือลิง ลิงบาบูน มันก็รู้ภาษานก เวลานกส่งเสียงร้อง มันก็รู้แล้วว่ามีรังผึ้งอยู่แถวๆนี้ มันก็เดินตาม หรือมันก็ป่ายปีนไปตามทิศทางของนก แล้วพอไปถึงรังผึ้ง ก็ลุยเลยรังผึ้ง มันก็ได้กินน้ำผึ้ง ส่วนนกก็ได้กินผึ้งและก็ขี้ผึ้ง
แต่ว่าในบางแห่ง ตัวราเตลไม่ค่อยมี ลิงก็หายาก แล้วจะทำไง มันก็รู้ว่าคนก็ชอบตีรังผึ้ง เพราะฉะนั้น เวลานกเจอผึ้ง มันก็จะไปตามหาคน แล้วพอเจอคนอยู่แถวนั้น ก็จะบินว่อนบินวน แล้วก็ส่งเสียงร้อง ทีแรกคนก็อาจจะไม่รู้ว่านกต้องการอะไร แต่พอเห็นนกมันบินอยู่ใกล้ๆ ไม่ยอมไปสักที แล้วก็ส่งเสียงร้อง คนก็พอจะเดาออกว่า สงสัยมันเรียกให้ตามมันไป คนก็เดินตามไป
แต่บางคนก็เดินช้าเพราะว่าลุยป่านี่มันไม่ได้รวดเร็วเหมือนกับนกที่บินอยู่ในอากาศ บางทีนกก็รอคน พอคนเดินมาใกล้ๆมันก็บินต่อไป แล้วก็พาคนไปถึงรังผึ้ง คนก็ตีรังผึ้ง ได้น้ำผึ้งไป แต่ก็แบ่งของดีให้กับนกชนิดนี้ด้วย เช่น แบ่งรังผึ้งหรือขี้ผึ้ง ส่วนตัวผึ้ง นกก็มีกิน เต็มที่เลย
ก็เป็นที่รู้กันในหมู่คนแถวแอฟริกาแถวนี้ว่า ถ้ามีนกชนิดนี้ ถ้ามันเรียก มันบินมา ก็ตามมันไปเถิด เดี๋ยวเจอแน่ เลยมีคนที่มีอาชีพนี้ อาชีพหารังผึ้ง แล้วก็คอยสอดส่ายตามหานกพรานผึ้ง เรียกว่าร่วมมือกันทำมาหากิน แล้วก็แบ่งกัน สมประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย แต่มีบางคนเห็นแก่ตัวอยากได้มาก พอได้รังผึ้งแล้ว ไม่แบ่งให้นก เอารังผึ้งไปทั้งรังเลย เพราะว่าจะได้ทั้งน้ำหวาน ตัวอ่อน แล้วก็ขี้ผึ้งด้วย ไม่แบ่งให้นกเลย
นกอาจจะได้ตัวผึ้งที่มันบินว่อน แต่ว่าของดีที่มากกว่านั้น ไม่ได้ เพราะคนเอาไป นกก็รู้ว่าคนๆนี้เห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ ทีหลังมันเจอคนนี้แบบนี้ มันก็จะไม่เรียกแล้ว เพราะรู้ว่าคนนี้เห็นแก่ตัว นกก็มีจิตมีใจมีความรู้สึก มันหวังว่าคนนี้จะแบ่งปันให้มันบ้าง เพราะว่ามันก็ลงทุนลงแรงเหมือนกัน อุตส่าห์ไปหารังผึ้ง อุตส่าห์มาเรียกให้คนเดินตามไป แต่พอคนได้รังผึ้งแล้ว ก็เก็บหมดเลย ไม่แบ่งให้
นกก็รู้สึกว่าคนแบบนี้ไม่น่าคบ ถึงเวลาเจอรังผึ้ง มันก็ไม่ไปเรียกคนอย่างนี้แล้ว มันก็ไปหาคนใหม่ ส่วนคนที่เห็นแก่ตัวนี้ ก็จะได้ครั้งเดียว ต่อไปไม่ได้แล้ว นกจะไม่เรียก ต้องไปหาด้วยตัวเอง เรียกว่าเห็นแก่ตัวเอาแต่ได้ ไม่รู้จักแบ่งปัน มันก็ได้แค่ครั้งเดียว หรือครั้งสองครั้ง แต่ว่าต่อไปก็ไม่ได้อีกแล้ว
ธรรมชาติก็สอนคนว่า ต้องรู้จักแบ่งปัน โดยเฉพาะถ้าพึ่งพาอาศัยใคร ไม่ใช่แค่คนอย่างเดียว ต้องพึ่งพาอาศัยสัตว์ พึ่งพาอาศัยนก ก็ต้องรู้จักแบ่งปันให้เขาบ้าง หรือว่าแบ่งปันให้คนเท่าเทียมกัน จะไปคิดว่าเป็นนก เป็นสัตว์เดรัจฉาน ไม่รู้เรื่อง ไม่มีหัวจิตหัวใจนี่ไม่ได้แล้ว เพราะธรรมชาติต้องพึ่งพาอาศัยกัน ขนาดพวกราเตล ลิง มันยังแบ่งให้นก ถ้าหากคนเห็นแก่ตัวมาก มันก็ได้ครั้งเดียว หรือได้แค่ 2 ครั้ง หลังจากนั้นก็อด ธรรมชาติมันสอนให้รู้จักแบ่งปัน ไม่เห็นแก่ตัว ต้องรู้จักใจเขาใจเราด้วย
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 5 ตุลาคม 2564