แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เชื่อว่าคนเราทุกคน ย่อมเคยผ่านช่วงดีๆในชีวิตมาแล้ว เป็นช่วงเวลาในอดีตที่รู้สึกดี มีความสุข ช่วงดีๆที่ว่านี้อาจจะเป็นช่วงเวลาที่ประสบความสำเร็จ เช่น ถ้าเป็นนักกีฬาก็ได้แชมป์ หรือทำให้ทีมของตัวได้ถ้วยได้เหรียญทอง อาจจะระดับประเทศ ระดับทวีป หรือว่าระดับโลก อย่างนักกีฬาเหรียญทองโอลิมปิก
ความสำเร็จในฐานะที่เป็นนักธุรกิจ นักเขียน นักวิชาการ ผลิตหนังสือ ผลงานออกมา เป็นสิ่งที่ภาคภูมิใจหรือว่าอาจจะเคยเป็น CEO บริหารธุรกิจ เป็นผู้นำองค์กร เป็นผู้จัดการ หรือว่าอาจจะมีตำแหน่ง มีฐานะที่สูง เป็นอธิบดี ปลัดกระทรวง ผู้ว่าราชการจังหวัด แม้กระทั่งเป็นรัฐมนตรี แต่สำหรับบางคนช่วงดีๆในชีวิตมีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นดารา นักร้อง เป็นนางแบบ ไปที่ไหน คนก็รู้จัก ถือป้ายต้อนรับ บางทีก็ถือป้ายไฟแห่แหน มาขอลายเซ็น มาขอถ่ายรูป
หรือถึงแม้จะไม่ใช่คนที่มีความสามารถและประสบความสำเร็จมีชื่อเสียง เป็นคนธรรมดาๆนี่แหละ แต่ว่าในช่วงเวลาที่รู้สึกดี คือช่วงเวลาที่มีกำลังวังชาเพราะว่ายังหนุ่มยังสาว สามารถไปเที่ยวสนุกสนานรื่นเริง ไปผจญภัย หรืออาจจะเป็นเพราะว่าหน้าตาดี หล่อหรือว่าสวยเป็นที่ชื่นชมของคนรอบข้าง หรืออาจจะหมายถึงช่วงเวลาที่มีความรักหวานชื่น สมหวังในความรัก
ช่วงเวลาดีๆเหล่านี้ ที่ว่าทุกคนก็คงจะมี ในช่วงที่ผ่านมาของชีวิต ซึ่งมันก็ช่วยทำให้ชีวิตมีความสุข เวลานึกถึงแล้วก็เกิดความปลาบปลื้ม บางทีอาจจะร้สึกเหมือนน้ำชโลมลงใจ แต่ถ้าไปติดใจหรือไปฝังใจกับช่วงเวลาที่ดีๆเหล่านั้น มันก็อาจจะทำให้เกิดความทุกข์อีกแบบหนึ่ง ก็คือ เกิดความโหยหาอาลัยอาวรณ์ทั้งที่ผ่านมา10 ปี 20 ปี 30 ปีแล้ว ก็ยังคิดถึงช่วงเวลาเหล่านั้นอยู่
พอคิดถึงแล้วเกิดการเปรียบเทียบกับปัจจุบันว่า มันไม่เห็นดีอย่างนั้นเลย ทำไมมันไม่ดีอย่างนั้น รู้สึกว่าสิ่งที่มี สิ่งที่ประสบในปัจจุบันไม่ค่อยมีค่า เพราะว่าเอาไปเปรียบเทียบกับแต่ช่วงที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียง หรือว่ามีความสุขสุดๆในอดีต
พอเปรียบเทียบอย่างนั้น สิ่งที่เป็นอยู่ในปัจจุบันก็เลยด้อยค่า หลายคนก็รู้สึกทนอยู่กับปัจจุบันไม่ได้ ต้องปล่อยใจให้ไปจมอยู่กับอดีตที่เรียกว่าวันวานอันหวานชื่น คนบางคนประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุไม่มากจะเรียกว่ามีโชคก็ได้ เช่น นักกีฬา บางคนประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นแชมป์ระดับเอเชียระดับโลกตั้งแต่อายุไม่ถึง 20
หรือว่าถ้าเป็นนักยิมนาสติก นักว่ายน้ำบางคน เป็นแชมป์ตั้งแต่อายุ 14-15 ก็เรียกว่าขึ้นเร็ว แต่ว่ามองอีกในแง่หนึ่งเขาก็คงมีความทุกข์ไม่น้อย เพราะว่าถ้าเกิดเขามีอายุยืนยัน 80 ปีก็หมายความว่า ในช่วงเวลา 60 ปีหรือ 65 ปีหลังจากมีชื่อเสียงโด่งดังและก็หมดไปกับการโหยหาอาลัยในอดีต ไม่มีความสุขกับชีวิตที่เป็นอยู่ เพราะว่ามันไม่มีเหตุการณ์ดีๆเหล่านั้นเกิดขึ้นอีกแล้ว
หรืออย่างดาราที่มีชื่อเสียงอายุไม่ถึง 20 สมัยที่หน้าตายังดี แต่ว่าพออายุมากถึง 70-80 ร่างกายเปลี่ยนสภาพไป กลายเป็นคนละคนไปแล้ว ก็ทนยอมรับกับสภาพที่เป็นอยู่ไม่ได้ โดยเฉพาะไปนึกถึงวันวานอันหวานชื่นที่เคยสวยสะพรั่ง มันทำให้อยู่แบบซังกะตาย แต่บางคน ความสำเร็จหรือว่าชื่อเสียง มันมาเร็วแล้วก็ไปเร็ว หรือว่าเปลี่ยนแปลงไปอย่างกะทันหัน
อย่างคนที่เคยเป็นอธิบดี ปลัดกระทรวง หรือเป็นผู้ว่า วันดีคืนดีก็กลายเป็นคนธรรมดาเพราะว่าเกษียณ เกียรติยศ ชื่อเสียง บริษัทบริวาร หรือว่าตำแหน่ง อำนาจมันหายไปในชั่วข้ามคืน ทำใจไม่ได้เลย ทำใจได้ยากมาก มีผู้ว่าคนหนึ่งเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดที่ใหญ่มาก ไปไหนคนก็แห่แหนต้อนรับทั้งข้าราชการทั้งพ่อค้า
แต่พอเกษียณกลายเป็นคนธรรมดา หงอยไปเลย เพราะว่าสิ่งดีๆที่เคยเพลิดเพลินมันหายไปทันที เหมือนกับตกสวรรค์เลย ทั้งๆที่เขายังมีชีวิตที่ปกติสุขอยู่ ในฐานะที่เป็นประชาชนธรรมดา ความเป็นอยู่ก็สุขสบาย แต่ว่าจิตใจไม่มีความสุขแล้ว เพราะมันหวนหาอาลัยนึกถึงช่วงที่รุ่งเรืองในอดีต
อันนี้เป็นทุกข์ของคนที่ประสบความสำเร็จ หรือว่าได้พบสิ่งดีๆในอดีต เคยพูดมาแล้วว่า คนที่ประสบความเลวร้ายในอดีต มันก็ทำให้ไม่สามารถจะมีความสุขกับปัจจุบันได้ เพราะมันฝังใจกับเรื่องราวในอดีตที่เจ็บปวด เรียกว่ามาดริดมันปิดบังปัจจุบัน ไม่ให้เห็นความสุข ในทางตรงข้ามแม้ประสบกับสิ่งที่ดีในอดีต แต่ถ้าไปยึดติดถือมั่นกับมันมาก โหยหาอาลัยในสิ่งนั้น ก็ทำให้ไม่สามารถที่จะเห็นความสุขในปัจจุบันได้
อย่างผู้ว่าคนนั้นพอกลับไปจังหวัดเดิม ไม่มีใครต้อนรับเหมือนเดิมอีกแล้ว หน้ามือพลิกกลายเป็นหลังมือเลย ข้าราชการก็ไม่สนใจ แม้กระทั่งข้าราชการชั้นผู้น้อย พ่อค้าวาณิชก็ไม่สนใจแล้วเพราะไม่มีอำนาจแล้ว ทำใจไม่ได้ เรียกว่าหงอยไปเลยหรือบางทีตรอมใจ อายุสั้นก็มี
การที่คนเราผ่านสิ่งดีๆมา ถ้าวางใจไม่เป็น มันก็ทำให้เป็นทุกข์เหมือนกัน คนเราย่อมมีช่วงชีวิตหนึ่งที่มาถึงจุดสูงสุดในความเข้าใจของตัว เช่น มีความสำเร็จ มีชื่อเสียง หรือว่ามีกำลังวังชา มีสุขภาพ หรือว่าได้ประสบความสมหวัง รูปร่างหน้าตาดี แต่ว่าเมื่อเวลาผ่านไป จุดสูงสุดนั้นก็กลายเป็นอดีตไป ค่าเปลี่ยนเหมือนกับภูเขา พอขึ้นถึงยอดเขาแล้ว หลังจากนั้นต้องลงเขาอย่างเดียวเลย
ถ้าไปเพลิดเพลินกับทิวทัศน์บนยอดเขา มันก็จะทำใจได้ยากเวลาที่จะต้องลงจากเขา หรือว่าเข้าสู่ชีวิตขาลง มีนักปีนเขาคนหนึ่ง แกเป็นคนที่สามารถนำพาผู้คนมากมาย ให้สามารถพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ได้ เขาทำมาแล้วได้ 40 กว่าคน เขาบอกว่าพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ไม่ยากหรอก คนปัญญาอ่อนก็ขึ้นได้ถ้ามีความพยายาม แต่สิ่งที่มันยากก็คือ ลงจากยอดเขาเอเวอเรสต์อย่างมีชีวิตอย่างมีลมหายใจ อันนี้ยากกว่า
บางคนอยู่บนยอดเขาเอเวอเรสต์เพลิน ไม่ยอมลง หรือลงช้า ปรากฏว่ากว่าจะถึงแคมป์ก็ค่ำ หลงทางตกหน้าผา หรือบางทีพายุมา ทั้งที่มีคนเตือนแล้ว ก็ไม่รีบลง ลงช้า ก็โดนพายุหิมะกลบทับตาย เขาพูดไว้น่าคิดว่า ขึ้นเขาพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ไม่ยาก แต่ที่ยากคือลงมาแบบมีลมหายใจ แบบมีชีวิตต่างหาก อันนี้สำคัญกว่า แต่คนส่วนใหญ่คิดแต่ทำอย่างไรถึงจะพิชิตยอดเขา แต่ว่าไม่ค่อยเห็นความสำคัญของการลงมาอย่างมีชีวิตชีวาหรืออย่างมีลมหายใจ
ในโลกนี้มีคนกลุ่มหนึ่งที่พิเศษมากเลย มีแค่ 24 คนที่มีประสบการณ์ที่ไม่มีใครทำได้ ทั้งในอดีตหรือว่าในปัจจุบัน เป็นนักบินอวกาศอเมริกัน 24 คน เคยไปถึงดวงจันทร์มาแล้ว ครึ่งหนึ่ง 12 คนเคยเหยียบดวงจันทร์มาแล้ว คนเหล่านี้ตอนกลับมาจากดวงจันทร์มาถึงพื้นโลก หน้ารับการแห่แหนต้อนรับอย่างวีรบุรุษ ไปที่ไหนคนก็ต้อนรับกันเป็นพันเป็นหมื่น ได้รับเชิญไปสัมภาษณ์ออกโทรทัศน์ในรายการต่างๆมากมาย
แต่ว่าผ่านไปไม่นาน คนก็ไม่สนใจเขาแล้ว สื่อมวลชนก็ไม่สนใจ ผู้คนก็ลืม คนเหล่านี้บอกว่า ไปดวงจันทร์มันยากอยู่แล้ว แต่สิ่งที่ยากคือกลับมาสู่พื้นโลก แล้วก็กลับมาเดินบนพื้นโลกอย่างมีความสุข เพราะคนเรานี้พอกลับมาแล้วก็มีความสุขประเดี๋ยวประด๋าว มีชื่อเสียงเป็นที่ต้อนรับแต่ก็ชั่วคราว ยังมากก็หนึ่งปี สองปี หลังจากนั้นคนก็ลืม
คนเหล่านี้เขาก็ใช้ชีวิตหลังจากนั้นด้วยความทุกข์ทรมานมาก ด้วยความยากลำบากมาก เพราะว่าไม่เป็นที่รู้จักแล้ว ไม่มีชื่อเสียงเหมือนก่อน แล้วก็ไม่สามารถที่จะทำภารกิจที่สำคัญที่ยาก ยิ่งใหญ่ได้อีกต่อไป ชีวิตมันโหยหาอดีตสมัยที่ได้ทำภารกิจที่ยิ่งใหญ่ แล้วก็มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ แต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแล้ว
ถือว่าเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับพวกเขา ที่จะกลับไปสู่วิถีชีวิตแบบธรรมดาแบบที่เคยทำ เช่น ออกแบบเครื่องบิน หรือว่าไปสอนหนังสือ ก็พยายามดิ้นรนที่จะทำตนให้มีชื่อเสียง หรือว่าได้ทำภารกิจที่ดูมันยิ่งใหญ่ แต่ว่าก็ไม่เคยประสบความสำเร็จเพราะว่าเคยไปพิชิตดวงจันทร์ มันสุดๆแล้ว คนเหล่านี้พอกลับมาใช้ชีวิตธรรมดา ปรับตัวยากมาก
และยิ่งโหยหาถึงความสำเร็จในอดีต มันก็ยิ่งเป็นทุกข์กับชีวิตในปัจจุบัน ทนไม่ได้ บางคนก็ไปหาเหล้า ติดเหล้า บางคนก็เป็นโรคซึมเศร้าไปเลย แต่ก็มีบางคนพยายามที่จะไปทำอะไรที่มันตื่่นเต้นท้าทาย เช่น ไปเป็นนักการเมือง แต่ว่าก็ไม่เคยรู้สึกพึงพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย เพราะว่ายังอาลัยอดีตที่หอมหวาน
มันก็คล้ายกับคนที่พิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ที่ว่าหายากแล้ว แต่ที่ยากกว่าคือ ตอนลงมาอย่างมีชีวิต ไปถึงดวงจันทร์นี้ยากแล้ว แต่ว่าที่ยากกว่า คือ กลับมาจากดวงจันทร์แล้ว อยู่กับพื้นโลกอย่างมีความสุข
หรือพูดให้มันชัดเจน คือว่า การที่จะประสบความสำเร็จมันยากแล้ว แต่การที่จะลงจากความสำเร็จ หรือว่าลงจากการมีชื่อเสียง หรือว่าลงจากช่วงที่เคยรู้สึกว่ามันเป็นพีค อันนี้ยากกว่า มักจะมีหนังสือตำราว่าทำอย่างไรถึงจะประสบความสำเร็จ ทำยังไงถึงจะมีชื่อเสียง ประเภท How to แต่ว่าไม่ค่อยมี ประเภทว่า How to ลงจากความสำเร็จอย่างมีความสุข หรือทำยังไงที่จะมีชีวิตขาลงอย่างมีความสุข แต่มันทำได้ถ้ารู้จักวางใจให้เป็น
อย่างที่เคยเล่า นักกายกรรมคนหนึ่งที่เดินไปลวดกลางอากาศ ระหว่างยอดตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ เดินกลางอากาศถึง 45 นาที ก่อนที่จะยอมให้ตำรวจจับ ตอนนั้นเขาดังมาก ดังสุดๆ เหตุการณ์นี้ผ่านไป 30 ปีก็มีคนมาขอสัมภาษณ์เขาว่ารู้สึกยังไงกับเหตุการณ์ครั้งนั้น เพราะว่าไม่มีใครทำได้แล้ว เนื่องจากตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์มันก็พังทลายลงไปแล้วเหตุการณ์ 11 กันยา
เขาตอบดีตอบว่า เขาก็ไม่รู้สึกว่าความสำเร็จครั้งนั้น เป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดในชีวิตของเขาเลย เขาบอกว่า สำหรับผมแล้ว ช่วงเวลาที่ดีที่สุดของชีวิตคือตอนนี้ คือปัจจุบัน ไม่ใช่เมื่อ 30 ปีที่แล้วที่ดังสุดๆ หรือว่าสำเร็จอย่างที่ไม่มีใครทำได้ เขาบอกว่าเขาไม่มีความอาลัยอาวรณ์กับเหตุการณ์ครั้งนั้นเลย หรือความสำเร็จครั้งนั้นเลย ทั้งนี้เพราะอะไร เพราะเขาให้ความสำคัญกับปัจจุบัน ใส่ใจกับปัจจุบัน ใส่ใจกับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน
พอใส่ใจในสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน มันก็มีความสุขได้ไม่ยาก แต่อาจเป็นเพราะว่า คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยใส่ใจกับปัจจุบัน ไม่เห็นความสำคัญของสิ่งที่ทำในปัจจุบัน เพราะว่าไปโหยหาอาลัยกับช่วงวันวานอันหวานชื่นหรือว่าช่วงความรุ่งเรืองในอดีต มันก็กลายเป็นตัวหน่วงเป็นตัวล่ามให้อยู่กับอดีตจนกระทั่งไม่เห็นถึงคุณค่าปัจจุบัน
คราวที่แล้วก็พูดไปแล้วว่า ความเจ็บปวดในอดีต มันสามารถจะล่ามเราให้อยู่กับอดีตได้ ความสำเร็จหรือว่าวันวานอันหวานชื่นในอดีต มันก็สามารถจะล่ามคนจำนวนไม่น้อย ให้อยู่กับอดีต โหยหาอดีต แล้วก็ไม่มีความสุขกับปัจจุบัน ใช้ชีวิตแต่ละวันอย่างหงอยเหงา เพราะว่าไม่มีคนรู้จักเหมือนเมื่อก่อน ไม่มีความสำเร็จหรือไม่ได้รับความสำเร็จอย่างที่เคยทำ ทั้งที่ปัจจุบันก็มีสิ่งดีๆหลายอย่าง
การใส่ใจกับปัจจุบัน ให้คุณค่ากับสิ่งที่ทำอยู่ในปัจจุบัน มันเป็นสิ่งที่จะช่วยทำให้เราสามารถที่จะเป็นอิสระจากความโหยหาช่วงดีๆในอดีตได้ และยิ่งถ้าเรารู้จักว่าอะไรเป็นสิ่งที่มีคุณค่าสำหรับชีวิต เมื่อไหร่ก็ตามที่เราค้นพบสิ่งที่เป็นคุณค่าที่แท้ของชีวิต ช่วงเวลาที่ว่าในอดีตก็จะไม่มีความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จ การมีชื่อเสียง หรือว่าการมีหน้าตาดี พวกนี้กลายเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยสำคัญเท่าไหร่ เพราะว่า ได้พบสิ่งที่สำคัญและได้พบสิ่งที่เป็นคุณค่าแท้ของชีวิตชีวิตมากกว่า
เคยมีนักวิ่งคนหนึ่งชื่อ โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ เขาดังมากเพราะว่าเขาเป็นคนแรกที่สามารถวิ่งระยะทาง 1 ไมล์ได้ภายใน 4 นาที ก่อนหน้านี้ไม่มีใครทำได้ วิ่งเท่าไหร่ๆ มันก็เกิน 4 นาที จนกระทั่งความคิดว่ามนุษย์เราไม่สามารถจะวิ่งได้ในเวลา 4 นาทีได้ในระยะทาง 1 ไมล์ เขาทำได้ หลังจากนั้นมา มีคนที่วิ่งได้ด้วยเวลาที่น้อยกว่าเขา 3.9 บ้าง 3.8 บ้าง แต่ก็ไม่มีใครดังเท่าเขา เพราะเขาเป็นคนที่ทลายกำแพงของความเชื่อที่ว่าคนเราวิ่งไม่ได้ 4 นาทีในระยะทาง 1 ไมล์
โรเจอร์ แบนนิสเตอร์ ดังมาก ผ่านไป 50 ปีแล้ว รัฐบาลอังกฤษก็ให้มีการเฉลิมฉลองเหตุการณ์นั้น มีการทำแสตมป์ทำเหรียญระลึกถึงเขา มีคนไปสัมภาษณ์เขาว่า เขาคิดอย่างไรกับเหตุการณ์ครั้งนั้น เขารู้สึกว่าเหตุการณ์ครั้งนั้นเป็นความสำเร็จที่สำคัญของชีวิตของเขาหรือไม่ เขาบอกว่าเขาไม่ได้รู้สึกอย่างนั้นเลย เขาคิดว่าสิ่งที่เขาทำตอนนี้สำคัญกว่า
เขาเป็นนักประสาทวิทยา และเขาก็เป็นนักวิทยาศาสตร์ที่ค้นพบความรู้ต่างๆมากมายที่เป็นประโยชน์ต่อโลกที่ช่วยเยียวยารักษาคนที่เป็นมีปัญหาด้านประสาท ถึงแม้ว่าจะไม่มีชื่อเสียง ไม่มีคนรู้จักเขา แต่เขารู้สึกว่าสิ่งที่เขาทำสำคัญกว่า เพราะมันช่วยคนได้ การมีชื่อเสียงมันไม่ได้เป็นคุณค่าที่สำคัญของชีวิตหรอก แต่การที่ทำอะไรที่เป็นประโยชน์เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ อันนี้มันเป็นสิ่งที่น่าภาคภูมิใจกว่า เขาเลยไม่รู้สึกอาลัยในอดีต ใครๆยกย่องเขา เขาก็ไม่สนใจ เพราะเขามีความสุขกับสิ่งที่เขาทำอยู่แล้ว
คนเราถ้าเข้าถึงสิ่งที่เป็นคุณค่าแท้ ซึ่งไม่ใช่เฉพาะเรื่องการทำประโยชน์ให้กับเพื่อนมนุษย์ แต่ว่าได้เข้าถึงความสุขที่แท้ด้วย เช่นได้พบความสงบเย็นในจิตใจ พอเข้าถึงความสุขที่แท้ มันก็ไม่มีความรู้สึกที่จะไปโหยหาอาลัยกับวันวานอันหวานชื่น หรือว่าความรุ่งโรจน์ในอดีต เพราะว่ามันกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญไปเสียแล้ว
แต่ถ้าคนเรายังไม่สามารถที่จะเข้าถึงคุณค่าแท้ของชีวิต ไม่สามารถที่จะเข้าถึงความสุขของชีวิตได้ ก็ยังต้องโหยหาอาลัยอาวรณ์ช่วงเวลาดีๆในอดีต ซึ่งก็ถือว่าเป็นช่วงขาขึ้นตามประสาชาวโลกแล้วก็จะรู้สึกว่า หลังจากนั้นก็เป็นช่วงขาลง ซึ่งมันไม่น่ายินดี มันมีแต่ความว่างเปล่า แต่ถ้าเกิดคนเราเข้าถึงความสุขที่แท้ มันจะไม่ไยดีเลยกับสิ่งที่ใครๆบอกว่าเป็นความสำเร็จหรือเป็นช่วงขาขึ้นทางโลก
เพราะฉะนั้นถ้าจะให้ดี อย่าไปรอให้ชีวิตมันเข้าสู่ขาลง แล้วค่อยปรับตัวปรับใจคลายทุกข์ แต่ถ้าจะให้ดีถ้าเกิดว่า ช่วงที่ขาขึ้นนี่แหละเราตระหนักหรือเตือนตนเองว่า มันเป็นของไม่จีรังยั่งยืน ความสำเร็จก็ดี ชื่อเสียงก็ดี หรือว่ารูปร่างหน้าตาที่ภาคภูมิใจก็ดี หรือว่าความสำเร็จสมหวังอย่างโลกๆนี้ มันเป็นของชั่วคราวประเดี๋ยวประด๋าว เราจะมีความสุขกับมันแต่ก็ไม่สุขมาก
เพราะถ้าสุขมากถึงเวลามันกลายเป็นอดีตไป ก็จะทุกข์ก็จะโหยหา พอโหยหาแล้วก็จะไม่มีความสุขกับปัจจุบัน และมันจะทำให้ชีวิตถูกล่ามอยู่กับอดีตอยู่ตลอดเวลา ไม่สามารถที่จะค้นพบสิ่งดีๆในปัจจุบัน หรือว่าทำให้ชีวิตตัวเองมีคุณค่า หรือได้พบสิ่งที่มีคุณค่าของชีวิตได้ อดีตที่เจ็บปวดมันก็ล่ามคนเราเอาไว้ ไม่ให้ไปข้างหน้า อดีตที่หอมหวานนี้มันก็สามารถจะทำได้เหมือนกัน
แต่ถ้ารู้จักปล่อยรู้จักวาง กลับมาอยู่กับปัจจุบันเห็นคุณค่าของปัจจุบัน และใช้เวลาที่มีอยู่ให้มีคุณค่าในแต่ละขณะ มันก็จะเป็นอิสระจากไม่ว่าจะเป็นวันวานอันหวานชื่น หรือว่าวันคืนอันขื่นขมก็ตาม
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมเย็นวันที่ 30 กันยายน 2564