แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้เป็นวันสำคัญสำหรับหลายคน เพราะว่าเป็นวันสุดท้ายที่ได้ทำงาน พ้นจากวันนี้ไปก็เรียกว่าเกษียณแล้ว โดยเฉพาะคนที่เป็นข้าราชการหลายคนซึ่งมีอายุครบ 60 ในปีนี้ เป็นความเปลี่ยนแปลงที่สำคัญ เพราะว่านับแต่วันพรุ่งนี้ไป แม้จะเป็นวันธรรมดาจันทร์ถึงศุกร์ ตื่นเช้าขึ้นมาแล้วก็ไม่ต้องรีบแต่งตัว กินข้าวไปทำงาน ถึงอยากจะไปทำงานก็ไม่มีที่ทางให้ทำ เพราะว่าคนอื่นเขาก็มาทำแทนไปแล้ว
ก็เรียกว่ามีเวลาว่างทั้งวันเลย ซึ่งสำหรับหลายๆคนนี่รู้สึกมันว่างเกินไป ยิ่งบางคนมีตำแหน่งสูง เป็นปลัดกระทรวงบ้าง เป็นอธิบดีบ้าง หรือว่าเป็นผู้อำนวยการบ้าง พ้นจากวันนี้ไปก็กลายเป็นคนธรรมดา รวมทั้งบางคนวันนี้เป็นผู้ว่า พอถึงพรุ่งนี้ก็กลายเป็นคนธรรมดาไปแล้ว ถ้าหากว่าอายุครบ 60 แล้ว ตำแหน่งสูงๆที่เคยมีก็หลุดหายไป อำนาจหน้าที่ที่เคยมีกับตำแหน่งก็หมดไป บริษัทบริวารที่เคยมีห้อมล้อมก็หายหัวไปหมด เพราะว่าไม่มีอำนาจจะบังคับบัญชาเขาได้ แล้วก็ไม่มีตำแหน่งด้วย
คนที่เคยมาพินอบพิเทาเพราะเราสามารถให้คุณให้โทษได้ เขาก็หายไปหมด ก็เรียกว่าหลุดลอยไปทั้งตำแหน่ง ทั้งหน้าที่ ทั้งอำนาจ อันนี้เรียกว่าเป็นช่วงขาลงก็ว่าได้ มันเป็นนิมิตหมายพอถึงวันเกษียณ มันก็เป็นนิมิตหมายหรือหมุดหมายว่า ชีวิตนี้เข้าสู่ช่วงขาลง
และอันที่จริงสำหรับคนอายุ 60 มันเข้าสู่ขาลงมาได้หลายปีแล้ว เพราะว่ากำลังวังชาก็ลดน้อยถอยลงความคิดความอ่านที่เคยรวดเร็วฉับไวมันก็เฉื่อยชาลง แต่ว่ามันก็ยังไม่ชัดเจนเหมือนกับเมื่อถึงวันที่ต้องเกษียณอายุ นึกว่าชีวิตขาลงมันก็ชัดเจน บางคนแม้จะไม่มีตำแหน่งหน้าที่สูงๆ แต่ว่าการที่เกษียณเมื่ออายุครบ 60 ก็แสดงว่า กำลังวังชาเราเริ่มลดน้อยถอยลงแล้ว
สติปัญญาเราก็ไม่เฉียบคมเหมือนเมื่อก่อน ประสิทธิภาพการทำงานก็ลดลง เขาก็เลยให้พักซะเลย ก็คือเกษียณ ให้คนที่หนุ่มกว่าสาวกว่า มีอายุน้อยกว่ามาทำแทน อันนี้ก็เป็นเครื่องบอกถึงการที่ชีวิตให้เข้าสู่ช่วงขาลงอย่างชัดเจน แต่ว่ามันก็เป็นช่วงขาลงในทางโลก ไม่ว่าจะเป็นเพราะความแก่ชรา กำลังวังชาลดน้อยถอยลง หรือเพราะว่าตำแหน่งหน้าที่หมดไป ไม่มีบริษัทบริวาร พวกนี้เป็นเรื่องทางโลกทั้งนั้นแหละ จะเรียกว่าเป็นขาลงในทางยศทรัพย์ก็ได้
แต่ว่ามันไม่ได้แปลว่า จะเป็นขาลงในทางธรรม หรือขาลงในทางจิตใจ ขาลงในทางโลก มันเป็นเรื่องธรรมดา แต่อย่าให้จิตใจลงไปด้วย ถึงแม้ว่าชีวิตจะเข้าสู่ช่วงขาลง แต่ว่าเราก็สามารถทำให้จิตใจมันค่อยๆขึ้นสูงได้ เรียกว่าชีวิตขาขึ้นในทางธรรม หรือในทางจิตใจ มันทำได้ เช่น ในเมื่อเกษียณแล้ว มีเวลาว่าง ว่างจากงานหลวง แต่ว่าเราก็สามารถที่จะหางานอื่นมาทำก็ได้ ที่มีประโยชน์
บางคนอาจจะคิดว่าเกษียณแล้ว ดี จะได้เที่ยว จะได้พักผ่อน จะได้สนุกสนาน อยู่บ้านทั้งวัน ก็ทำได้อย่างนี้สักพัก มันจะเริ่มเบื่อ แล้วจะรู้สึกว่าชีวิตไม่มีคุณค่าเสียแล้ว ไม่ได้สร้างสรรค์อะไรเลย อยู่ไปวันๆ ดูโทรทัศน์ เล่นโทรศัพท์มือถือ หรือไปกินอาหารอร่อยๆ ไปเที่ยวต่างประเทศ ถ้าหากว่าเที่ยวได้เพราะว่าโควิตตอนนี้ยังเที่ยวไม่ได้ ก็จะรู้สึกว่ามันน่าเบื่อ
แต่ถ้าหากว่าได้ทำอะไรที่มีประโยชน์ มีคุณค่า มันช่วยเติมความสดชื่นให้กับจิตใจ และรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่าขึ้นมาอีกครั้ง หรือว่ามีคุณค่ายิ่งกว่าเดิมก็ได้ มีบางคนพอเกษียณจากงานธนาคาร ทีแรกก็ดีใจได้พัก แต่ว่าพอพักไปนานๆ แม้ว่าจะมีหนังดู จะมีอาหารอร่อยๆกิน แต่ว่ามันเริ่มเบื่อ รู้สึกว่าตัวเองไม่มีคุณค่ามองว่าตัวเองกลายเป็นขยะ ทั้งที่ก็มีเงินมีทอง แต่ไม่มีอะไรทำ
แต่พอได้ไปเป็นจิตอาสา ไม่ได้มีรายได้ ไม่ได้มีผลตอบแทน แถมไม่มีตำแหน่งสูงๆ ไม่มีบริษัทบริวาร แต่มีความสุข จากการได้ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวม ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ที่ตกทุกข์ได้ยาก หรือว่าช่วยเหลือโลกให้มีสภาพแวดล้อมที่ดีขึ้น บางคนก็ไปเป็นจิตอาสาช่วยสถานีแยกขยะ แม้จะเหนื่อยไม่เหมือนงานธนาคารนี้สบายอยู่ในห้องแอร์ แต่นี่มาเป็นจิตอาสาทำงานในโกดัง แต่ว่าสุขใจ
มีบางคนบอกว่า ผมคือขยะคืนชีพ ก็คือว่า ก่อนที่จะมาทำงานจิตอาสา รู้สึกว่าไร้คุณค่าเหมือนขยะ ไม่มีคุณค่า แต่ว่าพอได้มาทำสิ่งดีมีประโยชน์ มีคุณค่า เกิดมีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ เรียกว่า ขยะคืนชีพ อันนี้ก็เรียกว่าขาลงในทางโลก แต่ว่าขาขึ้นในทางจิตใจ และตอนหลังก็ได้พบสิ่งดีๆมากมายหลายอย่างที่มีประโยชน์ ทำแล้วมีความสุขกว่าสมัยทำงานธนาคารเป็นผู้จัดการ หรือว่าสุขกว่าตอนเป็นข้าราชการมีตำแหน่งสูงๆ ด้วยซ้ำๆ
หรือบางคนใช้เวลาที่เกษียณแล้ว มาปฏิบัติธรรม ได้พบกับความสุขความสงบเย็นในจิตใจ ไม่รู้สึกว่าชีวิตนี้มันว่างเปล่า จิตใจก็สงบเย็นยิ่งขึ้นเรื่อยๆ ตอนทำงานราชการตอนทำงานบริษัท ตำแหน่งสูง มีเงินเยอะแต่ว่าจิตใจว้าวุ่นรุ่มร้อน แต่พอได้มาปฏิบัติธรรมหลังเกษียณ จิตใจสงบ มีความสุข ที่เคยทุกข์เพราะว่าหมดตำแหน่ง หมดอำนาจหมดหน้าที่ นี่เปลี่ยนไปเลย รู้สึกมีความสุขมากขึ้น ขอบคุณที่ได้มีโอกาสเกษียณเพื่อที่จะได้มาพบคุณค่าทางจิตใจ อันนี้เรียกว่า แม้ว่าชีวิตจะเข้าสู่ขาลงในทางโลก แต่ว่ามันสามารถจะผลักให้ชีวิตเข้าสู่ขาขึ้นในทางธรรมหรือในทางจิตใจได้
อันนี้คือโอกาสดีแล้ว และควรใช้โอกาสนี้ทำสิ่งนี้ด้วย เพราะไม่เช่นนั้นอาจจะไม่มีโอกาส เพราะว่าความตายจะมาเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หรือว่าความพิกลพิการจะมาเยือน หรือจะมาครอบงำชีวิตจิตใจเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ รีบฉวยโอกาสเสีย อย่าเอาแต่จมอยู่กับความทุกข์ที่ชีวิตที่เข้าสู่ขาลง หรือว่ามัวแต่สนุกสนานกับการท่องเที่ยว หรือว่าการหาความสุขหลังเกษียณแบบโลกๆ อันนั้นก็ดีอยู่ มันก็มีประโยชน์ช่วยทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นบ้าง แต่ว่ามันก็ทำได้ไม่นานหรอก
ถึงเวลาแก่ชรา ถ้าไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วก็ห่อเหี่ยว แต่ถ้าได้ฝึกจิตฝึกใจไว้ มันก็อยู่กับความแก่ได้อย่างมีความสุข แม้กระทั่งความเจ็บป่วยได้อย่างปกติสุข ร่างกายมันจะเสื่อมไปแต่ว่าจิตใจมันพัฒนาขึ้นได้
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 30 กันยายน 2564