แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
สามีภรรยาคู่หนึ่ง ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ บ้านหลังใหม่นี้ก็อยู่ริมบึง บังเอิญสามีเป็นคนชอบตกปลา ขณะที่ภรรยาไม่ชอบ เพราะว่าแกเป็นผู้ที่ใฝ่ธรรม ถือศีล 5 อย่างเคร่งครัด แล้วก็พบว่า สามีหลังจากย้ายมาบ้านใหม่แกก็ชอบไปตกปลา เพราะว่าปลามันชุมมาก เลยอดรนทนไม่ได้เวลามีเสียงปลาฮุบเหยื่อก็ต้องไปตกปลา
ภรรยาเห็นก็ทีแรกก็ทำใจ แต่ตอนหลังก็ไปขอร้องกับสามีว่าอย่าตกปลาเลยนะ เพราะว่ามันเป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต เราก็ไม่ได้ยากจนอะไร ไม่ต้องถึงกับตกปลาเพื่อเอามากิน สามีก็ทีแรกก็บ่ายเบี่ยง แต่ตอนหลังภรรยาก็ขอร้องว่า ยังไงก็เห็นแก่ฉันเถอะนะ สุดท้ายสามีก็ตกลง รับปากว่าจะไม่ตกปลาแล้ว
ไม่กี่วันต่อมา ภรรยาต้องก็ไปต่างจังหวัด สัมมนา 5 วัน ก็เหลือสามีเฝ้าบ้านคนเดียว เสียงปลาฮุบเหยื่อ วันแรกก็ยังพอทนไหว หักห้ามใจไม่ไปตกปลา วันที่สองก็ยังห้ามใจได้อยู่ แต่พอถึงวันที่ 3 นี่ มันทนไม่ไหวแล้ว ปลามันชุมมาก จนถึงตอนเย็นห้ามใจไม่ไหวก็เลยคว้าเบ็ดเข้าไปตกปลา ขณะที่กำลังเกี่ยวเอาไส้เดือนเกี่ยวกับเบ็ดเหวี่ยงไปลงในน้ำ ยังไม่ทันไร ภรรยากลับมาบ้านพอดีเลย
งานเลิกก่อนกำหนด สามีก็ไม่ทันรู้ตัว ภรรยาเห็นสามีตกปลาคาหนังคาเขาเลย ทั้งๆที่รับปากกันไว้ไม่กี่วันก่อนว่า จะไม่ตกปลา ถ้าเราเป็นภรรยานี้ เราจะพูดยังไงกับสามี ภรรยาคนนี้แกก็มีสติดี พูดว่า พ่อกำลังทำอะไรอยู่จ๊ะ สามีก็ตอบขึ้นมาทันทีเลย ผมกำลังสอนให้ไส้เดือนว่ายน้ำ เจอคำตอบของสามีแบบนี้ ภรรยาควรจะตอบว่ายังไง ถ้าเป็นเรานะ
ภรรยาก็หลับพูดขึ้นมาว่า พ่อ ไส้เดือนมันอยู่ในน้ำนานแล้วนะ เอามันขึ้นจากน้ำเถิด เก็บเบ็ดแล้วก็ไปกินข้าวกัน สามีเจอแบบนี้เข้า ก็เลยยอม เก็บเบ็ด แล้วก็กลับเข้าไปในบ้าน
คราวนี้ ถ้าเกิดว่าเราลองสมมุติว่าสถานการณ์เป็นอีกแบบหนึ่ง ภรรยาเห็นสามีตกปลาคาหนังคาเขา ทั้งที่รับปากเอาไว้แล้ว ก็เลยพูดขึ้นมาด้วยความโมโหว่า นี่ เธอทำอะไรอยู่ สัญญากับฉันแล้วไม่ใช่หรือ ว่าจะไม่ตกปลา ภรรยาพูดแบบนี้ สามีจะตอบว่าอย่างไร ก็คงจะไม่ยอมรับผิดนะ ก็จะเถียงว่า นี่ฉันสัญญาที่ไหนนะ ฉันแค่รับปากน่ะ แต่ว่าจะทำหรือไม่ทำ เป็นของเรื่องฉัน สามีพูดอย่างนี้ ภรรยาจะตอบว่าอย่างไร
ก็คงจะพูดว่า พูดอย่างนี้ได้อย่างไร รับปากแล้วไม่ทำตามที่รับปาก อย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน สามีจะตอบว่ายังไง ก็มันเรื่องของฉันนะ เธอไม่ใช่พ่อฉัน จะมาสั่งฉันได้ยังไง แล้วเราก็คงนึกภาพออกนะว่า มันจะจบยังไง นอกจากทะเลาะกันแล้วนี่ ถามว่าสามีจะเลิกตกปลาไหม คงไม่เลิกนะ เพราะคิดว่าถ้ายอมหยุดตกปลา ก็กับว่าแพ้ภรรยา เพื่อที่ต้องการเอาชนะภรรยาก็ต้องตกปลาไปเรื่อยๆ เพื่อแสดงว่า ฉันไม่ยอมอยู่ในอำนาจของเธอ จะมาสั่งฉันไม่ได้
แต่ในความเป็นจริง ภรรยาเขาไม่ได้พูดอย่างนั้นนะ ทั้งๆที่เห็นสามีตกปลาคาหนังคาเขา ก็ยังถามสามีว่าพ่อทำอะไรอยู่จ๊ะ พูดเพื่ออะไร ก็เพื่อเปิดโอกาสให้สามีหาทางลง ทั้งที่สามีก็พูดให้เหตุผลแบบข้างๆคูๆ ว่ากำลังสอนไส้เดือนว่ายน้ำ มันเป็นเหตุผลที่ไม่ได้เรื่องเลย มันเป็นการเอาสีข้างเข้าถู
แต่ว่าภรรยาก็ไม่โกรธ ไม่คิดที่จะยันสามีให้ยอมแพ้ ทั้งที่มันชัดเจนอยู่แล้วว่า นี่ ตกปลาอยู่นะจะมาอ้างว่าสอนไส้เดือนว่ายน้ำ ภรรยาก็กลับพูดกับสามีว่า เออ งั้นก็ ไส้เดือนมันว่ายน้ำนานไปแล้วนะ เอาไส้เดือนขึ้นจากน้ำได้สักที เก็บเสร็จแล้วก็ไปกินข้าวกัน
พูดแบบนี้ สามีต้องยอมตามเพราะว่าภรรยาไม่เรียกว่าไม่เอาเหตุผลมายัน อันนี้ก็เป็นวิธีการของภรรยาที่มันช่วยทำให้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนี้ไม่ลุกลาม กลายเป็นความขัดแย้งกัน เป็นการทะเลาะวิวาท และขณะเดียวกันก็คงจะทำให้สามีได้สำนึกว่า เราไม่น่าทำเลย อันนี้มันเป็นเรื่องราวของคนที่เขารู้จักพูด
เวลาเราเจอเหตุการณ์แบบนี้ คนส่วนใหญ่ก็มักคิดจะเอาชนะด้วยเหตุด้วยผล รับปากแล้วไม่ทำตามที่รับปากแล้ว ก็ต้องเล่นงานสักหน่อย รับปากแล้วยังไง ไม่ทำตามที่รับปาก แล้วยังมาเถียงข้างๆคูๆแบบนี้ต้องจัดการ เอาเหตุผลมาเพื่อที่จะยันว่าเธอเป็นฝ่ายผิด อีกฝ่ายหนึ่งก็ไม่ยอม ก็เลยต้องเถียง เอาสีข้างเข้าถู หรือเถียงด้วยเหตุด้วยผลไม่ได้ ก็จะใช้อารมณ์ว่าเธอไม่ใช่พ่อฉัน จะมาสั่งสอนฉันได้ยังไง เรื่องก็ไม่จบ
แต่คนเรา บางทีเราคิดจะเอาชนะด้วยเหตุด้วยผลมากเกินไป โดยที่ไม่ได้คิดว่า ทำอย่างนั้นแล้ว นอกจากจะไม่ชนะแล้ว สิ่งที่ต้องการให้เกิดขึ้น ก็ไม่เกิด สามีก็กลับจะตกปลาหนักขึ้น มีหมอคนหนึ่งพูดไว้ดี เป็นจิตแพทย์ หมอประเสริฐ ผลิตผลการพิมพ์ บอกว่าเวลาสามีภรรยาทะเลาะกัน อย่าใช้เหตุใช้ผล ให้ใช้อารมณ์ เวลาเจอความขัดแย้ง วางเหตุผลลงให้ได้ และให้อารมณ์นี้มันลอยขึ้นมา อารมณ์ที่ว่านี่คือความรัก
ความรักมันจะเข้ามาแก้ปัญหาเอง ภรรยาคนนี้ ก็ไม่ได้ใช้เห็นเหตุผล แกก็ใช้ความเห็นใจ รู้ว่าสามีทำผิด ไม่ทำตามที่รับปาก แล้วก็เห็นใจสามี สามีชอบตกปลา แทนที่จะยันสามีให้เป็นฝ่ายผิด ก็เลยพูดเพื่อเปิดช่องให้สามีหาทางลงอย่างไม่เสียหน้ามาก สามีบอกว่าสอนไส้เดือนให้ว่ายน้ำ ภรรยาก็เลยบอกว่า ไส้เดือนมันว่ายน้ำนานไปแล้วนะ เอามันขึ้นจากน้ำสักที เก็บเบ็ดแล้วก็ไปกินข้าวกัน อันนี้เรียกว่าพูดด้วยความเห็นใจอีกฝ่ายหนึ่ง ไม่ได้คิดจะเอาชนะ เพื่อยืนยันว่าฉันถูกเธอผิด
อันนี้มันก็เป็นท่าทีที่จะไม่สำคัญเฉพาะในความสัมพันธ์ระหว่างสามีกับภรรยา กับเพื่อนร่วมงาน กับพ่อแม่ลูก หรือในความสัมพันธ์แบบไหนก็ตาม ถ้าหากว่า มันจะราบรื่น มันก็ต้องรู้จักใช้ความเห็นอกเห็นใจ หรือความเข้าใจอีกฝ่ายหนึ่งด้วย อย่าใช้แต่เหตุแต่ผล เพราะเหตุผล มันมีข้อจำกัดโดยเฉพาะถ้าใช้เพื่อจะเอาชนะกัน เพื่อจะยืนยันว่าฉันถูกแกผิด แบบนี้มันมีแต่จะก่อความเสียหาย เกิดความทะเลาะวิวาทกันได้ อย่างที่เห็นบ่อยๆ ในทุกที่ ไม่ว่าจะในบ้าน ในที่ทำงาน ในวัด หรือว่าในสังคมวงกว้าง
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 26 กันยายน 2564