แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ผู้ชายคนหนึ่งรู้สึกเบื่อหน่ายกับชีวิตมาก ทุกเช้าตื่นขึ้นมาก็รู้สึกไม่มีชีวิตชีวา แต่ละวันผ่านไปๆ อย่างเชื่องช้า กินอะไรก็ไม่มีรสชาติ ไปเที่ยวไหนก็ไม่มีความรู้สึกสนุกเหมือนกับเพื่อนๆที่ไปด้วย คุยกับใครใจก็เหม่อลอย เขาคุยตลกก็ไม่ได้หัวเราะ ชีวิตนี้มันรู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าเบื่อมาก เบื่อหน่ายกับการมีชีวิต ถึงกับบ่นกับคนรอบข้างว่าไม่อยากอยู่แล้ว อยากตาย
เช้าวันหนึ่งขณะที่เขากำลังเฝ้าร้านอย่างหงอยๆ เขาเป็นเจ้าของร้าน เฝ้าไปอย่างไม่มีชีวิตชีวาเท่าไหร่ อยู่ๆก็มีโจรคนหนึ่งเข้ามาที่ร้านของเขาตอนที่ปลอดลูกค้า มีปืนด้วย แล้วก็มาค้นที่ลิ้นชักเพื่อจะเอาเงินปรากฏว่าเจอเงินไม่กี่ร้อย เขาก็ไม่พอใจ เอาปืนขู่ชายคนนั้นว่า ให้บอกที่ซ่อนเงิน เก็บเงินไว้ที่ไหน เขาก็พยายามอธิบายว่าไม่มี มีเท่านี้แหล่ะ โจรก็ไม่เชื่อ ซ้อม ทั้งต่อยทั้งเตะ เรียกว่าไม่ลดราวาศอกเลย ก็ไม่ได้คำตอบ
โจรก็โมโห เอาปืนจ่อยิงขมับ แล้วก็ขู่ว่าให้บอกที่ซ่อนเงิน ไม่งั้นจะยิง เขาก็ปฏิเสธบอกว่าไม่มีแล้ว โจรโมโหจะเหนี่ยวไกยิง สงสัยติดยา ไม่คิดอะไรแล้ว คิดแต่จะเอาชนะให้ได้ท่าเดียว ก็พอดีมีบุรุษไปรษณีย์เดินเข้ามาที่ร้านของชายคนนี้ โจรนึกว่าตำรวจมา ก็รีบผลุนผลันหนีออกจากร้านเลย ทิ้งชายคนนั้นซึ่งนอนงอก่องอขิงด้วยความเจ็บปวด
พอเหตุการณ์สงบแล้ว ปรากฏว่าชายคนนั้นพบว่า เมื่อถึงเวลากินอาหารเที่ยง เป็นมื้อเที่ยงที่อร่อยที่สุดในชีวิต อาหารที่กลับมามีรสชาติขึ้นมาใหม่ และที่สำคัญ เขารู้สึกเบิกบานอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนความเปลี่ยนแปลงในความรู้สึกของเขามันเกิดขึ้นได้อย่างไร ก็อาจจะเป็นเพราะว่าเขาดีใจที่เขารอดตายเกือบจะตายอยู่แล้ว แต่ก็รอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด
แล้วทำไมดีใจที่รอดตาย ในเมื่อเขาก็บ่นอยู่ทุกวันว่า อยากตายๆ แล้วทำไมพอถึงเวลาที่ไม่ตาย รอดตายได้ กลับดีใจ กลับแช่มชื่นเบิกบาน ก็คงเป็นเพราะว่า เขาได้พบว่า จริงๆแล้วชีวิตนี้มีคุณค่า น่าหวงแหนตอนที่ชีวิตราบรื่นปกติเขารู้สึกว่ามันน่าเบื่อ ไม่อยากอยู่ แต่พอถึงเวลาที่เจอวิกฤต กำลังจะตาย ถึงตอนนั้นถึงรู้ว่าชีวิตนั้นมีคุณค่า พอรู้สึกว่าชีวิตมีคุณค่า น่าหวงแหน เมื่อรู้ตัวว่ารอดตายมาได้ เขาก็เลยดีใจ แล้วรู้สึกกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่
ความคิดที่รู้สึกเบื่อหน่ายต่อชีวิต หรือความคิดที่ว่าอยากจะตายๆ มันหายไปเลยพอได้พบความจริง ความจริงแล้ว ชีวิตนี้มีคุณค่า และเห็นคุณค่าของชีวิตตอนไหน ตอนที่กำลังจะสูญเสียมันไป จริงๆแล้วไม่ใช่แต่ชีวิตที่เรามาเห็นคุณค่าต่อเมื่อมันกำลังจะสูญเสียมันไป
หลายสิ่งหลายอย่างก็เหมือนกัน ตอนที่มันยังอยู่กับเรา เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าของมันเท่าไหร่ แต่พอกำลังจะเสียมันไป หรือเสียมันไปแล้วจึงเห็นคุณค่าของมันขึ้นมา
มานึกดูก็น่าคิดว่า คนเราจะเห็นคุณค่าของสิ่งใดก็มี 2 ช่วง 2 ขณะ หนึ่ง คือช่วงที่เรายังไม่มีมัน หรือช่วงที่มันยังอยู่ห่างไกล กับ สอง คือช่วงที่สูญเสียมันไปแล้ว หรือกำลังสูญเสียมัน แต่ตอนที่มันอยู่กับเรา คนไม่ค่อยเห็นคุณค่าเท่าไร โดยเฉพาะเมื่ออยู่ไปนานๆ อย่างเสื้อผ้า เราอยากจะได้ อยากจะซื้อก็ตอนที่เขาวางขายอยู่ในร้าน วางขายอยู่ในร้าน เราเห็นแล้วอยากได้ บางทีเก็บเอาไปฝันเลยเพราะว่าเสื้อมันราคาแพง ก็ดิ้นรนขวนขวายเก็บเงินเพื่อจะไปซื้อหามัน
หรือถ้าเป็นวัยรุ่นก็อยากได้รองเท้าที่ใช้ออกกำลังกายอย่างเช่น พวก Nike อยากได้มาก บางทีถึงกับไปปล้นเขามาเพื่อเอาเงินไปซื้อ หรือบางทีก็ไปปล้นจากเจ้าของที่กำลังสวมอยู่ เพราะว่าอยากได้มาก แต่พอได้มาแล้ว อย่างเช่น เสื้อ พอได้มาแล้ว ไม่กี่วันมันก็หมดเสน่ห์ แขวนไว้ในตู้ ผ่านไปไม่กี่วันก็รู้สึกเฉยๆแล้ว ทั้งๆที่ก่อนที่จะได้มันมา อยากได้เหลือเกิน แต่พอได้มาแล้วไม่กี่วันมันก็ไม่ค่อยมีความหมายแล้วต่อความรู้สึกของเรา อยากได้ตัวใหม่ อยากได้ตัวที่ยังไม่ได้ หรือตัวที่ยังไม่มี พอได้มาแล้วสักพักก็เฉยๆ
บางทียังไม่ทันได้ใส่เลย แต่พอมันหายไปหรือสูญเสียมันไป หรือพอมีคนมาขอ หรือบางทีจะบริจาค บางคนเล่าว่า เสื้อหลายตัว ซื้อมายังไม่เคยได้ใส่ บางทีเมินเลย ทีแรกอยากจะบริจาค แต่พอเห็นกับตา จับกับมือเกิดเสียดาย ไม่อยากบริจาคแล้ว มาเห็นคุณค่าก็ตอนที่กำลังจะเสียมันไป หรือเสียมันไปแล้วก็มานึกเสียใจ แต่ตอนที่มันอยู่กับเรา ไม่ค่อยเห็นคุณค่าเท่าไร
ไม่ใช่เฉพาะเสื้ออย่างเดียว อย่างอื่นด้วย ข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งสิ่งที่มันอยู่กับเราตลอดเวลา เช่น ลมหายใจ ลมหายใจอยู่กับเราตลอดเวลา เราไม่ค่อยเห็นคุณค่าของมันเท่าไหร่ ไม่รู้สึกดีใจที่ยังมีลมหายใจ หรือว่ายังหายใจได้ปกติ แต่มาเห็นคุณค่าของมันตอนที่หายใจไม่ออก จะเป็นเพราะโรคหรืออะไรก็แล้วแต่ ทำไมตอนที่มันอยู่กับเรา เราไม่เห็นคุณค่า ทำไมต้องรอให้มันจากไปเสียก่อนถึงจะเห็นคุณค่าของมัน
คนเรามีอะไรหลายๆอย่างมากมายที่เป็นของดีๆทั้งลมหายใจ ทั้งสุขภาพ ทั้งตาที่มองเห็น ทั้งหูที่ได้ยิน คนรอบข้างที่อยู่กับเรา แต่เราไม่ค่อยเห็นคุณค่า ไม่ค่อยรู้สึกว่าการที่สิ่งเหล่านี้ คนเหล่านี้ อยู่กับเราเป็นโชค แต่พอสูญเสียไป ก็กลับรู้สึกเสียอกเสียใจเสียดาย ซึ่งมันก็สายไปเสียแล้ว
ทำไมเราไม่กลับมาเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านั้นในขณะที่ยังอยู่กับเรา ถ้าเราเห็นคุณค่าของสิ่งเหล่านี้ เราจะมีความสุขได้ง่ายขึ้น ไม่ต้องรอคอยความสุขจากสิ่งที่ยังไม่มี หรือสิ่งที่ยังไม่ได้มา หรือไม่มามัวแต่เสียใจกับสิ่งที่เสียไปแล้ว อย่างที่ชายคนนี้บ่นอยากตายๆ พอถึงเวลาที่จะตายจริงๆ ชีวิตกำลังจะหลุดลอยไป ถึงค่อยมาเห็นคุณค่า พอเห็นคุณค่าแล้วเป็นอย่างไร กลับมามีชีวิตชีวาเหมือนเดิมหรือยิ่งกว่าเดิม มีความสุขกับการมีชีวิต กินอะไรก็อร่อยแม้จะไม่ได้ซื้อจากร้านจากห้าง
ลองกลับมาเห็นคุณค่าจากสิ่งที่เรามี โดยระลึกถึงว่า สักวันหนึ่งมันก็จะหายไป สักวันหนึ่งก็จะสูญเสียมันไป พอคิดแบบนี้เข้า มันจะเริ่มกลับมามีสติ ได้คิดขึ้นมา แล้วก็เห็นคุณค่าของสิ่งนั้น แล้วก็ปฏิบัติต่อสิ่งเหล่านั้นอย่างถูกต้อง รวมทั้งคนด้วย ซึ่งในอีกแง่หนึ่งก็ทำให้เรามีความสุขได้ง่ายขึ้น
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 17 กันยายน 2564