แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีนักธุรกิจท่านหนึ่งร่ำรวยมาก กิจการที่เขาดูแลอยู่ในระดับพันล้านหรือหมื่นล้านเลย วันหนึ่งเขาพบว่าตัวเองเป็นมะเร็ง ต้องรักษาตัว กว่าจะจัดเวลาวางมือจากธุรกิจมารักษาตัว ก็ใช้เวลานาน รักษาตัวเสร็จก็ผ่าตัด ฉายแสง ฉีดคีโมก็ต้องพักฟื้นที่โรงพยาบาลนานทีเดียว
ตอนที่อยู่โรงพยาบาลเขาเครียดมากเพราะเป็นห่วงธุรกิจซึ่งกำลังไปได้ดี ก็อยากจะออกจากโรงพยาบาล แต่ก็ออกไม่ได้ พักฟื้นอยู่หลายอาทิตย์ แต่ปรากฏว่า พอออกจากโรงพยาบาล เขาขายกิจการคือโรงแรมชั้นแนวหน้าของเขาเลย เท่านั้นไม่พอ 6 เดือนต่อมา เขาก็ขายโรงแรมในเครือทั้งหมดที่มีอยู่ เหลือแต่โรงแรมเล็กๆโรงแรมหนึ่งเพื่อใช้เป็นแหล่งรายได้หรือประกอบอาชีพ
ทำไมเขาถึงขายโรงแรม ทั้งๆที่ทีแรกก็เป็นห่วงกังวลกับโรงแรมของเขามาก เป็นเพราะว่าเขาหมดอาลัยตายอยากกับชีวิตหรือเปล่า หรือเพราะว่าเป็นมะเร็ง ก็ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้นานเท่าไร ที่จริงตรงข้าม เขาไม่ได้หมดอาลัยตายอยากกับชีวิต แต่เขาพบความหมายของชีวิต เพิ่งมาพบตอนที่อายุมาก เขาพบหลังจากป่วยพักฟื้นที่โรงพยาบาล
มะเร็งทำให้เขาพบสัจธรรมว่า รวยแค่ไหน มีเงินมากเพียงใด ตายไปก็เอาไปไม่ได้ อันนี้เป็นสัจธรรมที่เขาเพิ่งมาเห็น แล้วเพิ่งมาคิดออก มีเงินแค่ไหนตายไปก็เอาไปไม่ได้ ยิ่งกว่านั้นระหว่างที่ยังไม่ตายแม้จะมีเงินมากมาย ก็ไม่มีความสุข ที่ไม่มีความสุขเพราะอะไร เพราะว่าไม่มีเวลาใช้เงินที่มีอยู่ เอาแต่หาเงิน แต่ไม่มีเวลาใช้เงิน และที่สำคัญก็คือว่าไม่มีเวลาทำสิ่งอื่นที่มีคุณค่าหรือที่ให้ความสุขมากกว่า
พอพบความจริงเช่นนี้ ถ้าอย่างนั้นจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินไปทำไม พอดีกว่า เพราะที่มีอยู่มันก็สามารถเลี้ยงตัวเองและครอบครัวให้มีความสุขได้ ก็เลยขายโรงแรมทั้งหมด ทั้งๆที่กำลังไปได้ดี สร้างชื่อเสียงและเป็นแหล่งรายได้ให้กับเขามากเลย มาได้คิดก็ตอนที่ป่วยเป็นมะเร็ง และก็ได้มาพักฟื้นที่โรงพยาบาล
หลังจากที่เขาขายกิจการไปเกือบหมด เขาก็มีเวลาอยู่กับครอบครัวมากขึ้น มีเวลาพักผ่อน เล่นกีฬาที่เขาชอบ รวมทั้งได้อ่านหนังสือที่ชอบ และตอนที่เขาป่วยพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล เขาก็มีโอกาสได้อ่านหนังสือของท่านอาจารย์พุทธทาส ตัวกูของกู เขามีหนังสือเล่มนี้มานานแล้ว แต่ยังไม่มีเวลาอ่าน จนกระทั่งป่วยนี่แหละก็เลยมีเวลาอ่าน
พออ่านแล้วก็เกิดความรู้สึกเลยว่า ฉันพอแล้ว เท่าที่มีอยู่ก็พอแล้วจะไปหาเงินสนองตัวกู หรือไปคิดว่าเป็นของกูไปทำไม โรงแรมก็ไม่ใช่ของกู ตัดใจได้ ปล่อยวางได้ ขายโรงแรม แล้วก็ไม่เอาเป็นเอาตายกับการหาเงินต่อไป แล้วเขาก็พบว่า พอมาเปลี่ยนชีวิต มีเงินน้อยลง แต่ทำให้มีความสุขมากขึ้น เพราะว่าเขาได้มีเวลาทำสิ่งที่มีคุณค่า แล้วก็ให้ความสุข
การป่วยเป็นมะเร็งสำหรับหลายคนมันคือเคราะห์เลย แต่ว่ามันก็สามารถที่จะนำสิ่งดีๆมาให้กับชีวิตของเราได้ เพราะอย่างน้อยทำให้มีเวลาที่จะหยุดคิดมาทบทวนและก็ทำให้ได้ค้นพบความหมายของชีวิต ถ้าไม่ป่วยก็เอาแต่ทำมาหาเงิน ก็คงไม่มีเวลาหยุดคิด
อันนี้คล้ายๆกับเด็กคนหนึ่งวัยรุ่นอายุ 21 เป็นมะเร็งเหมือนกัน ทีแรกก็ทุกข์ แต่ตอนหลังเขาบอกว่ามะเร็งนำสิ่งดีๆมาให้กับชีวิตของเขาหลายอย่าง เช่น ทำให้เขามีโอกาสทำความรู้จักกับพุทธศาสนามากขึ้น แต่ก่อนไม่สนใจ พอป่วยแล้ว ไม่มีอะไรทำ ก็อ่านหนังสือที่คนเอามาให้ หนังสือธรรมะ ก็เลยเข้าใจพุทธศาสนามากขึ้น แล้วก็เกิดศรัทธา
แล้วเขาพบว่ามะเร็งทำให้เขาได้เห็นความรักอันบริสุทธิ์ของพ่อแม่ แต่ก่อนไม่เห็น เพราะไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกัน พอเขาป่วยพ่อแม่ก็ทิ้งงานทิ้งการมาดูแลเอาใจใส่เขาอย่างใกล้ชิด ก็เกิดความซาบซึ้งในความรักของพ่อแม่
และข้อที่ 3 ทำให้เขาได้มีเวลาอ่านหนังสือแล้วก็หยุดคิดมากขึ้น เขาบอกว่าถ้าไม่ได้เป็นมะเร็งก็คงจะเหมือนกับชีวิตเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป นอนหอพัก กว่าจะหลับก็ตี 3 ตื่นขึ้นมาก็รอเพื่อนชวนไปเที่ยวไปกินเหล้ากลับมาก็หลับ แล้วก็ตื่นใหม่ ใช้ชีวิตอย่างไม่นึกถึงคนอื่น ไม่มองคนรอบข้าง อยู่อย่างประมาท ไม่ระมัดระวัง
อันนี้ก็น่าคิด ที่เขาบอกว่า มะเร็งทำให้เขามีเวลาหยุดคิดมากขึ้น คล้ายๆกับนักธุรกิจหมื่นล้านคนที่ว่านี้ พอเป็นมะเร็งแล้วต้องรักษาตัว มันมีเวลาได้คิดทบทวนเกี่ยวกับชีวิตที่ผ่านมา แล้วก็พบว่า มีเงินแต่ก็ไม่มีความสุขเลย แถมตายไปแล้วเงินก็เอาไปไม่ได้ เพราะฉะนั้นจะตั้งหน้าตั้งตาหาเงินไปทำไม ชีวิตเปลี่ยนเมื่อต้องป่วยแล้วต้องเข้าโรงพยาบาล เพราะว่าได้มีเวลาหยุดคิด เรียกว่าได้มีเวลาเว้นวรรคชีวิต
แต่ที่จริงคนเราไม่ต้องรอให้ป่วย ถึงจะมีโอกาสหยุดคิดทบทวนชีวิต เพราะบางทีรอให้ป่วยเสียก่อน แล้วมาพบความหมายของชีวิต มันก็อาจจะเกือบสายไปแล้ว เพราะมีเวลาเหลืออยู่ไม่นาน จะให้เวลาครอบครัว มันก็มีเวลาเหลือไม่มาก จะทำสิ่งที่ชอบ เล่นกีฬาก็เล่นไม่ไหว อยากจะไปทำบุญ ปฏิบัติธรรม สังขารก็ไม่อำนวยแล้ว
ในขณะที่เรายังไม่ป่วย เราก็หาโอกาสเว้นวรรคชีวิตได้ เช่นการที่เราได้มีเวลามาปฏิบัติธรรม หลายคนที่เขามีชีวิตที่วุ่นวาย พอได้พักงานมาปฏิบัติธรรม เขาได้คิดมากมาย ปัญหาที่เคยสร้างความรุ่มร้อนให้กับจิตใจ เหมือนกับไม่มีทางออก ปรากฏว่าพบคำตอบ จากการที่ได้เว้นวรรคชีวิต คือได้มาปฏิบัติธรรมก็ได้โอกาสหยุดคิด
แต่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีโอกาสหยุดคิด มัวแต่เพลินกับความสนุกสนาน ไม่ก็หมกมุ่น วุ่นกับงานการจนกระทั่งไม่ได้ทบทวนชีวิตและก็ไม่ได้ตั้งคำถามว่า ที่เราใช้ชีวิตอย่างทุกวันนี้ดีจริงหรือ นักธุรกิจคนนี้ถ้าไม่ป่วยก็คงจะเอาแต่หาเงิน หลงเพลินกับเงินที่ได้ ชื่อเสียงที่เกิดขึ้น สุดท้ายอาจจะตายโดยที่ไม่มีความสุขเลย เพราะว่าเหนื่อยกับการหาเงินอย่างเดียว
เพราะฉะนั้น เราควรจะมีโอกาสเว้นวรรคชีวิตบ้างสำหรับฆราวาสญาติโยมทั่วไป มีโอกาสได้เว้นวรรคชีวิตด้วยการวางงานการต่างๆ วางภาระที่มีอยู่มาคิดทบทวน ในระหว่างที่ปฏิบัติธรรมก็ได้ ไม่ต้องรอให้เจ็บป่วยก่อนถึงค่อยมาคิด ถึงค่อยมีเวลาหยุดคิดอย่างตัวอย่างข้างต้น แต่ก็ยังดี ยังได้มีเวลาคิด และพบคำตอบของชีวิตบ้าง ไม่ใช่ป่วยและทุกข์ทรมานโดยที่ไม่ได้อะไรเลยจากความเจ็บป่วย
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 16 กันยายน 2564