แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมืองไทยเรามีสมเด็จพระสังฆราชหลายพระองค์ แต่ที่เป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้ามีไม่กี่องค์ อาจจะ 4 องค์ได้กระมัง สมเด็จพระสังฆราชเจ้า คือเจ้าที่ได้รับการสถาปนาเป็นพระสังฆราช เรียกว่าสมเด็จพระสังฆราชเจ้า สมเด็จพระสังฆราชเจ้าองค์สุดท้ายก็คือ สมเด็จพระสังฆราชเจ้ากรมหลวงพระยาวชิรญาณวงศ์
ถ้าใช้ภาษาแบบชาวบ้านพระองค์มรณภาพไปเมื่อ 60 ปีมาแล้ว แม้พระองค์จะเป็นเจ้า แล้วก็เป็นพระสังฆราชด้วย แต่ทรงก็ไม่ติดยศถาบรรดาศักดิ์ แล้วก็อยู่อย่างสมถะเรียบง่าย มีเมตตา เป็นกันเองกับผู้คน ไม่เฉพาะแต่กับคน รวมทั้งสัตว์ด้วย
เวลาท่านจะฉัน พระองค์ก็จะไปประทับในกุฏิห้องเล็กๆ นั่งกับพื้น แล้วก็พิงฝา เสร็จแล้วก็จะหยิบเม็ดข้าวมาคลุกกับกับข้าว เช่น แกง แล้วก็เอาไปติดที่ข้างฝา เสร็จแล้วพระองค์ก็เคาะข้างฝา เคาะเพื่ออะไร เพื่อให้จิ้งจกมากินเม็ดข้าวที่พระองค์ติดไว้ที่ข้างฝา หลายตัวเลย จิ้งจกบางตัวก็เชื่องมารับข้าวมากินข้าวจากพระหัตถ์ของพระองค์เลย มันไม่กลัวคน เพราะพระองค์มีเมตตา ว่ากันว่า พระองค์รู้จักจิ้งจกทุกตัวในกุฏิ
กับคน ท่านก็เป็นกันเองกับทุกคน ไม่ถือยศบรรดาศักดิ์ มีเรื่องเล่าว่าวันที่มีการสถาปนาพระองค์เป็นสมเด็จพระสังฆราชเจ้า ก็เป็นงานใหญ่ มีพระราชาคณะจำนวนมากเข้าไปในวัง ก็มีเด็กวัดที่ตามสมเด็จพระราชาคณะ มาจับกลุ่มอยู่ข้างนอก ระหว่างที่รอเสร็จพิธี ก็มีเด็กคนหนึ่งตะโกนขึ้นมาว่าสมเด็จพระสังฆราชชื่ออะไรโว้ย
เด็กในกลุ่มนั้นไม่ทันตอบ ก็มีเสียงดังมาจากข้างหลังว่าชื่อชื่นโว้ย เด็กหันไปที่ต้นเสียงก็ปรากฏว่าเป็นสมเด็จพระสังฆราช นามเดิมของพระองค์ชื่อ หม่อมราชวงศ์ชื่น นพวงศ์ เสร็จพิธีพอดี พระองค์ไปตามเด็กวัด ก็เผอิญได้ยินเสียงเด็กพูดอย่างนี้ พระองค์ก็เลยตอบแทน ก็ไม่ได้ขุ่นมัว ที่เด็กพูดว่าสมเด็จพระสังฆราชชื่ออะไรโว้ย เด็กโว้ย ท่านก็โว้ยตามไปด้วย ว่าชื่อชื่นโว้ย
หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เล่าว่า มีวันหนึ่งนำอาหารไปถวายสมเด็จพระสังฆราชเจ้าพระองค์นี้ เพราะว่าคุ้นเคยมาตั้งแต่ มรว.คึกฤทธิ์เป็นเด็ก นำอาหารไปถวาย พระองค์รับประเคนเสร็จก็นิ่ง มรว.คึกฤทธิ์บอกว่า ฉันหน่อยนะ เดี๋ยวผมจะกรวดน้ำให้พ่อได้กินด้วย เพราะพ่อชอบอาหารนี้มากเลย
ท่านก็ตอบขึ้นมาว่ าแกเห็นพระเป็นบุรุษไปรษณีย์หรือ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ก็ตอบว่า ใช่แล้วครับ พระองค์ก็เลยเสวยหรือว่าฉันตามที่ มรว.คึกฤทธิ์ขอ
มีอยู่วันหนึ่ง มรว.คึกฤทธิ์เอาของดีมาถวายสมเด็จพระสังฆราชเจ้า เป็นด้วงโสน ด้วงโสน คือด้วงเกิดขึ้นตามต้นโสน รูปร่างเป็นหนอนตัวนิ่มๆ เป็นอาหารโปรดของคนแต่ก่อน มรว.คึกฤทธิ์เอามาถวายเพราะว่าเป็นของโปรดของแม่ท่าน สมเด็จพระสังฆราชเจ้าเปิดฝาชามดูก็อึ้งเลย ถามว่านั่นอะไร ด้วงโสนครับ ฉันไม่เคยกินเลยนะเนี่ย มรว.คึกฤทธิ์คะยั้นคะยอให้ฉัน พระองค์ก็บอกว่าวันนี้ตู้ไปรษณีย์ปิดโว้ย
ท่านบอกว่าฉันไม่เป็น ไม่เคยเห็น มันคล้ายๆหนอน มรว.คึกฤทธิ์ก็บอกว่าฉันเถิดน่ะ เพราะแม่ชอบมากพระองค์ก็เลยบอกว่า แกก็กินเข้าไปเองเลย มรว.คึกฤทธิ์ก็ถามว่าอย่างนี้มันก็ไม่ถึงแม่สิ
พระองค์ก็ตอบว่าแกกินเองอ่ะดีแล้ว เพราะว่าพ่อแม่ก็รักลูกทุกคน รักลูกยิ่งกว่าอะไรอื่น พ่อแม่ยอมอดเพื่อลูก ถ้าแม่แกรู้ว่าแกกินของที่แม่ชอบ แม่จะมีความสุขมากเลย ลูกถ้าทำให้พ่อแม่มีความสุขมีความพอใจ ก็ถือว่าเป็นบุญใหญ่หลวงเลย มรว.คึกฤทธิ์บอกว่า เช้าวันนั้นซาบซึ้งประทับใจมาก กราบสมเด็จพระสังฆราชน้ำตารื้นเลย แล้วก็บอกว่าวันนั้นกินด้วงโสนอร่อยที่สุดตั้งแต่เกิดมา
ที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้าพูด ก็น่าคิด ทำบุญให้แม่ ดีที่สุดก็คือทำให้แม่มีความสุข ทำบุญให้พ่อก็เหมือนกัน ทำให้พ่อมีความสุข ไม่จำเป็นว่า ต้องมาถวายพระ ให้พระชิม ให้พระฉัน แล้วพ่อหรือแม่ก็มีความสุขไปด้วยในปรโลก เพราะว่าพระไม่ได้เป็นบุรุษไปรษณีย์ คนไปเข้าใจว่า พระเป็นบุรุษไปรษณีย์ อยากให้พ่อแม่กินอะไรในปรโลก ก็มาถวายพระ
แต่ที่จริงแล้ว ถ้าหากว่าลูกได้ทำความดีหรือว่าทำสิ่งที่พ่อแม่ภาคภูมิใจ ทำให้พ่อแม่มีความสุขแม้ว่าท่านจะล่วงลับไปแล้ว อันนี้ก็เป็นบุญเหมือนกัน แล้วก็เป็นบุญที่สำคัญมากด้วย ไม่ใช่เฉพาะแต่สิ่งที่พ่อแม่ชอบ หมายถึงว่าของกิน ความดีอะไรก็ตามที่พ่อแม่เคยทำ แล้วลูกก็ทำสืบต่อจากท่าน
ไม่ว่าท่านชอบปลูกต้นไม้ หรือว่าชอบอุปถัมภ์บำรุงพระ อุปถัมภ์วัดวาอารามก็ทำสิ่งนั้นสืบต่อจากท่านท่านชอบอุดหนุนสนับสนุนการปฏิบัติธรรม ท่านจากไปแล้ว ลูกก็สืบสานสิ่งที่ท่านทำ รวมทั้งคำสอนที่ท่านสอนท่านบอกก็ทำให้ท่านได้รับรู้ เพราะว่าถ้าท่านรับรู้ในปรโลก หรือในสัมปรายภพ ท่านก็จะมีความยินดีและก็หมดห่วง
แต่ถ้าจะให้ดี ก็ทำในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ ทำให้ท่านเห็น ให้ท่านภาคภูมิใจ หรือว่าปฏิบัติตนนี้ให้ท่านหายห่วง อันนี้ก็ยิ่งทำให้พ่อแม่มีความสุข แล้วก็ทำให้ท่านเรียกว่ามีอายุยืน การต่ออายุให้พ่อแม่ดีที่สุดคือทำความดีให้ท่านเห็น ให้ท่านภาคภูมิใจ รวมทั้งทำความดีกับท่านด้วย
สองอย่างนี้สำคัญมาก ท่านอยากกินอะไรก็หามาให้กิน ก่อนที่ท่านจะล่วงลับ ไม่ใช่ว่าตอนที่ท่านอยู่ ไม่ค่อยมีเวลามาดูแลท่าน ไม่มีเวลามาเยี่ยมเยียนท่าน พอท่านจากไปแล้วถึงค่อยขวนขวายหาอะไรต่ออะไรมาให้ท่าน อันนี้มันดีอยู่หรอก
แต่ว่ามันไม่ดีเท่ากับทำในขณะที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ จะได้ภูมิใจเต็มๆ จะได้มีความสุขเต็มๆ รวมทั้งการมีเวลามาเยี่ยมเยียนท่าน หาอาหารที่ท่านชอบมาให้ หรือพาไปกินไปเที่ยวตามที่ต่างๆ อันนี้แหละเป็นบุญที่มีอานิสงส์มาก เป็นบุญที่ใหญ่หลวงอย่างที่สมเด็จพระสังฆราชเจ้าว่าไม่ต้องมารอทำผ่านพระ เหมือนกับพระเป็นบุรุษไปรษณีย์
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 14 กันยายน 2564