แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
วันนี้ครบรอบ 20 ปีเหตุการณ์ 11 กันยายนที่ประเทศอเมริกา หลายคนคงจำได้ แต่บางคนอาจจะยังไม่เกิด เหตุการณ์ตอนนั้นก็คือ การที่ผู้ก่อการร้ายจี้เครื่องบิน แล้วก็บังคับเครื่องบินให้ไปชนตึกเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ ซึ่งเป็นตึกแฝดที่กรุงนิวยอร์ก รวมทั้งที่เมืองอื่นด้วย เช่นที่ กรุงวอชิงตัน ตึกแฝดนั้นถล่มลงมา คนตายเกือบ 3000 คน เป็นเหตุการณ์สะเทือนขวัญมาก
มีผู้เฒ่าคนหนึ่ง มีเชื้อสายอินเดียแดง ได้พูดถึงความรู้สึกหลังจากที่เกิดเหตุการณ์ 11 กันยาใหม่ๆให้หลานฟังว่า ในใจของปู่ มันเหมือนกับมีหมาป่า 2 ตัวกำลังต่อสู้กัน ตัวหนึ่งโกรธแค้น พยาบาท อีกตัวหนึ่งให้อภัย เมตตา แล้วมีความเอื้อเฟื้อ
หลานก็เลยถามปู่ว่า แล้วตัวไหนชนะล่ะ ปู่ก็ตอบว่า ตัวที่ปู่ให้อาหารนั่นแหละ คำพูดของปู่ให้แง่คิดที่ดี คือมันสะท้อนความจริงว่า ในใจคนเรา มันก็มีทั้งฝ่ายขาวกับฝ่ายดำต่อสู้กัน จะเรียกว่าโพธิกับกิเลสก็ได้ หรือกุศลกับอกุศลก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นคนดีแค่ไหน มันก็มีสองสิ่งนี้อยู่ในจิตใจที่กำลังต่อสู้กัน
มันไม่ใช่ว่า คนเราจะมีแต่ด้านดำด้านมืดอย่างเดียว ก็ไม่ใช่ หรือจะมีแต่ด้านสว่างอย่างเดียว ก็ไม่ใช่ มันก็มีทั้งกิเลสแล้วก็โพธิ มีทั้งความใฝ่ดีและความใฝ่ต่ำ คราวนี้อะไรที่จะมีชัยชนะ มันก็ขึ้นอยู่กับว่า เราจะให้อาหารฝ่ายไหน ถ้าเราให้อาหารฝ่ายกิเลส คือเหมือนกับให้อาหารแก่หมาป่าตัวที่โกรธแค้น พยาบาท ตัวนี้แหล่ะก็จะชนะ
ให้อาหารหมายความอย่างไร เช่น เวลามีความโกรธ ความเกลียด ก็ทำตามมัน มันสั่งให้ด่าก็ด่ามัน สั่งให้ทำร้ายก็ทำร้าย มันสั่งให้กลั่นแกล้งก็กลั่นแกล้ง ทำตามมัน ถ้าทำตามมันก็ทำให้มันมีกำลังมากขึ้น เหมือนกับให้อาหารมัน หรือถึงแม้ไม่พูดไม่ทำ แต่ว่าในใจจมอยู่กับความโกรธความเกลียด อันนี้ก็เป็นการให้อาหารมันเหมือนกัน เพราะทำให้มันมีกำลังมากขึ้น
หรือว่าครุ่นคิดถึงสิ่งที่ทำให้เราโกรธเราเกลียด ไม่ว่าจะเป็นบุคคล ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ เพราะถ้าคิดถึงสิ่งนั้น คนนั้น เหตุการณ์นั้น ก็ทำให้โกรธเกลียดมากขึ้น ก็คือการให้อาหารมัน รวมทั้งเสพรับ สิ่งที่มันยั่วยุให้เกิดความโกรธความเกลียดด้วย อย่างเช่น อ่านข้อมูลจากโทรศัพท์มือถือที่ล้วนแต่กระตุ้นให้เกิดความโกรธความเกลียด
มันก็ยิ่งเท่ากับเติมอาหารให้กับหมาป่าตัวแรก ก็คือตัวที่โกรธ ตัวที่แค้นพยาบาท คนทุกวันนี้ให้อาหารหมาป่าตัวนี้อยู่เป็นประจำ จากการที่เสพข้อมูล ทางโซเชียลมีเดีย ทางไลน์ ซึ่งล้วนแต่กระตุ้นให้เกิดความโกรธ ความเกลียด ความกลัว อันนี้คือการให้อาหารกับหมาป่าตัวแรก
หรือไม่เช่นนั้นก็ทำในสิ่งที่ตรงข้ามก็คือ ไปกดข่มมันเอาไว้ มีความโกรธความเกลียดก็ไปกดข่มเอาไว้ ดูเหมือนดี มันก็ดีชั่วคราว แต่ว่าคนไม่รู้ว่า นี้คือต่ออายุให้มัน คือว่าถ้าเราไปตอแยมัน แม้ว่าจะไปกดข่มมัน ไปผลักไสมัน แต่นั่นคือการต่ออายุให้มัน ทำให้มันมีกำลังมากขึ้น วิธีที่จะจัดการกับอารมณ์เหล่านี้ มันไม่ใช่ทั้งการกดข่ม ผลักไส แล้วก็ไม่ใช่คล้อยตามอำนาจของมัน
แต่คือทำด้วยการให้อาหารกับหมาป่าตัวที่ 2 หมาป่าตัวที่ 2 คือ หมาป่าที่รู้จักให้อภัยมีเมตตา หรือถ้าพูดอีกอย่างหนึ่ง คือว่าให้อาหารแก่ฝ่ายกุศล ที่เป็นโพธิ ถ้าให้อาหารตัวนี้ เดี๋ยวมันก็จะไปจัดการกับหมาป่าตัวที่โกรธ ตัวที่แค้นตัวที่พยาบาทเอง มันทำงานของมันเอง เราไม่ต้องไปจัดการหมาป่าตัวแรก อย่างมากก็แค่ไม่ให้อาหารมัน
หรือดีกว่านั้นให้อาหารตัวที่ 2 ตัวที่เป็นกุศล ตัวที่เป็นโพธิ ตัวที่เป็นความเอื้อเฟื้อ ความเมตตา ทำอย่างไร เราก็พูดดีทำดี การพูดดีทำดี เช่น ความเสียสละ ความเอื้อเฟื้อ มันก็เท่ากับเป็นการเติมพลังให้กับฝ่ายโพธิ ฝ่ายกุศล คือ ถ้าเราหมั่นเจริญสติ มันก็เป็นการเพิ่มกำลังให้กับความรู้สึกตัว ความรู้สึกตัวก็เป็นโพธิอย่างหนึ่ง ถ้าเราทำดีพูดดี กุศลธรรมในใจเราก็จะเติบโตขึ้นมา
ถึงแม้ว่าบางครั้งเราอาจจะไม่ได้ตั้งใจทำ หรือเต็มใจทำ แต่พอทำไปแล้ว มีความสุขที่ได้ทำ เช่น การเสียสละด้วยการบริจาคเงินหรือการช่วยเหลือผู้อื่น อาจจะไม่ได้เต็มใจทำ แต่พอทำไปแล้ว ผู้รับมีความสุข เราก็พลอยมีความสุขไปด้วย ความสุขนี้เป็นเหมือนกับน้ำหล่อเลี้ยงจิตใจฝ่ายกุศล หรือเหมือนกับอาหารที่เลี้ยงหมาป่าตัวที่ 2 ก็ทำให้มันมีกำลัง
พอมีกำลังแล้ว ไม่ว่าจะเป็นกุศล หรือโพธิ หรือความรู้สึกตัว มันก็จะไปจัดการกับตัวที่เป็นกิเลส ตัวที่เป็นอกุศล หรือว่าที่เป็นความหลง มันจัดการเอง ถ้าเราเจริญสติบ่อยๆ จนสติเราเข้มแข็ง รวดเร็ว ปราดเปรียว พอมันเผลอคิด เผลอโกรธขึ้นมา ก็รู้ทัน สตินี่แหละมันเห็น มันรู้ทัน มันก็ขับไล่ตัวโกรธตัวหลงออกไปโดยที่เราไม่ต้องไปทำอะไรเลย เพราะว่าสติทำงานแทน
เหมือนกับน้ำเสียน้ำเน่าในบึงก็ดี ในสระก็ดี หรือว่าในคูคลองก็ดี เราไม่จำเป็นต้องไปวิดหรือสูบมันออก ถ้าเราไปวิด มันเหนื่อย เพียงแค่ปล่อยน้ำดีเข้าไป น้ำดีก็จะไปไล่น้ำเสียเอง อกุศลที่เกิดขึ้นในใจ เราไม่ต้องไปทำอะไรกับมัน เพียงแต่ว่าเปิดโอกาสให้กุศลทำงาน
กิเลสไม่ใช่เฉพาะความโกรธ ความเกลียด อย่างเดียว ความโลภ ราคะ เราไม่ต้องไปทำอะไร ก็เพียงแต่ปล่อยหรือเปิดโอกาสให้กุศล หรือโพธิ หรือความรู้สึกตัวทำงาน มันก็จะไปขับไล่สิ่งเหล่านั้นออกไปจากใจ เพราะฉะนั้น ถ้าเราอยากให้จิตใจของเรามีความสุขสงบเย็น เราก็พยายามที่จะให้อาหารกับหมาป่าตัวที่ 2 เยอะๆ หรือว่าบำรุงเลี้ยงโพธิหรือกุศลในใจเราอยู่เรื่อยๆ
ไม่ใช่แค่เพียงพูดดีทำดี แต่ว่าฝึกจิตให้มีสติ มีสมาธิ มีปัญญา รวมทั้งหมั่นรับรู้เรื่องราวดีๆของคนที่เขาเสียสละ คนที่เขามีจิตใจเมตตาให้อภัยแม้ถูกทำร้าย แต่ก็ยังให้อภัยกับผู้ที่ทำร้ายเขา แม้คนรักถูกทำร้าย สูญเสียลูกไป ก็ยังให้อภัยฆาตกร
พอเรารับรู้เรื่องราวแบบนี้ มันทำให้เกิดความรู้สึกดีๆขึ้นมา มันเป็นการกระตุ้นหรือเสริมแรงความใฝ่ดีในใจเรา มันเป็นการให้อาหารกับหมาป่าตัวที่ 2 มันเป็นการเติมโพธิในใจเรา และเมื่อสิ่งเหล่านี้มีมากขึ้น จิตใจเราก็เป็นสุข สงบเย็น
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 11 กันยายน 2564