แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีผู้เฒ่าคนหนึ่งเล่าว่า เมื่อสัก 60-70 ปีก่อนเคยเป็นเด็กวัด วัดที่ตัวเองอยู่ อยู่แถวอยุธยา เวลาพระฉันอาหารเสร็จ เด็กวัดก็มาล้อมวงกินข้าว ถ้าเกิดว่าเด็กกินอาหารมูมมามหรือว่า ทำข้าวตกเรี่ยราด หลวงพ่อก็จะให้เด็กคนนั้นหยิบข้าวทีละเม็ดไปทิ้งในคลอง จากศาลาวัดไปคลองก็ไกล 100 เมตร บางทีก็ 200 เมตรข้าวหล่น 10 เมตร 20 เมตรก็ต้องเดินกลับไปกลับมา 10 ครั้ง 20 ครั้ง
หลวงพ่อบอกว่านี่ไม่ใช่ลงโทษ แต่เป็นการดัดนิสัยให้กินอย่างมีมารยาทคือ กินไม่มูมมาม กินแบบระมัดระวัง หรือว่ากินอย่างมีสติก็ได้ แต่ที่สำคัญ ท่านอยากจะสอนนอกจากมีมารยาทแล้ว ต้องให้รู้จักเห็นคุณค่าของข้าว หลวงพ่อบอกว่า ข้าวที่ชาวบ้านมาถวายวัดมาถวายพระ เขาหามาด้วยความเหนื่อยยาก กว่าจะได้ข้าวมาทัพพีหนึ่ง ไม่ใช่ง่ายเลย เพราะฉะนั้น เราซึ่งเป็นเด็กวัดได้อาหาร หรือได้ข้าวจากชาวบ้าน เราก็ต้องกินอย่างรู้ค่า เรียกว่ากินให้หมดทุกเม็ดเลยยิ่งดี ไม่ให้เหลือ
อันนี้เป็นคำสอนที่สอนๆกันมา สมัยที่อาตมาเป็นเด็กๆ พ่อแม่ ผู้ใหญ่จะบอกว่ากินข้าวอย่าให้เหลือ ยิ่งทำข้าวตกหล่นด้วย ยิ่งไม่ถูกใหญ่ เพราะว่าข้าวกว่าจะได้มาเหนื่อยยาก ชาวบ้านปลูกข้าวแต่ละเม็ดกว่าจะได้มา ปลูกใช้เวลานาน ตั้งแต่เพาะกล้า ดำนา หรือว่าหว่าน เพาะต้นกล้าโต ก็ต้องระมัดระวังพวกแมลงศัตรูพืชมากัดกิน ต้องควบคุมน้ำ น้ำน้อยก็ต้องไถน้ำเข้านา เวลาน้ำมาก็ต้องปล่อยน้ำออกไป ต้องดูแล ข้าวออกรวง ต้องเก็บต้องเกี่ยว เก็บเกี่ยวเสร็จก็ต้องระวังไม่ให้ฝนตกมันจะชื้น ข้าวเป็นรา เกี่ยวข้าวเสร็จก็ต้องสีข้าว สมัยก่อนไม่มีโรงสีก็ต้องตำข้าวกันเอง กว่าจะได้ข้าวแต่ละเม็ด เพราะฉะนั้นคนสมัยก่อน จะเห็นว่าข้าวมีคุณค่ามาก ต้องอาบเหงื่อต่างน้ำจึงจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดแต่ละทัพพีแต่ละจาน
เพราะฉะนั้นเวลากินต้องกินอย่างรู้ค่า แต่ที่จริง มันไม่ใช่เพราะว่าข้าวได้มาด้วยความยากลำบากจึงกินด้วยความประหยัดอดออมต้องกินให้หมด อาหารบางอย่างได้มาง่ายๆ แต่ว่าชาวบ้านก็สอนด้วยว่าให้กินจนหมด อย่าให้เหลือ อย่างเช่นปลา ในภาคกลาง กรุงเทพฯ หรือจังหวัดใกล้ๆ ชลบุรี หรือในสมัยก่อนตามภาคกลาง หาปลาง่าย
ว่ากันว่า เวลาอยากกินปลา จุดไฟตั้งเตาไว้ ต้มน้ำไว้ แล้วก็เข้าไปในคลอง หรือในแม่น้ำ เดี๋ยวเดียวก็ได้ปลาแล้วเพราะปลามีเยอะมาก น้ำก็เดือดพอดี แต่ว่าแม้จะได้ปลามาง่ายๆ ด้วยการจับ ด้วยการตก ด้วยการหว่านแห เขาจะกินแบบไม่เหลือเลย ถ้าได้ปลามาเยอะ กินไม่หมดก็ไม่ได้เอาไปทิ้ง เอาไปตาก เอาไปหมัก แล้วกินจนกว่าจะหมด ทั้งๆที่อาหารหรือปลาที่ตากหรือหมักมันอร่อยสู้ปลาสดๆไม่ได้
ถ้าเขาจะทิ้งปลาที่เหลือแล้วไปจับ มันก็ได้ปลามีรสชาติอร่อยกว่า แต่ว่าคนสมัยก่อนเขาถือว่าอาหารเหล่านี้มันมีค่า แม้จะได้มาง่ายๆก็ไม่กินทิ้งกินขว้าง กินจนหมดถ้าไม่หมดก็ต้องหมักต้องตากเอาไว้ หมดเมื่อไหร่ก็ค่อยไปจับเอาใหม่ ไม่ใช่เพราะขี้เกียจและไม่ใช่เพราะว่ามันหายากอย่างเดียว บางอย่างก็หาง่ายแต่ก็กินอย่างประหยัด ไม่ใช่ฉันเพราะแต่ตาหรือข้าว น้ำที่หามาง่ายๆในภาคกลางยังน้ำฝน สมัยก่อนฝนก็ตกตามฤดูกาล น้ำเยอะไม่ได้แล้งหรือหายากจังบางแห่งบางที่ในภาคอีสานแต่ว่าเขาก็ใช้น้ำอย่างประหยัด น้ำล้างจานก็ดีน้ำซักผ้าก็ดีเหลือแล้วก็ไม่ได้เททิ้งเอาไปรดน้ำต้นไม้หรือเอาไปทำประโยชน์อย่างอื่น
เพราะถือว่าธรรมชาติเป็นสิ่งที่มีค่า เป็นสิ่งที่เราควรเคารพ แม้ว่ามันจะมีเยอะ ก็ต้องใช้อย่างรู้ค่า ใช้ให้เต็มคุณค่าไม่ใช่ว่ากินแบบทิ้งๆขว้างๆ คุณธรรมแบบนี้เดี๋ยวนี้ค่อยๆเลือนหายไป เดี๋ยวนี้คนเรากินข้าวแบบไม่รู้ไม่ค่อยรู้ค่าเท่าไหร่เพราะอะไร เพราะว่าข้าวหาง่าย มันไม่ต้องลงทุนลงแรงปลูกข้าว คนส่วนใหญ่ก็ไปซื้อเอา แค่มีเงินก็ไปซื้อข้าวได้แล้ว
อีกอย่างหนึ่ง ก็ไม่รู้ว่ากระบวนการผลิตข้าวกว่าจะมาถึงมือเรา มันยุ่งยากซับซ้อนแค่ไหน แต่สมัยนี้ไม่ต้องใช้แรงคนเท่าไหร่ มันมีเครื่องจักร มีปุ๋ย ไม่ต้องตำข้าวเองแล้ว ก็เข้าโรงสี กระบวนการมันง่าย ใช้แรงคนน้อย และยิ่งไม่รู้ว่ากระบวนการข้าวกว่าจะได้มาได้อย่างไร มันก็ยิ่งไม่เห็นค่าเข้าไปใหญ่ ยุคนี้เป็นยุคของความอุดมสมบูรณ์
ในยุคแห่งอุดมสมบูรณ์มันก็เพิ่งเกิดขึ้นมาในโลกนี้ก็แค่ไม่เกิน 100 ปี ถ้าเป็นเมืองไทยก็อาจจะรุ่นพ่อ พ่อของอาตมา หรือรุ่นของอาตมา เริ่มเป็นยุคของความอุดมสมบูรณ์ แต่ก่อนนี้ลำบากอะไรอะไรก็หายากแม้แต่ข้าวปลาอาหาร แต่พออุดมสมบูรณ์ เราก็เลย ใช้ กิน หรือบริโภคอย่างไม่รู่ค่า มันก็ทำให้เกิดนิสัยกินทิ้งกินขว้าง แล้วเดี๋ยวนี้ก็เกิดปัญหาขยะมากมาย ไม่ใช่อาหารอย่างเดียว ข้าวของเครื่องใช้ ใช้ประเดี๋ยวเดียวก็ทิ้งแล้ว หมดรุ่นหรือมีรุ่นใหม่เข้ามาแทนก็ทิ้งก็เกิดปัญหาขยะ
ยังไม่ต้องพูดถึงเรื่องอาหารซึ่งเดี๋ยวนี้มันสูญเปล่าเยอะมากเลย อย่างที่เคยพูดว่าอาหารที่ผลิตกันทุกวันนี้ซื้อ 40% มันสูญเปล่าปล่อยให้เน่าทิ้ง ตามไร่นาบ้าง หรือว่าถูกทิ้งจากห้างสรรพสินค้าที่เอามาตั้งขายแล้วไม่มีคนซื้อ หรือแม่แต่ตามบ้านเรือนซื้อของมาเยอะๆแล้วใส่ตู้เย็นนานเข้าไม่ได้ใช้ ไม่ได้กินก็ทิ้ง
แต่ยุคอุดมสมบูรณ์ทำท่าว่าจะอยู่ได้ไม่นานแล้วเพราะว่า ตอนนี้มีปัญหาธรรมชาติภัยพิบัติมากมาย ฝนฟ้าไม่ตกตามฤดูกาล น้ำก็เริ่มน้อยลง แย่งชิงน้ำกันมากขึ้นในหลายประเทศ ในหลายจังหวัดในหลายท้องที่ มิหนำซ้ำยัง ฝนฟ้าก็เริ่มเพี้ยนผันผวนเพราะปรากฏการณ์โลกร้อน ต่อไปข้าวปลาอาหารก็จะเริ่มน้อยลง หาได้ยากขึ้น เพราะฉะนั้น ถ้าทุกวันนี้เรายังกินแบบกินทิ้งกินขว้าง มันก็คงจะไปไม่รอด
และที่กินทิ้งกินขว้างก็จะทำให้เกิดปัญหาเบียดเบียนธรรมชาติอย่างมากมายอย่างที่ไม่มีคนตระหนัก แม้กระทั่งพลังงานที่ตอนนี้เราใช้กันอย่างฟุ่มเฟือย เพราะว่าราคาถูก ไฟฟ้าก็ไม่แพง น้ำมันก็ไม่แพง แต่ต่อไปพลังงานจะราคาแพงมากขึ้น หายากมากขึ้น เพราะน้ำมันก็ใกล้จะหมดโลก พลังงานจากธรรมชาติมันก็หาไม่ได้ง่ายเหมือนกับน้ำมัน หรือว่าราคาถูกกว่าน้ำมัน
และต่อไปโลกก็จะเข้าสู่ยุคของความฝืดเคือง ถ้ายังกินแบบกินทิ้งกินขว้าง คงไปไม่รอด เรื่องอย่างนี้เด็กรุ่นนี้ก็ยังไม่เข้าใจ แต่ต่อไปพอโตขึ้นก็คงจะตระหนักได้ว่า จะทำแบบทุกวันนี้ไม่ได้แล้ว อันนี้ก็เป็นเรื่องที่พ่อแม่ต้องสอนลูก เตือนลูกให้ตระหนักด้วย รวมทั้งพ่อแม่ก็ต้องทำเป็นแบบอย่างด้วย เพราะบางทีพ่อแม่ก็เพลินไปกับความอุดมสมบูรณ์โดยที่ไม่รู้ว่านั่นมันเป็นของชั่วคราวเท่านั้น
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 25 สิงหาคม 2564