แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณ 70 ปี อยู่กันสองคนกับภรรยา ชีวิตก็ดูราบรื่นปกติ แต่แกเล่าว่า ระยะหลัง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ตื่นเช้าขึ้นมาแกไม่อยากลุกเลย มันท้อแท้ มันเบื่อหน่าย ไม่อยากจะลุกขึ้นมาทำอะไรเลย อยากจะนอนจนขาดลมหายใจหรือว่านอนโดยไม่ต้องตื่นอีกเลย
แกก็มาถามอาตมาว่า จิตแกผิดปกติหรือเปล่า อาตมาก็บอกว่าไม่หรอก จิตแกไม่ได้ผิดปกติหรอก แต่ว่าเป็นเพราะไม่รู้จะอยู่ไปทำไม ไม่รู้ว่าชีวิตอยู่ไปเพื่ออะไร หรือพูดอีกอย่างหนึ่งว่าขาดจุดมุ่งหมายในชีวิต ถ้าหากว่าลองตั้งจุดมุ่งหมายหรือเป้าหมายในชีวิตให้ชัดเจน อาการที่ว่าน่าจะหายไปได้
ไม่กี่วันต่อมาแกก็ตอบมาว่า ที่อาตมาตอบไปนั้นถูกต้องมากเลย ตรงกับปัญหาของตัวแกเลย เป็นเรื่องที่แกไม่ได้คิดมาก่อน ทีแรกก็มีคนบอกว่าเป็นเพราะแก่หรือเปล่า ทำให้รู้สึกเบื่อหน่าย ใครๆก็พูดอย่างนั้น
ที่จริงเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับความแก่ในอาการแบบนี้ แต่เดี๋ยวนี้คนแก่จำนวนมากจะรู้สึกแบบนี้คือ ไม่มีเรี่ยวมีแรงที่จะลุกขึ้นมาทำอะไร มันไม่ใช่เบื่อโลก แต่ว่าขาดพลังชีวิตมากกว่า เพราะไม่รู้ว่า ตื่นขึ้นมาแล้วชีวิตจะทำอะไร ไม่รู้ว่าจะอยู่ไปทำไม เพราะว่าขาดจุดมุ่งหมายในชีวิต ผู้ชายคนนี้แกก็เขียนมาเล่าต่อว่า ตอนนี้รู้แล้วว่าจะทำอย่างไร ก่อนนอนทุกคืนก็จะคุยกับภรรยาว่า วันรุ่งขึ้นเราจะไปทำอะไรกันบ้าง
จะไปทำบุญที่วัดไหน พรุ่งนี้ มะรืนนี้ จะไปถวายของที่วัดไหนดี พอทำอย่างนี้ รู้สึกว่ามีพลังขึ้นมาใหม่ ตื่นเช้าขึ้นมาก็ไม่ได้ท้อแท้แล้ว ไม่รู้สึกเบื่อหน่ายเพราะรู้ว่าวันนี้เราจะทำอะไร มันไม่ใช่แค่กิจวัตร กิน ดูหนังฟังเพลงแล้วก็นอน ใครทำอย่างนั้นวันแล้ววันเล่า สุดท้ายก็เบื่อ แม้ว่าหนังมันจะสนุกแค่ไหน แต่สิ่งสำคัญก็คือว่า การมีจุดมุ่งหมายในชีวิต อย่างน้อยในแต่ละวันมีจุดมุ่งหมายมีเป้าว่าจะทำอะไร มันก็ทำให้มีชีวิตชีวาขึ้นมา
แต่ปัญหาที่ผู้ชายคนนี้เล่า เดี๋ยวนี้เกิดขึ้นกับคนจำนวนมากโดยเฉพาะผู้สูงวัยหรือสว. อันนี้ต่างจากคนสมัยก่อนแม้จะแก่แล้ว เขาก็มีอะไรทำอยู่เรื่อยๆ อย่างน้อยก็มีหลานที่จะดูแล ตื่นเช้าขึ้นมาก็นึกถึงหลานวันนี้เราจะทำอะไรให้หลานกิน หรือว่ามีหลานที่เราจะคอยดูแลเอาใจใส่ มีงานให้ทำอยู่เรื่อยๆ อย่างน้อยก็มีครอบครัวที่จะเอาใจใส่ ก็กลายเป็นจุดหมายของชีวิตในแต่ละวันได้ หรือจุดหมายที่ยาวไกลเลยทีเดียว บางคนก็อยากจะเห็นหลานเรียนจบ เห็นหลานแต่งงาน เพราะฉะนั้นเวลาตื่นขึ้นมา ก็นึกถึงหลานดูแลเอาใจใส่เขา มีความสุขที่เขาเรียนดี เจริญเติบโตก้าวหน้า
สำหรับปุถุชนทั่วไป สิ่งสำคัญก็คือทำให้มีพลังในชีวิตขึ้นมา เพราะว่ามีเป้าหมายชีวิต ตอนหนุ่มๆยังไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไหร่ เพราะว่ามีเป้าหมาย สร้างเนื้อสร้างตัว สร้างครอบครัว ดูแลลูกให้โต หรือว่าส่งเสียเขาให้เรียนจบ อันนี้ก็เป็นเป้าหมายของปุถุชน แต่พอเกษียณแล้ว มันรู้สึกว่างเปล่า งานการก็ไม่มีแล้ว ครอบครัวก็เป็นหลักเป็นฐานแล้ว ลูกก็โตแล้ว
สมัยนี้คนแก่ไม่ค่อยมีหลานให้ดูแลเพราะลูกแต่งงานช้า หรือไม่ บางทีก็ไม่มีลูกเลย หรือถึงมีลูกก็พาไปอยู่บ้านอื่น แยกครอบครัว แยกบ้านกัน ลูกหลานก็ไปอยู่อีกบ้านหนึ่ง ทิ้งให้ตายายอยู่กัน 2 คน มันก็เลยรู้สึกอ้างว้างเปล่าเปลี่ยว แล้วก็ไม่รู้ว่าชีวิตนี้มีอะไรทำต่อ
อันนี้เป็นปัญหาของคนในเมืองเลยทีเดียว ไม่ใช่แต่ไม่มีลูกหลานคอยดูแล เพื่อนบ้านก็ไม่มี คนเฒ่าคนแก่นอกจากมีลูกมีหลานแล้ว ยังมีเพื่อนบ้านไปสุงสิง ไปโขกหมากรุก ไปสนทนากัน บางทีก็ไปเล่นไพ่กันถ้าเป็นผู้หญิง มันก็ทำให้กลายเป็นเป้าหมายชีวิตได้เหมือนกันแม้ว่าจะเป็นเป้าหมายหยาบๆ แต่ก็ทำให้รู้สึกไม่เบื่อไม่รู้สึกท้อเมื่อตื่นขึ้นมา อันนี้คือสภาพของสังคมสมัยก่อน
แต่ว่าสมัยนี้โดยเฉพาะคนในเมือง ถ้ามีอายุมากแล้วเกษียณ แล้วไม่มีลูกไม่มีหลาน ตื่นขึ้นมาก็ไม่รู้จะทำอะไร ขาดเป้าหมายในชีวิต พอขาดเป้าหมายในชีวิตก็ขาดพลัง มันก็เลยไม่อยากตื่นขึ้นมา เพราะตื่นขึ้นมามันก็มีชีวิตที่ซ้ำซาก ดูหนังก็ดูจนเบื่อ จนกระทั่งไม่ใช่ดูโทรทัศน์เดี๋ยวนี้กลายเป็นโทรทัศน์ดูเราเสียแล้ว นั่งแช่ปล่อยใจลอย
อันนี้มันแก้ได้ไม่ยาก ก็อย่างที่ผู้ชายคนที่ว่านี้ แกก็นึกออกแล้วว่าพรุ่งนี้จะทำอะไรกับภรรยา และสิ่งที่ทำก็ไม่ใช่เป็นการปรนเปรอ หรือไปหาอะไรกินอร่อยๆกิน แต่เป็นการทำความดีเป็นการทำบุญกุศล มันก็ทำให้ชีวิตมีเป้าหมาย ทำให้รู้ว่าตื่นขึ้นมาเราจะไปทำอะไรที่ดีๆ
มีคนหนึ่ง แกก็อาการคล้ายแบบนี้ มีเงิน เกษียณแล้ว ทีแรกนึกว่าก็เกษียณแล้วชีวิตจะมีความสุข แต่พอเกษียณแล้วไม่มีงานทำ หลานก็ไม่มีให้ดูแล อยู่คนเดียวหรืออยู่กับภรรยาก็ดูโทรทัศน์ดูหนัง แต่ก่อนไม่ค่อยได้พักผ่อนไม่ได้ดูหนัง แต่ตอนนี้พอได้ดูทั้งวันดูจนเบื่อ และรู้สึกว่าชีวิตเหมือนขยะ
แต่ตอนหลังมีคนชวนไปเป็นจิตอาสาแยกขยะ นั่งยองๆ ฉีกกระดาษเอามารีไซเคิล เอาหัวจุกฝาพลาสติกแยกออกมาจากขวดเพื่อเอาไปรีไซเคิล วันหนึ่งก็เหนื่อยร้อน แต่ว่ามีความสุข เดี๋ยวนี้เขาก็พูดว่าผมเป็นขยะคืนชีพ คือกลับมามีชีวิตชีวาขึ้นมาใหม่ ไม่ได้รู้สึกว่าเป็นขยะอย่างไร้คุณค่า
ที่จริงอย่าว่าแต่เป็นจิตอาสา เพียงแค่ว่าเลี้ยงหมาเลี้ยงแมว มีความรู้สึกผูกพันกับมัน ตื่นเช้าขึ้นมาก็อยากจะพามันออกไปเดินเล่น อยากจะเลี้ยงดูมันให้ดี ให้มีความสุข แค่นี้ก็เป็นจุดหมายชีวิตได้แล้วในแต่ละวัน หลายคนพอได้เลี้ยงหมาได้เลี้ยงแมว รู้สึกว่ามีพลังขึ้นมา อย่างน้อยก็รู้ว่าตื่นขึ้นมาแล้วจะทำอะไร มันเป็นเป้าหมายชีวิตที่ไม่ได้ยากอะไรเลย
แต่แน่นอน มันจะดีกว่า ถ้าหากว่าเราได้ไปทำประโยชน์อย่างอื่นด้วยไปเป็นจิตอาสา หรือว่ามีเป้าหมายชีวิตอย่างชาวพุทธก็คือว่ามุ่งลดละกิเลส ชีวิตก็ราบรื่นแล้ว ทุกอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ว่ากิจส่วนตัวอย่างหนึ่งที่ยังไม่ได้ทำ หรือยังทำไม่พอก็คือ ลดละกิเลส เพื่อที่จะให้ชีวิตมีความสุข มีความอิสระ
อันนี้ก็เป็นจุดหมายชีวิตของผู้สูงวัยก็ได้ ตื่นขึ้นมารู้ว่าวันนี้เราจะฝึกจิตฝึกใจของตัวให้มีชีวิตที่โปร่งโล่งสบายมากขึ้น ยึดติดน้อยลง มีสติมีความรู้สึกตัวมากขึ้น วันนี้มันยังหลงอยู่ จะฝึกให้หลงน้อยลง
แบบนี้ก็เป็นจุดหมายชีวิตที่ประเสริฐ ที่มันดีกว่าการที่รู้ว่าเช้านี้จะพาหมาไปเที่ยว พาหมาไปเดินเล่น หรือว่าทำอาหารให้ลูกหลาน ลองตั้งเป้าหมายอย่างนี้ดูบ้าง เป้าหมายแบบธรรมดาๆอย่างที่ว่าก็ดีทำไป แต่ว่าให้ตั้งเป้าหมายที่สูงกว่านั้น ไกลกว่านั้น ก็จะช่วยทำให้แต่ละวันมีคุณค่าขึ้นมา มันเกิดพลังชีวิตเพราะรู้ว่าอยู่ไปเพื่ออะไร ชีวิตมีจุดมุ่งหมาย
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 20 สิงหาคม 2564