แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
มีคนหนึ่งเพิ่งสูญเสียพ่อและแม่เพราะโรคโควิด ทั้งสองท่านจากไปห่างกันแค่วันเดียว โดยที่ผู้เป็นลูกไม่มีโอกาสร่ำลาโอบกอดบอกรักเป็นครั้งสุดท้าย เป็นการจากไปที่เรียกว่าลำบากมาก แล้วก็เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นกับหลายครอบครัวในเวลานี้ แต่ว่าผู้ที่เป็นลูกก็บอกว่าเขาเศร้าแต่ไม่เศร้ามากเพราะได้แอบทำใจไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
คือก่อนที่พ่อและแม่จะป่วยด้วยโรคโควิด ทั้งสองท่านก็ป่วยหนักเฉียดตาย พ่อก็หัวใจวาย แม่ก็เส้นเลือดในสมองแตก แต่ว่าก็รักษาได้ทันท่วงที ก็รอด ตอนนั้นผู้เป็นลูกก็รู้สึกว่าการที่พ่อแม่รอดชีวิตมาได้ตั้งแต่ครั้งนั้น มันเป็นกำไรชีวิต เพราะฉะนั้น ลูกจึงพยายามที่จะให้เวลากับพ่อแม่มากขึ้น ไปเยี่ยมพ่อเยี่ยมแม่เป็นประจำ แล้วก็พาไปกินอาหารอร่อยๆ หรือบางทีก็ซื้ออาหารอร่อยๆมาให้พ่อแม่ที่บ้าน รวมทั้งพาไปเที่ยวไกลๆปีละ 2-3 ครั้ง ได้อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข
เพราะฉะนั้น พอพ่อแม่จากไปด้วยโรค covid ถึงแม้จะเศร้าแต่ก็ไม่เศร้ามาก เพราะว่าสิ่งดีๆที่ควรทำก็ได้ทำมาไม่น้อยพอสมควร ทำให้พ่อแม่มีความสุข แม้ว่าวาระสุดท้ายจะไม่ได้ร่ำลา ไม่ได้โอบกอด ไม่ได้บอกรักครั้งสุดท้ายเพราะว่ามันทำไม่ได้ ไม่เหมือนโรคอื่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ ลูกสามารถที่จะไปเยี่ยมเยียนไปดูแลใกล้ชิด แต่ไม่ว่าลูกจะทำอย่างนั้นไม่ได้กับพ่อแม่ซึ่งป่วยด้วยโรค covid แล้วจากไป แต่สิ่งดีๆที่ควรทำก็ได้ทำไปแล้ว เพราะฉะนั้นก็เลยไม่ได้เศร้าเสียใจมาก
อันนี้เป็นประสบการณ์ของผู้ที่สูญเสียบุคคลที่เป็นที่รัก แต่ว่าความสูญเสียมันก็ไม่รุนแรงมากเพราะว่าตอนที่พ่อแม่หรือว่าคนรักยังอยู่ ก็ไม่ได้ปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์ ก็ใช้เวลานั้นทำความดีต่อกันโดยเฉพาะกับพ่อแม่ ก็มีเวลาให้กับท่าน
คนเราถ้าพอได้ทำดีที่สุดกับคนที่เรารัก เมื่อถึงเวลาที่เขาจากไปแม้จะเศร้าโศกเสียใจ แต่ก็จะไม่มากเท่าไร เพราะว่าสิ่งที่ควรทำก็ได้ทำไปแล้ว ไม่มีความรู้สึกผิดติดค้างใจว่าตอนที่ท่านยังอยู่ ไม่ได้ทำอะไรดีๆให้กับท่านเลย มาคิดได้ก็ตอนที่ท่านป่วยหนักหรือว่าจากไปแล้ว
การแพร่ระบาดcovid และการจากไปของคนที่เรารักโดยเฉพาะพ่อแม่นั้น เป็นเครื่องเตือนใจอย่างดีเลยว่า ความตายมันจะมาเมื่อไหร่ก็ได้ โดยเฉพาะโรค covid มาเร็วมาก ถ้าป่วยด้วยโรคอื่น ซึ่งสมัยนี้ก็มักจะเป็นโรคที่เกี่ยวกับความเสื่อมของร่างกาย เช่น มะเร็ง หัวใจ เบาหวาน ไตวาย ผู้ป่วยไม่ได้ตายทันที ร่างกายค่อยๆเสื่อมไป มันก็พอที่จะเป็นสิ่งกระตุ้นเตือนให้คนที่เป็นลูกเป็นหลานหันมาใส่ใจดูแล
เนื่องจากไม่ได้ตายทันที บางทีใช้เวลาเป็นปีหรือหลายปี ก็มีโอกาสที่จะดูแลได้อย่างต่อเนื่อง แต่โควิดไม่ใช่อย่างนั้น มันก็เช่นเดียวกับโรคติดเชื้อทั้งหลาย พอป่วยแล้ว บางรายก็อาการเฉียบพลันเลยโดยเฉพาะคนแก่ เฉียบพลันหมายความว่าอยู่ได้ไม่นานก็เสียชีวิต หลายคนตั้งหลักไม่ทัน หมายถึงผู้ที่เป็นลูกคนรักที่ไม่ได้ป่วย มาได้คิดว่าควรจะทำอะไรกับผู้ป่วย หลายสิ่งหลายอย่างแต่ก็ไม่ได้ทำ นึกได้ว่าควรทำแต่ว่าก็ไม่มีโอกาสแล้ว เช่น บอกรักหรือว่าโอบกอดแสดงความรัก
เพราะฉะนั้นเวลาท่านจากไป ก็เศร้าโศกเสียใจมาก แต่ว่ากรณีของลูกคนที่ได้พูดถึงนี้ เขาคงได้ทำไปก่อนแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการบอกรักพ่อแม่ การโอบกอดพ่อแม่ รวมทั้งการทำให้พ่อแม่มีความสุข ตอนที่พ่อแม่ป่วยเพราะ covid ไม่ได้ทำ แต่ว่าที่ได้ทำก่อนหน้านั้นแล้ว อีกทั้งได้ทำใจไว้แล้วว่าพ่อแม่จะจากไปเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เพราะว่าเคยป่วยหนักมาทีแล้วก็รอดมาได้ แต่โอกาสที่จะรอดกลับมาได้อีกครั้ง ก็อาจจะน้อย การทำใจไว้ก่อนล่วงหน้าก็ดี รวมทั้งการทำความดีกับพ่อแม่ หรือคนรัก สำคัญมากเลย
เพราะฉะนั้นตอนนี้ในขณะที่ผู้คนกำลังล้มป่วยและล้มตายกันเหมือนกับใบไม้ร่วง แล้วก็เกิดขึ้นกับคนใกล้ตัวเรามากขึ้นเรื่อยๆ มากขึ้นเรื่อยๆ มันน่าที่จะเป็นสิ่งที่เตือนใจให้เกิดความไม่ประมาท เกิดความตื่นตัวมากขึ้น ไม่เพียงแต่ดูแลพ่อแม่ให้ปลอดภัยจากโรคโควิด แต่ว่าควรจะทำมากกว่านั้นก็คือว่า ทำสิ่งดีๆให้กับท่าน ไม่ใช่แค่ดูแลทางกาย แต่ว่าให้ความสุขทางใจให้กับท่าน มีเวลาที่จะพูดคุยกับท่าน มีเวลาที่จะช่วยท่านให้มีความสุข
บางคนบางครอบครัว พ่อแม่ลูกอยู่ด้วยกัน อันนี้ก็ง่ายหน่อย บางครอบครัวพ่อแม่ลูกอยู่ห่างกัน ไปมาหาสู่กันลำบาก แต่ก็ยังมีโอกาสทำอะไรให้ดีๆต่อกันได้ เพราะว่าถ้าท่านป่วยด้วยโรคโควิตแล้ว การที่จะดูแลใกล้ชิดท่านเรียกว่าเป็นศูนย์เลย
เพราะฉะนั้นใครรู้ว่าโรคโควิดตอนนี้รุนแรงมาก มีโอกาสที่จะดูแลพ่อแม่ มีเวลาทำสิ่งดีๆให้กับท่านก็รีบทำเสีย ลูกคนนี้พูดไว้ดีว่าใครที่ยังมีโอกาสให้ดูแลพระในบ้านให้ดีๆ เพราะว่าความสุขของท่านก็คือรางวัลชีวิตของลูก มันไม่ใช่เพียงพ่อแม่มีความสุขเท่านั้น ลูกก็พลอยมีความสุขด้วย แล้วเมื่อถึงเวลาที่พ่อแม่จากไป ลูกก็ไม่ทุกข์ไม่เศร้าเสียใจ
อย่างไรก็ตาม ไม่มีเวลาดูแลท่านมากเท่าไหร่ ไม่มีโอกาสทำสิ่งดีๆให้กับท่าน ก็อย่าไปสร้างภาระให้ท่าน หรือทำให้ท่านเป็นห่วง เพราะถ้าท่านเป็นห่วงแล้วมันก็คือการเพิ่มทุกข์ให้กับท่าน
มีลูกคนหนึ่ง แม่กำลังป่วยหนัก กำลังจะตาย ชีพจรก็แผ่วลงไปเรื่อยๆ ลูกเสียใจมาก แล้วก็ตื่นตระหนกพูดขึ้นมาว่า ถ้าแม่ไปแล้วลูกจะอยู่กับใคร พูดอย่างนี้ ปรากฏว่าชีพจรของแม่ซึ่งกำลังจะตก ปรากฏว่าขึ้นมาเลย แล้วสักพักก็ลง แล้วก็ขึ้นใหม่ สักพักลงแล้วขึ้นใหม่ เป็นอย่างนี้ตลอดทั้งวัน จนกระทั่งสิ้นลม แม่โคม่าแต่ได้ยินลูกพูดอย่างนี้ แม่ได้ยินลูกพูดอย่างนี้ แม่ก็ห่วง จะตายก็เลยไม่ยอมตาย สัญญาณชีพกระตุกขึ้นมาเลย ถ้าตายแบบนี้ก็คงจะตายไม่ดี เพราะว่าแม่ยังห่วงลูก เพราะว่าลูกพูดแบบนี้แม่ก็ทำใจไม่ได้
เพราะฉะนั้น อย่างน้อย หากว่าไม่มีเวลา ไม่มีโอกาสหรือว่าไม่ให้เวลาที่จะดูแลท่าน ให้ท่านมีความสุข อย่างน้อยก็อย่าไปเพิ่มความทุกข์ให้กับท่าน ด้วยคำพูดให้ท่านเป็นห่วง ด้วยคำพูดแบบนี้ โดยเฉพาะในระยะสุดท้าย
แต่ถ้าจะให้ดี ในขณะที่ท่านมีลมหายใจ มีสุขภาพดี ยังไม่ป่วยด้วยโรคโควิดก็รีบทำสิ่งดีๆให้กับท่าน ดูแลท่านให้ดี อย่างที่ลูกผู้นี้บอก ความสุขของพ่อแม่คือรางวัลชีวิตของลูก ในยามที่ภัยอยู่ล้อมรอบอยู่รอบตัว เราก็ยังสามารถที่จะได้สัมผัสกับรางวัลชีวิตได้โดยการทำให้ท่านมีความสุข
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 17 สิงหาคม 2564