แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เมื่อวานมีข่าวใหญ่ข่าวหนึ่ง เป็นข่าวใหญ่ระดับโลกเลย สำนักข่าวสำคัญๆทั่วโลกพร้อมใจกันพาดหัวข่าวนี้เป็นข่าวแรกสุด ข่าวนี้ก็คือ คำเตือนของสหประชาชาติว่า โลกกำลังเผชิญกับหายนภัยที่ใหญ่หลวง จะเรียกว่าอย่างที่ไม่เคยพบมาก่อน หายนภัยที่ว่าไม่ใช่ภัยจากการระบาดของโรคโควิด แต่มันเกิดจากการที่ธรรมชาติทั่วโลกแปรปรวน
เขาบอกว่า ตอนนี้กำลังจะเกิดน้ำท่วมใหญ่ ภัยแล้ง รวมทั้งพายุที่รุนแรง แล้วก็คลื่นความร้อนที่ไม่เคยเจอมาก่อนแล้วมันก็ไม่ใช่อนาคตที่ยาวไกล แต่ว่ามันกำลังเกิดขึ้นแล้วอย่างที่เราได้อ่านข่าว ถ้าติดตามข่าวก็จะรู้ว่าเดือนสองเดือนมีคลื่นความร้อนเกิดขึ้นแม้กระทั่งซีกโลกเหนือที่มันหนาวเย็น ไฟป่าก็รุนแรง ฝนตกหนักจนดินถล่มทลายที่ประเทศนั้นประเทศนี้ รวมทั้งภัยแล้งที่เกิดขึ้นในหลายแห่ง มันเกิดขึ้นพร้อมๆกันเลย
และรายงานสหประชาชาตินี้ก็ยืนยันว่าโลกร้อนขึ้นเรื่อยๆเรียกว่าปรากฏการณ์โลกร้อน เขาบอกว่าอันนี้มันชัดเจนแล้วไม่มีข้อโต้เถียงแล้วว่า ปรากฏการณ์โลกร้อนกำลังสร้างปัญหาให้กับโลกทั้งโลกในเวลานี้ ไม่ใช่แค่คลื่นความร้อนที่เกิดถี่และรุนแรง หรือว่าน้ำท่วมแบบที่เรียกว่าเพราะฝนพันปี ฝนพันปีตอนนี้เลิกพูดได้แล้ว แม้กระทั่งฝนร้อยปีมันก็ไม่มีความหมายแล้ว เพราะว่าฝนแบบนี้จะเกิดขึ้นแทบจะปีเว้นปีเลย ไม่ใช่ร้อยปีครั้ง แต่ 2-3 ปีครั้งเลยทีเดียว
อันนี้ยังไม่นับ ระดับน้ำทะเลทั่วทั้งโลกกำลังสูงขึ้นเรื่อยๆ ปีละหลายมิลลิเมตร คือราวปีละ 2-3 มิล และอาจจะมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะที่ภูเขาน้ำแข็งก็ละลาย แล้วก็ไม่มีทางที่จะหยุดยั้งได้ อาจจะเป็นอย่างนี้เป็นศตวรรษเลย
และการที่โลกร้อนขึ้น มันก็ไม่ใช่เกิดจากธรรมชาติล้วนๆ แต่เกิดจากฝีมือมนุษย์ นั่นคือการที่มนุษย์เราปล่อยคาร์บอนสู่บรรยากาศ เราปล่อยคาร์บอนอย่างไร เราเผาป่าบ้างล่ะ หรือว่าที่หนักกว่านั้นก็คือว่า เราใช้พลังงานกันอย่างฟุ่มเฟือย หรือว่ามากมาย
เวลาเผาน้ำมัน มันก็จะมีคาร์บอนออกมา เผาน้ำมันเวลาใช้ รถ หรือว่าเวลาผลิตไฟฟ้าก็ต้องมีเผาน้ำมัน เผาถ่านหินก็มีคาร์บอนออกมาในรูปคาร์บอนไดออกไซด์ พวกนี้ไม่ไปไหน มันก็ไปสะสมอยู่ในชั้นบรรยากาศ แล้วมันก็คอยเก็บกักความร้อนของโลกเอาไว้ ไม่ให้ระบายออกสู่อวกาศ
เขาบอกว่าตอนนี้โลกมีอุณหภูมิมากกว่าเมื่อ 200-300 ปีก่อน หรือยุคอุตสาหกรรมถึง 1.1 องศา แต่ว่าภายใน 20 ปี มันจะเพิ่มเป็น 1.5 องศา ดูเหมือนเล็กน้อย แต่ว่าที่จริงมันเป็นเรื่องที่ใหญ่โตมาก เพราะว่าธรรมชาติเปราะบางมาก อุณหภูมิที่ว่าสูงขึ้นนี้หมายถึงอุณหภูมิที่เฉลี่ยทั้งปี ทั้งโลก แค่เพิ่มขึ้น 1.1 องศาก็แย่แล้วอย่างที่เราเห็นปัญหาต่างๆเกิดขึ้นมากมาย
และถ้ามันเพิ่มเป็น 1.5 องศาใน 20 ปีข้างหน้า ที่จริงไม่ถึง 20 ปีข้างหน้า มันคือ 19 ปีข้างหน้า มันจะเกิดหายนะแค่ไหน ขนาดโควิด ผู้คนก็ทุกข์กันมาก แต่ว่าภัย covid ก็ยังเบาบาง เมื่อเทียบกับภัยที่เกิดจากโลกร้อน
รายงานชิ้นนี้ เขาบอกว่ามันเป็นรายงานที่สรุปยืนยันชัดเจน หลักฐานต่างๆชี้ไปที่จุดเดียวกันว่า โลกกำลังวิกฤต แล้วก็เกิดจากฝีมือมนุษย์ ที่จริงเรื่องนี้ก็รู้กันมานานแล้ว 30 ปีที่แล้วก็มีการประชุมกันทั้งโลกเพื่อที่จะแก้ปัญหานี้
จนกระทั่งตกลงกันเมื่อสัก 5-6 ปีที่ผ่านมานี้ว่า จะลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์หรือลดคาร์บอนเพื่อให้อุณหภูมิโลกไม่สูงเกิน 2 องศา ถ้าได้ 1.5 องศาก็จะดี แต่ว่า 1.5 องศา ก็ถือว่าจะถึงจุดนั้นอยู่แล้วใน 20 ปีข้างหน้า ในขณะที่สิ่งที่รัฐบาลทั้งโลกตกลงว่าจะทำนั่นทำนี่ เพื่อจะลดคาร์บอนนั้นแทบจะไม่ได้ทำกันเท่าไรเลย
เลขาสหประชาชาติบอกว่า ตอนนี้ถ้าร่วมมือกันทั่วทั้งโลก มันก็ยังพอจะมีทางบรรเทาวิกฤตินี้ได้ แต่ต้องทำเดี๋ยวนี้ ไม่มีเวลาที่จะผัดผ่อน หรือมีข้ออ้างแก้ตัวอีกแล้ว ตอนนี้แหล่ะเป้าที่ต้องรีบทำก็คือว่า ทำให้ปริมาณการปล่อยคาร์บอนลดลงครึ่งหนึ่งภายใน 10 ปี ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แต่ถ้าไม่ทำ หายนะใหญ่หลวงแน่ อันนี้เขาจะมีการประชุมทั่วโลกขั้นสุดยอดในเดือนพฤศจิกายนที่จะถึงนี้
ก็ไม่รู้ว่า จะตกลงกันจริงจังแค่ไหน เพราะว่าตอนที่ประชุมกันที่ปารีสเมื่อ 5-6 ปีก่อน ก็ดูเหมือนทุกประเทศยืนยันเป็นมั่นเป็นเหมาะว่า จะช่วยกันลดการปล่อยคาร์บอนเช่น ใช้พลังงานแสงอาทิตย์มากขึ้น ใช้พลังงานลม พลังงานธรรมชาติมากขึ้น แทนที่จะใช้พลังงานจากน้ำมันหรือถ่านหิน รวมทั้งลดการเผาป่า ปลูกป่ากันให้มากขึ้น แต่ว่าก็ยังทำกันได้ไม่พร้อมเพรียงกันเท่าไร
อันนี้ก็เป็นเรื่องใหญ่ โลกกำลังจะวิบัติแล้ว แต่ก่อนเวลาเราดูหนัง เราก็เห็นแต่ว่า โลกกำลังจะวิบัติเพราะว่ามีมนุษย์ต่างดาว พวกเอเลียนจะมายึดครองโลก จะมาทำลายโลก แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้วมันไม่ใช่มนุษย์ต่างดาว
แต่เป็นมนุษย์ด้วยกันเอง ที่ใช้ทรัพยากรกันอย่างไม่ระมัดระวัง เผาป่า ทำลายธรรมชาติเพื่อสนองความต้องการของตัวอย่างไม่มีที่สิ้นสุด อันนี้ก็ต้องช่วยกัน เป็นเรื่องที่เราต้องรับรู้ด้วยกัน ถึงแม้ว่าปัญหาโควิดมันก็สร้างความหนักใจให้เราอยู่แล้ว แต่ว่าเรื่องนี้ก็ต้องทำด้วยเพราะว่ามันอยู่กับเราไปอีกนานไม่ใช่แค่เราอย่างเดียว ไปถึงลูกหลานของเราด้วย อาจจะยาวนานเป็นศตวรรษเลย
เพราะฉะนั้น ทางใดก็ตามที่เราจะช่วยกันลดการปล่อยคาร์บอน เราก็ต้องรีบทำ ใช้พลังงานกันให้น้อยลง เผาป่ากันให้น้อยลง ปลูกป่ากันให้มากขึ้น เรื่องมลภาวะ PM 2.5 กลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว มลภาวะจากรถยนต์หรือว่าจากโรงงานอุตสาหกรรมตอนนี้กลายเป็นเรื่องเล็กไปแล้ว เพราะว่าโลกร้อนกลายเป็นเรื่องที่ใหญ่หลวงกว่า แต่ก็ต้องทำไปพร้อมๆกัน
เราก็ต้องกระตุ้นรัฐบาล หน่วยงานรัฐบาล รวมทั้งบริษัทห้างร้านต่างๆ ธุรกิจต่างๆ ขวนขวายเรื่องนี้ให้ได้ เพราะไม่เช่นนั้น ก็จะไม่มีอะไรเหลือให้กับลูกหลานของเราเลยก็ว่าได้ อันนี้ก็เป็นเรื่องที่ต้องรับรู้เอาไว้ และก็ต้องตื่นตัว อย่าไปคิดว่ามันเป็นเรื่องไกล ตอนนี้ไม่ไกลแล้ว มันกำลังเกิดขึ้นกับเราทุกวี่ทุกวัน และก็จะรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 10 สิงหาคม 2564