แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
เดี๋ยวนี้มีรับจ้างอะไรแปลกๆเยอะเลย เช่น แต่ก่อนมีรับจ้างทำรายงาน เดี๋ยวนี้ก็มีรับจ้างทำการบ้านแล้ว ไม่รู้มีมานานแล้วหรือยัง อาจจะมีมานานแล้วก็ได้ อาตมาก็เพิ่งสังเกตว่ามีรับจ้างทำการบ้าน เข้าใจว่า รับจ้างทำรายงาน ลูกค้าหรือผู้ใช้บริการก็คงเป็นนักศึกษาหรือว่าเป็นนักเรียนมัธยม แต่รับจ้างทำการบ้าน ลูกค้าน่าจะรวมถึงนักเรียนประถมด้วย เพราะว่านักเรียนประถมไม่ค่อยมีรายงานแต่มีการบ้าน แล้วเดี๋ยวนี้ก็เย่อะด้วย
นอกจากรับจ้างทำการบ้าน เดี๋ยวนี้ก็มีรับจ้างใส่บาตร รับจ้างถวายสังฆทาน แล้วก็มีรับจ้างอะไรเยอะแยะเลย จิปาถะ ยุคนี้เรียกว่า เป็นยุคที่สะดวกสบาย เพราะว่าใช้เงินซื้อ ไม่ต้องทำเอง จ้างคนอื่นทำ สมัยนี้เงินก็เลยมีความสำคัญมาก เราใช้เงินจ้างคนทำอะไรต่ออะไรมากมาย แต่ว่าถ้าคิดให้ดี มันก็เป็นผลเสีย อย่างรับจ้างทำการบ้าน นอกจากจะเสียเงินแล้ว ก็ยังเสียโอกาสที่จะได้ความรู้ได้ประสบการณ์
ทำนองเดียวกัน รับจ้างใส่บาตร รับจ้างถวายสังฆทาน มันก็สะดวกดีอยู่ ไม่ต้องตื่นเช้ามารอพระใส่บาตร หรือว่าไม่ต้องเดินทางไปวัดเพื่อถวายสังฆทาน มีคนทำให้ ขอเพียงแต่มีเงิน แต่ว่าทำอย่างนี้แล้วจะได้บุญหรือเปล่า ได้บุญแค่ไหน ยุคนี้เป็นยุคที่เราใช้เงินอะไรต่ออะไรมากมาย แต่ก่อนก็ซื้อของ ซื้อข้าวปลาอาหาร ซื้อโทรศัพท์ เดี๋ยวนี้ซื้อบริการให้คนอื่นช่วยทำให้
ถ้านักเรียนจ้างคนอื่นทำการบ้าน เด็กจะมีความรู้ได้อย่างไร อาจจะได้เกรดได้คะแนนเพราะว่ามีการบ้านไปส่งครู แต่ว่าความรู้ไม่มีหรอก ก็เหมือนจ้างคนไปใส่บาตร จ้างคนไปถวายสังฆทาน แม้ว่าจะได้บุญก็คงได้น้อย แล้วก็ไม่รู้ว่าต่อไปมันจะไปถึงไหน ต่อไปอาจจะจ้างคนไปปฏิบัติธรรมแทน หรือว่าจ้างคนไปเวียนเทียนแทน
หรือว่าจ้างคนบวชแทนก็ได้ อาจจะประเภทว่าบนเอาไว้ ว่าถ้าได้อย่างที่อธิษฐานก็จะบวชแก้บน แต่พอได้อย่างที่อธิษฐานก็ชักลังเล บวชนี้มันลำบาก อยู่วัดก็ไม่คุ้น อย่ากระนั้นเลย จ้างคนมาบวชแทนดีกว่า บวชแก้บน ต่อไปอาจจะมีหรือว่ามีแล้วก็ได้ ยุคนี้เราไม่ได้คิดจะทำอะไรด้วยตัวเองเพราะว่าเราเห็นแก่ความสะดวกสบาย ขอให้มีเงินสักอย่างก็ซื้อบริการต่างๆได้ มันสบายเพียงชั่วคราว แต่ก่อโทษตามมา
ก็น่าเป็นห่วง ถ้าหากนักเรียนต่อไปจ้างคนทำการบ้าน มีการบ้านอะไรก็ติดต่อซื้อบริการ แล้วเดี๋ยวนี้สะดวก ติดต่อทางอินเทอร์เน็ต ทางโซเชียลมีเดีย ไม่เหมือนสมัยก่อน ถ้าไม่มีอินเทอร์เน็ต ก็ไม่รู้จะไปจ้างใครให้มาทำการบ้าน อาจจะมีสำนักงานให้บริการ แต่ว่าก็ไม่รู้อยู่ไหน แล้วอีกอย่างหนึ่งคนที่จะเปิดบริการแบบนี้ก็ไม่กล้าเปิดตัวมาก จะไปติดป้ายแถวสยามสแควร์ว่ารับจ้างทำการบ้าน มันก็กระไรอยู่ หรืออาจจะเคยมีแล้วก็ได้ แต่ของพวกนี้จะทำโจ่งแจ้งไม่ได้
แต่พอมีอินเทอร์เน็ต มี LINE มีโซเชียลมีเดีย ก็สามารถที่จะประกาศโฆษณาโดยที่ไม่เปิดเผยตัวก็ได้ แต่ว่าทำตามที่รับปากเอาไว้ มีผลงานส่ง ขอให้เงินมา มันก็เลยเป็นกิจการที่แพร่หลายมากขึ้น แล้วก็เชื่อว่าต่อไปก็คงจะมีรับจ้างทำอะไรอีกมากมาย ตอนนี้ก็มีรับจ้างไปสอบแทนก็มี
เงินให้ความสะดวกสบายแก่เราก็จริง แต่ถ้าติดความสะดวกสบายมาก มันก็จะกลายเป็นโทษ กลายเป็นว่าชีวิตนี้ไม่พัฒนาเลย เพราะว่าเห็นแก่ความสะดวกสบาย คิดว่าอะไรก็ซื้อได้แม้กระทั่ง บุญ บุญก็ซื้อได้
อย่างไรก็ตาม ก็น่าเห็นใจเด็กที่ไปใช้บริการรับจ้างทำการบ้าน ตามที่มีข่าวว่าเพราะเด็กมีการบ้านเยอะมาก เด็กไทยทุกวันนี้น่าสงสาร เพราะเรียนหนักมากวันหนึ่งเป็นสิบวิชา แต่ละวิชา ครูให้ใบงานทำการบ้านขณะที่เด็กแทบจะไม่มีเวลาพักผ่อนนอนหลับอยู่แล้ว หรือถึงมีเวลาก็เอาไปใช้กับการเล่นโซเชียลมีเดียวันหนึ่งก็หลายชั่วโมง เวลาทำการบ้านจึงน้อย จวนตัวก็จ้างคนทำการบ้านให้ แต่ถึงจะไม่ได้เล่นอินเทอร์เน็ต การบ้านก็เยอะอยู่แล้ว ยิ่งตอนเรียนออนไลน์ ครูก็สะดวกส่งใบงานให้นักเรียน
ช่วงโควิดเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ก่อนที่จะมี covid เด็กไทยเรียนเยอะมาก 1200 ชั่วโมง ในขณะที่ประเทศที่มีการศึกษาที่ก้าวหน้า เด็กมีสติปัญญา เขาเรียนแค่ปีละ 700 กว่าชั่วโมง อย่างฟินแลนด์ สิงคโปร์ เด็กไทยเรียนเยอะมาก แต่ว่าการที่เรียนเยอะไม่ได้แปลว่าจะมีคุณภาพ ไม่ว่าคุณภาพทางสติปัญญา หรือว่าคุณภาพทางพฤติกรรม หรือคุณธรรม
การเรียนมากไม่ได้แปลว่าเด็กจะเก่งหรือจะดี ไม่ต้องพูดถึงมีสุข สิ่งสำคัญก็คือไม่ได้อยู่ที่ปริมาณ แต่อยู่ที่คุณภาพ คุณภาพการเรียน ไม่ใช่คุณภาพการสอน เพราะว่าการศึกษามันอยู่ที่การเรียนรู้ ไม่ได้อยู่ที่การสอน สอนเท่าไหร่ถ้าไม่เกิดการเรียนรู้ การศึกษาก็ไม่เกิด
สิงคโปร์เขามีนโยบายเลยว่า สอนให้น้อยลง แต่เรียนให้มากขึ้น แต่เด็กไทยเราถูกสอนมากขึ้นเรื่อยๆ แล้วผู้ใหญ่ก็คิดว่าถ้าสอนมากๆสอนเยอะๆเด็กจะฉลาด เด็กจะเก่ง เด็กจะดี แต่ที่จริงไม่ใช่ ถ้าหากว่าการเรียนรู้ไม่เกิด สอนมากเท่าไหร่ก็ไม่เกิดผล
เพราะฉะนั้น ถ้าหากว่าเรียนให้น้อยลงกว่านี้ แต่ว่ามีการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ เด็กก็อาจจะฉลาดขึ้น แล้วก็มีความสุขมากขึ้นก็ได้ แล้วการที่จะต้องดิ้นรนขวนขวายไปจ้างคนมาทำการบ้านให้ ก็จะน้อยลง บางทียิ่งให้การบ้านมากขึ้น เด็กกลับฉลาดน้อยลง เพราะว่าเด็กแทนที่จะทำการบ้านเอง ก็ไปจ้างคนอื่นทำการบ้านแทน
เกิดผลตรงข้าม ให้การบ้านเยอะ แทนที่เด็กจะฉลาด มีสติปัญญามากขึ้น แต่กลับมีความรู้น้อยลง เพราะว่าไม่ได้ทำการบ้านเอง ไปจ้างคนอื่นทำ ที่ไปจ้างคนอื่นทำเพราะว่าการบ้านเยอะมากเหลือเกิน อันนี้เรียกว่าให้ผลตรงข้าม ซึ่งก็เป็นปัญหาหนึ่งของการศึกษาไทยในเวลานี้
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมก่อนฉันเช้าวันที่ 5 สิงหาคม 2564