แม้ "ข้อความถอดเสียงนี้" จะพยายามให้ตรงกับเสียงต้นฉบับมากที่สุด ผู้ศึกษาพึงตรวจสอบกับเสียงธรรมบรรยายต้นฉบับ ก่อนนำข้อมูลไปใช้ในการอ้างอิง [รับข่าวสารทางอีเมล]
ช่วงนี้เป็นช่วงที่ลำบากมาก เพราะว่าผู้คนเจ็บป่วยด้วยโรคโควิดกันเป็นจำนวนมาก และตอนนี้แม้ป่วยหนักแค่ไหนก็ไปโรงพยาบาลลำบาก ต้องรักษาตัวที่บ้าน หลายคนก็รักษาตามมีตามเกิด แล้วก็ไม่ได้ป่วยคนเดียว ป่วยกันทั้งบ้านเลย และหลายคนก็ป่วยหนัก จนถึงขั้นเสียชีวิต เป็นการเสียชีวิตที่บ้าน โดยที่หมอ พยาบาลเข้าไม่ถึง อันนี้เป็นเรื่องที่น่าเศร้า
แล้วก็น่าสะเทือนใจมากโดยเฉพาะคนที่อยู่ในบ้านเดียวกัน ต้องมาเห็นคนที่รัก คนที่รู้จักตายต่อหน้าต่อตา มันเป็นเรื่องที่สะเทือนขวัญมาก หลายคนก็จิตตก เพราะว่านอกจากเศร้าโศกเสียใจที่คนรักจากไปแล้ว ตัวเองก็ไม่เคยมีประสบการณ์ที่เห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตา จิตก็เลยตกมากเลย
ในกรณีอย่างนี้อาตมาก็อยากจะแนะนำว่า ให้ตั้งสติให้ดี หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ แล้วก็น้อมใจระลึกถึงพระรัตนตรัย พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ อัญเชิญพระรัตนตรัยมาสถิตที่ใจของเรา มาปกป้องคุ้มครองเรา ให้หายตื่นตระหนก ให้หายทุกข์ อาจจะว่า นะโม ตัสสะ ก็ได้ เพื่อเป็นการน้อมระลึกถึงพระพุทธเจ้า พวกเราก็ว่ากันได้อยู่แล้วโดยส่วนใหญ่ นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ 3 จบ
เพื่ออัญเชิญพุทธคุณมาปกปักรักษาใจ ให้หายกลัว หายตื่นตระหนก หรือบางคนก็อาจจะน้อมใจมาที่ลมหายใจ หายใจเข้าลึกๆ หายใจออกยาวๆ สัก 5 ถึง 10 ครั้ง ระหว่างที่หายใจเข้า หายใจออก ก็ภาวนาพุทโธด้วย บริกรรมพุทโธด้วย หายใจเข้า-พุท หายใจออก-โธ เพื่อให้พุทธคุณหรือพระพุทธเจ้าได้มาช่วยรักษาใจของเราให้มีสติ มีความมั่นคง
พอเรามีสติแล้ว ก็อยากจะให้พวกเราได้อันเชิญพระรัตนตรัยเพื่อนำทางให้ผู้จากไป ให้ไปสู่สุคติ ผู้ที่จากไปตอนนี้เขาไม่ทุกข์แล้ว ไม่เจ็บไม่ป่วย แต่ว่าการช่วยให้เขาไปดี ไปสู่สุคติ ก็ยังเป็นสิ่งที่มีความหมายอยู่
เราก็อัญเชิญพระรัตนตรัยเพื่อมานำทางเขาให้ไปสู่สุคติ แล้วก็บอกผู้ที่ล่วงลับไปด้วยว่า ให้เดินตามพระรัตนตรัยไปเลยนะ ตามพระพุทธเจ้า ซึ่งจะพาไปสู่สุคติ จิตของผู้ตายยังรับรู้ได้ถ้าเราน้อมหรือบอกให้เขาได้เดินตามพระรัตนตรัยไป ก็เชื่อว่าเขาจะไปดี
ขณะเดียวกัน เราก็อาจจะน้อมใจ แผ่เมตตาอุทิศบุญกุศลให้กับผู้ที่จะไปด้วย ขอให้ท่านได้ไปสู่สุคติ ได้ประสบสุขในสัมปรายภพ บุญกุศลที่เรามี เราก็สามารถที่จะน้อมอุทิศไปให้กับผู้ล่วงลับได้
และเราสามารถที่จะทำได้มากกว่านั้นก็คือ น้อมใจของผู้ที่จากไป ให้ระลึกถึงบุญกุศลถึงความดีที่ได้บำเพ็ญ นอกจากน้อมใจให้ระลึกถึงพระรัตนตรัยแล้ว ก็ให้นึกถึงความดีที่ได้บำเพ็ญ เพราะว่าการนึกถึงความดี บุญกุศลจะทำให้จิตใจเป็นกุศลไปด้วย และจิตใจที่เป็นกุศลในยามนี้จะไปสู่สุคติได้ง่าย
และที่สำคัญอีกอย่างหนึ่งก็คือว่า บอกให้ผู้ที่จะจากไป ปล่อยวางทุกอย่าง ละทุกสิ่ง อย่าได้มีห่วงอย่าได้มีกังวล เพราะว่าท่านได้จากไปแล้ว จะเป็นบุพการี จะเป็นพ่อเป็นแม่ หรือเป็นคนรักก็แล้วแต่ บอกท่านว่าท่านได้จากไปแล้ว อย่าได้ห่วงอย่าได้กังวล ไม่ว่าลูก ไม่ว่าหลาน หรือทรัพย์สินเงินทอง งานการก็ปล่อยให้หมด วางให้หมด การปล่อยการวางที่ไม่ห่วงกังวล จะช่วยทำให้ผู้ล่วงลับไปสู่สุคติได้ง่าย
และเราอาจจะใช้โอกาสนี้ขอบคุณ ถ้าท่านเป็นผู้ที่จากไปเป็นบุพการี เป็นพ่อเป็นแม่ เป็นญาติคนเฒ่าคนแก่ ก็ขอขอบคุณที่ท่านได้เลี้ยงดู ให้ความช่วยเหลือเกื้อกูล หรือว่าชี้แนะให้คำสอน หรือเป็นคนที่ใกล้ชิดก็ขอบคุณถึงความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ที่เราได้รับ
รวมทั้งขอขมาด้วย กรรมใดที่ล่วงเกิน ไม่ว่ากายวาจาใจ โดยเจตนาหรือไม่เจตนา ก็ขอขมา ขอให้กรรมนั้นเป็นอโหสิ ถ้าเราน้อมนึกถึงสิ่งดีๆเพื่อที่จะนำพาผู้จากไปให้ไปสู่สุคตินั้น ใจจะเป็นบุญเป็นกุศล มันจะช่วยขจัดปัดเป่าความกลัว ความโศก ความเศร้าออกไป
คราวนี้มีหลายกรณีที่ว่าเมื่อผู้ป่วยสิ้นลมแล้ว ก็จะต้องมีการเคลื่อนย้ายร่างของเขา เพื่อไปทำการฌาปนกิจหรือไปทำพิธีกรรมทางศาสนา บางครั้งก็ไม่มีหน่วยกู้ภัยจะมาช่วยเคลื่อนย้ายร่าง ผู้ที่อยู่ในบ้านก็ต้องทำเอง หลายคนไม่มีประสบการณ์อย่างนี้ก็จะตื่นกลัว ก็ให้นึกว่า สิ่งที่เรากำลังจะทำคือ การเคลื่อนย้ายร่างของเขา มันเป็นการช่วยทำให้การจากไปของเขา เสร็จสิ้นสมบูรณ์
เพราะว่าจิตละร่างไปแล้ว ส่วนร่างนั้นก็ยังอยู่ รอการปลง รอการจัดการ การจากไปของเขาจะเสร็จสิ้นสมบูรณ์ก็ต่อเมื่อร่างของเขาได้รับการจัดการอย่างถูกต้อง เขาอาจจะเหมือนคนที่กำลังหลับอยู่ เพียงแต่ว่าหลับโดยไม่ตื่นอีกเลย
ในยามปกติเมื่อหลับแล้วตื่นขึ้นมา เขาก็จะจัดการกับร่างกายของเขา ทำเองได้ แต่ตอนนี้เขาไม่สามารถที่จะตื่นขึ้นมา ทำอะไรกับร่างของเขาแล้ว ก็เป็นหน้าที่ของเราที่จะช่วยจัดการแทนเขา เพื่อทำให้ร่างนั้นคืนสู่ธรรมชาติ รวมทั้งได้มีการประกอบพิธีทางศาสนาเท่าที่จะทำได้
อันนี้เป็นการช่วยให้การจากไปของเขาได้เสร็จสิ้นสมบูรณ์ และถ้าหากว่า เขารับรู้ว่า เราได้ทำสิ่งนี้ อาตมาเชื่อแน่ว่าเขาจะขอบคุณ เขาจะอนุโมทนาให้พรที่เราได้ทำในสิ่งที่สำคัญเป็นครั้งสุดท้ายให้กับเขา
ก่อนที่เราจะเคลื่อนย้ายร่างของเขา เราก็อาจจะน้อมใจนึกถึงพระรัตนตรัยอีกสักครั้ง อัญเชิญพระรัตนตรัยพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ หรือว่าน้อมนำพุทธคุณเพื่อมาปกปักรักษาใจของเราให้มีสติ ให้มีความมั่นคง ให้มีความแกล้วกล้าเพื่อที่จะทำภารกิจที่สำคัญนี้ให้ลุล่วงไป
สิ่งที่เราทำเป็นบุญที่จะมีอานิสงส์มากเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก และเมื่อทำแล้วก็จะเชื่อแน่ว่าเราจะประสบความสุขความเจริญ ให้ภูมิใจที่เราได้ทำในที่มีความสำคัญต่อคนที่เรารักซึ่งได้จากไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม ถ้าจะให้ดี ก่อนที่เขาจะสิ้นลม ถ้าเรามีโอกาส ได้น้อมใจให้เป็นกุศล น้อมใจของเราด้วย และน้อมใจของผู้ที่กำลังป่วยหนักใกล้ถึงวาระสุดท้าย น้อมใจผู้ป่วยให้ระลึกถึงพระรัตนตรัย ให้ระลึกถึงความดีบุญกุศลที่ได้บำเพ็ญ สิ่งที่ภาคภูมิใจ แล้วก็น้อมใจผู้ป่วยให้ปล่อยวางทุกสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นลูก ไม่ว่าจะเป็นหลาน คนรัก ทรัพย์สมบัติ งานการ รวมทั้งความรู้สึกที่ไม่ดี เช่น ความโกรธ ความคับแค้น
ถ้าเราชวนผู้ป่วยให้ทำ 2 อย่างนี้ คือ นึกถึงพระ แล้วก็ละทุกสิ่ง จิตของผู้ป่วยจะเป็นกุศล ความทุกข์ทรมานก็จะบรรเทาเบาบาง และถ้าหากว่าเขาจากไปในขณะนั้น ก็จะไปดี ไปสู่สุคติ นี่คือสิ่งที่ผู้ที่อยู่ใกล้ตัวสามารถทำได้ จะพูดคุยโดยตรง หรือผ่านโทรศัพท์มือถือหรือวีดีโอคอลก็แล้วแต่ เราสามารถทำได้ก่อนที่เขาจะสิ้นลม และเมื่อสิ้นลมแล้ว ก็ทำอย่างที่อาตมาได้แนะนำไป
คือ ให้เรานึกถึงพระรัตนตรัย อัญเชิญพระรัตนตรัยมาสถิตในใจ มาคุ้มครอง รักษาเราให้มีสติมั่นคง แล้วก็อันเชิญพระรัตนตรัยเพื่อนำทางจิตของผู้จากไปให้สู่สุคติอย่างที่ได้กล่าวมาข้างต้น อันนี้ก็จะช่วยทำให้เกิดความรู้สึกที่เป็นกุศลทั้งในส่วนของเราเอง และก็ในส่วนของผู้ที่ล่วงลับ ซึ่งอย่างที่อาตมากล่าวไว้ มันจะเป็นบุญที่มีความสำคัญมาก และมีอานิสงส์มาก
และก็ขออนุโมทนาทุกท่านที่ได้ทำสิ่งนี้ เพราะในยามนี้ก็มีแต่เราเท่านั้น ที่จะช่วยกันทำให้ผู้ที่ล่วงลับจากไปต่อหน้าต่อตาได้ไปสู่สุคติได้
- พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล วัดป่าสุคะโต แสดงธรรมวันที่ 1 สิงหาคม 2564